

แผนการเดินทาง ญี่ปุ่นยุคเก่า จากคานาซาวะถึงเกียวโต ตั้งแต่เมืองอันยิ่งใหญ่ไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท
การเดินทางจากเมืองเล็กทรงเสน่ห์อย่างทาคายามะถึงเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตนี้จะทำให้คุณได้เข้าใจวิถีชีวิตพื้นบ้านของญี่ปุ่นในช่วงหลายศตวรรษก่อนถึงยุคปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง
ไฮไลท์
- พักที่บ้านฟางแบบโบราณในฮิดะ ทาคายามะ
- รับชมการแสดงจากเกอิชาที่กิอง คอร์เนอร์
- ตื่นตากับความงามของสวนเคนโระคุเอ็น"
วิธีการเดินทาง
ทาคายามะตั้งอยู่ในเทือกเขา แจแปนแอลป์ และมักจะถูกเรียกว่าเป็น “เกียวโตน้อย” รถลากจะทำให้คุณได้ประสบการณ์อันน่าจดจำในการสำรวจท้องถนนที่นี่ ซึ่งมีบ้านไม้ วัด และศาลเจ้าเก่าแก่ รวมถึงร้านขายงานฝีมือตั้งอยู่เรียงราย ที่นี่มีตลาดกลางแจ้งทุกเช้าหน้าศาลเจ้าทาคายามะ ซึ่งเป็นตึกที่ทำการฝ่ายบริหารสมัยเอโดะที่น่าแวะชมเช่นกัน โดยตลาดนี้จะมีอาหารและสินค้างานประดิษฐ์จำหน่ายมากมาย

หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
นั่งรถเมล์วิ่งวนในทาคายามะไปสถานที่น่าสนใจได้ 2 แห่งคือ ย่านฮิดะที่อยู่ใกล้ ๆ มีบ้านกัสโช-สึคุริที่มีหลังคาฟางสูงชัน ชมบ้านเหล่านี้ได้ที่ หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
บนเส้นทางเดียวกันนี้ยังมีเฟสต้าฟอเรสต์ ที่จัดแสดงเกี้ยวแห่ยาไตอันหรูหราที่ใช้จริงในงานเทศกาล กลองใบใหญ่ที่สุดในโลก
ชิราคาวะโก และ โกคายามะ มีบ้านกัสโช-สึคุริที่มีชื่อเสียงที่สุด และทั้งสองที่สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถบัสจากทาคายามะโดยใช้เวลาประมาณหนึ่งและหนึ่งชั่วโมงครึ่งตามลำดับ มรดกโลกขององค์กรยูเนสโกทั้งสองแห่งสวยงามในทุกฤดูกาล แต่หากมีหิมะเกาะหนาอย่างในฤดูหนาวจะทำให้ดูมหัศจรรย์เป็นพิเศษ ปัจจุบันนี้ บ้านหลังคาฟางจำนวนมากถูกใช้เป็นที่พักให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งหลาย
ชมวิวบ้านหลังคาฟางกว่า 100 หลังที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาสวย ๆ จากจุดชมวิวใน ชิราคาวะโก

สถาปัตยกรรมแบบกัสโช-สึคุริมีลักษณะเด่นที่หลังคาสูงชัน ซึ่งยาวเกือบแตะพื้นดิน
แม้จะห่างไกลและมีขนาดเล็ก แต่หมู่บ้านไอโนะคุระ ก็เป็นหนึ่งในสถานที่มรดกโลกที่มีผู้อยู่อาศัยไม่กี่แห่งในโลก

หมู่บ้านแห่งไอโนะคุระในโกคายามะ
คานาซาวะ เมืองประวัติศาสตร์ที่มีวัฒนธรรมช่างฝีมือประณีตและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญหลายแห่ง อยู่ห่างจากโกคายามะประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาทีโดยรถบัสมรดกโลกและรถไฟเจอาร์ ขั้นแรก ขึ้นรถบัสมรดกโลกจากป้าย โกคะยามะ ไอคุระกุชิ ไปยังสถานี โจบะตะ (30 นาที) จากนั้นขึ้นรถไฟ JR สาย โจบะตะ จากสถานี โจบะตะ ไปยังสถานี ชินทาคะโอกะ (50 นาที) และนั่งรถไฟสายโฮคุริคุ ชินกันเซน ซุรุงิ 15 นาที จากสถานีชินทาคาโอกะ ไปยังสถานีคันนะซาวะ
10 นาที
สวนเคนโระคุเอ็น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถือเป็นหนึ่งในสวนภูมิทัศน์สามอันดับแรกของประเทศ ที่นี่จึงเป็นไฮไลท์ในการเที่ยวชม คานาซาวะ สวนแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาให้ดูงดงามไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน แต่จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤษภาคมซึ่งดอกไอริสบาน และในฤดูหนาวที่มีการติดตั้งยูกิสึริ ซึ่งเป็นไม้ไผ่ที่ใช้ปกป้องต้นสนจากน้ำหนักหิมะที่กองทับถมกัน

ปราสาทคานาซาวะ
แวะเดินเล่นในเขต ปราสาทคานาซาวะ ที่สร้างขึ้นใหม่ระหว่างทาง ที่นี่เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน
10 นาที
ไม่ไกลนักจากสวนเคนโระคุเอ็นจะเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยศตวรรษที่ 21 ซึ่งคุณจะได้ชมผลงานและการแสดงศิลปะอันน่าตื่นเต้นจากศิลปินชื่อดังระดับโลก อีกทั้งตัวตึกที่ดูล้ำยุคอย่างมากก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรแวