HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

Sg053_3068_180 Sg053_3068_180

คู่มือแนะนำ วัคซีนที่ควรฉีดก่อนมาญี่ปุ่น ฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างเบิกบานใจ

ดูประวัติการฉีดวัคซีนของคุณเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพก่อนเดินทาง!

 

การมีปัญหาสุขภาพที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนในขณะเดินทางไปต่างประเทศนั้นอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากตามมา เช่น การขอคำปรึกษาและการรักษาที่ล่าช้าเนื่องจากปัญหาทางภาษาและทางการเงิน โรคติดเชื้อบางชนิดสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ดังนั้น

การตรวจดูประวัติการฉีดวัคซีนของคุณก่อนเดินทางและการพิจารณาว่าคุณควรฉีดวัคซีนใดบ้างเพื่อป้องกันตัวคุณเองจากโรคติดเชื้อนั้น ๆ และป้องกันไม่ให้แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ วัคซีนบางชนิดจำเป็นต้องฉีดหลายโดส คุณจึงควรปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับชนิดของวัคซีนและตารางการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดก่อนการเดินทาง

 

โรคที่นำเสนอในหน้าเพจนี้ได้แก่
(1) โรคหัด (2) โรคหัดเยอรมัน (3) คางทูม (4) อีกสุกอีใส (5) บาดทะยัก (6) ไอกรน (7) โปลิโอ (8) COVID-19 (9) ไข้หวัดใหญ่ (10) โรคไข้กาฬหลังแอ่น
⁎ สำหรับวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตที่ใช้ในการป้องกันโรค (1) ถึง (4) ควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์เป็นเวลา 1 ถึง 2 เดือนหลังการฉีด โปรดกำหนดตารางการฉีดวัคซีนให้เหมาะสม
⁎ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูข้อมูลจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อแห่งชาติและศูนย์การพัฒนาวิจัยวัคซีน
  รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อประจำสัปดาห์ (IDWR) (niid.go.jp)
  ภาษาต่างประเทศ/มูลนิธิสาธารณะเพื่อการพัฒนาวิจัยวัคซีน (yoboseshu-rc.com)

 

(1) โรคหัดคืออะไร?

โรคหัดเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสหัดและถือว่าติดต่อกันได้ง่ายมาก อาการหลักของโรคหัดคือ มีไข้ ผื่นคัน ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง (อาการเกี่ยวกับโรคหวัด)

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อทางอากาศ ดังนั้น การล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการป้องกัน การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันที่ได้ผล จำเป็นต้องฉีดสองโดสจึงจะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรดพิจารณาการรับวัคซีนหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัดที่เพียงพอเนื่องจากไม่เคยเป็นโรคหัดมาก่อน ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด เคยได้รับวัคซีนเพียงครั้งเดียว หรือไม่แน่ใจว่าเคยได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): เอกสารชี้แจงข้อมูล โรคหัด
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): CDC Yellow Book 2024,โรคหัดเยอรมัน/โรคหัด

(2) โรคหัดเยอรมันคืออะไร?

โรคหัดเยอรมันเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน สามารถติดต่อได้ได้โดยการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือการสูดหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเมื่อผู้ป่วยไอหรือจามเข้าไป โรคหัดเยอรมันแสดงลักษณะด้วยอาการไข้ ผื่นคัน และต่อมน้ำเหลืองโต ประมาณ 15% ถึง 30% ของผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันที่ได้ผล หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมันในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ทารกอาจเกิดมาพร้อมการสูญเสียการได้ยิน ต้อกระจก หรือโรคหัวใจ เป็นต้น โปรดพิจารณาการรับวัคซีนหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมันที่เพียงพอเนื่องจากไม่เคยเป็นโรคหัดเยอรมันมาก่อน ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน เคยได้รับวัคซีนเพียงครั้งเดียว หรือไม่แน่ใจว่าเคยได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): เอกสารชี้แจงข้อมูล โรคหัดเยอรมัน
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): CDC Yellow Book 2024,โรคหัดเยอรมัน
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โรคหัดเยอรมัน (หัดเยอรมันหรือโรคหัดสามวัน)

(3) โรคคางทูมคืออะไร?

โรคคางทูมเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสคางทูม อาการของโรคได้แก่ บวมและปวดบริเวณแก้ม (ต่อมน้ำลายหน้ากกหู) เจ็บเมื่อกลืน และมีไข้ เป็นที่ทราบกันว่าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยปราศจากเชื้อและการสูญเสียการได้ยิน โรคคางทูมสามารถติดต่อได้ได้โดยการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือการสูดหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเมื่อผู้ป่วยไอหรือจามเข้าไป

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันที่ได้ผล จำเป็นต้องฉีดสองโดสจึงจะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรดพิจารณาการรับวัคซีนหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกันโรคคางทูมที่เพียงพอเนื่องจากไม่เคยเป็นโรคคางทูมมาก่อน ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคคางทูม เคยได้รับวัคซีนเพียงครั้งเดียว หรือไม่แน่ใจว่าเคยได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคคางทูม
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): เกี่ยวกับโรคคางทูม | โรคคางทูม | CDC

(4) โรคอีสุกอีใสคืออะไร?

โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเชลลา ซอสเตอร์ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ทางอากาศ ละอองฝอย และการสัมผัส อาการหลักของโรคอีสุกอีใสคือ มีผื่นขึ้นทั่วตัว มีไข้ และรู้สึกเหนื่อยล้า โรคนี้สามารถติดต่อได้ตั้งแต่ 1 ถึง 2 วันก่อนที่ผื่นจะปรากฏให้เห็นจนกว่าผื่นจะตกสะเก็ดจนหมด โรคอีสุกอีใสอาจมีอาการรุนแรงในผู้ใหญ่ และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากเป็นพิเศษในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรต้องระมัดระวัง

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสสองโดส โดยเชื่อกันว่าวัคซีนสองโดสจะช่วยป้องกันการเกิดโรคอีสุกอีใสได้ แม้ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง โปรดพิจารณาการรับวัคซีนหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกันโรคอีสุกอีใสที่เพียงพอเนื่องจากไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส หรือไม่แน่ใจว่าเคยได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคอีสุกอีใส
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โรคอีสุกอีใส (วาริเชลลา) (ภาษาอังกฤษ)
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): CDC Yellow Book 2024, วาริเชลลา/อีสุกอีใส (ภาษาอังกฤษ)

(5) โรคบาดทะยักคืออะไร?

การติดเชื้อบาดทะยักเกิดขึ้นเมื่อเชื้อคลอสทริเดียม เททานีเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลเมื่อได้รับบาดเจ็บ อาการของโรคได้แก่ มีปัญหาในการอ้าปากและมีอาการชัก หากได้รับการรักษาล่าช้า อาจเสียชีวิตได้

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิผลที่สุด หากได้รับวัคซีนอย่างถูกต้อง ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้ถึง 10 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้ที่เคยฉีดมาแล้วมากกว่า 10 ปี วัคซีนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคบาดทะยัก
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): Yellow Book โรคบาดทะยัก

(6) โรคไอกรนคืออะไร?

โรคไอกรนเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจที่ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis เข้าไปในขณะที่ผู้ป่วยไอหรือจาม ตามที่ชื่อบ่งบอก ไอกรนเป็นโรคที่ทำให้มีอาการไออย่างรุนแรง และอาจร้ายแรงในเด็กเล็ก (โดยเฉพาะทารกแรกเกิดและเด็กแบแบาะ) โดยทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวมและความผิดปกติทางสมอง ในบางกรณีอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

มีการรายงานว่าการฉีดวัคซีนสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคไอกรนได้ 80% ถึง 85%

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคไอกรน
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โรคไอกรน / โรคไอร้อยวัน | CDC Yellow Book 2024

(7) โรคโปลิโอคืออะไร?

โรคโปลิโอจะแพร่กระจายเมื่อเชื้อไวรัสโปลิโอเข้าสู่ช่องปากของบุคคลและเพิ่มจำนวนในลำไส้ จากนั้นเชื้อโปลิโอจะถูกขับออกมาทางอุจจาระและแพร่กระจายไปยังผู้อื่นผ่านทางอุจจาระ อาการของโรคโปลิโอจะคล้ายกับอาหารของโรคหวัด ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ คลื่นไส้ และอาเจียน เมื่ออาการลุกลามขึ้น จะเกิดอัมพาตที่มือและเท้า และผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

ในขณะนี้ไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคโปลิโอในประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เพื่อสุขภาพของคุณเองและเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโปลิโอโปรดพิจารณาการรับวัคซีนก่อนเดินทางหากคุณยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอตามจำนวนที่กำหนด

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคโปลิโอ (who.int)
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โปลิโอ | โปลิโอ | CDC

(8) COVID-19 คืออะไร?

COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2 (SARS-CoV-2) ซึ่งก่อโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง สามารถติดต่อได้โดยการสูดหายใจละอองฝอยหรือแม้กระทั่งอนุภาคขนาดเล็กกว่าที่เรียกว่าแอโรซอลที่แพร่กระจายออกมาจากปากหรือจมูกของผู้ติดเชื้อเมื่อไอ จาม หรือพูด เป็นต้น หรือโดยการสัมผัสโดยตรงกับตา จมูก หรือปาก และยังสามารถติดโรค COVID-19 ได้จากการสัมผัสกับตา จมูก หรือปากของคุณด้วยนิ้วมือหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส

เมื่อไวรัสกลายพันธุ์ ก็จะแพร่กระจายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาการของโรคได้แก่ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ เหนื่อยล้า ปวดหัว ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ การรับรสและกลิ่นผิดปกติ และท้องเสีย

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

มีการรายงานว่าวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 มีประสิทธิผลในระดับหนึ่งในการป้องกันอาการป่วยที่ร้ายแรง (การเข้ารักษาในโรงพยาบาล ฯลฯ) และการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรค COVID-19 มาตรการป้องกันอื่น ๆ มีดังเช่น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือให้สะอาด และการระบายอากาศในสถานที่ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | COVID-19 | CDC

(9) โรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร?

โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ติดต่อได้โดยการสูดหายใจละอองฝอยที่แพร่กระจายเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม หรือเมื่อรับประทานอาหารหรือขยี้ตาด้วยมือของคุณเองหลังจากที่ได้สัมผัสบางสิ่งบางอย่างที่ได้รับการปนเปื้อนจากละอองฝอยของผู้ป่วย ฤดูไข้หวัดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นมักเริ่มจากเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม

อาการของโรคได้แก่ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว เหนื่อยล้า ไอ จาม และจมูกอักเสบ ไข้หวัดใหญ่สามารถเป็นโรคที่รุนแรงสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง และอาจลุกลามไปเป็นปอดบวมได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยเด็กอาจมีโรคไข้สมองอักเสบหลังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชักและความผิดปกติในระดับของความรู้สึกตัว

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

มีการกล่าวว่าวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิผลในระดับหนึ่งในการป้องกันการเกิดไข้หวัดใหญ่และป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรง หรือการเสียชีวิตหลังจากที่เกิดโรค การล้างมือให้สะอาดถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณไปในสถานที่ที่ไม่สามารถล้างมือได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เจลฆ่าเชื้อ ก็เป็นความคิดที่ดี

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): โรคไข้หวัดใหญ่ (ตามฤดูกาล) (who.int)
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): Yellow Book โรคไข้หวัดใหญ่

(10) โรคไข้กาฬหลังแอ่นคืออะไร?

โรคไข้กาฬหลังแอ่นเป็นโรคติดเชื้อที่แพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่เกิดจากการจาม เป็นต้น อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยการรุกล้ำในเส้นเลือดหรือในน้ำหล่อสมองไขสันหลัง โรคไข้กาฬหลังแอ่นอาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหัว มีไข้ มีอาการชัก ความผิดปกติในระดับของความรู้สึกตัว ผื่นแดง และอาการช็อก และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การระมัดระวังการติดเชื้อในการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มและในเหตุการณ์ที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมากจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

- การป้องกัน (วัคซีน)

มีวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นหลายชนิดโดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเชื้อ Neisseria meningitidis ประสิทธิผลของวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 80-95% ดังนั้นจึงแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้ที่อยู่อาศัยเป็นกลุ่มหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

- ข้อมูลเพิ่มเติม 

 

▶องค์การอนามัยโลก (WHO): เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น
▶ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC): โรคไข้กาฬหลังแอ่น | ไข้กาฬหลังแอ่น | CDC

คุณอาจจะชอบ...

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages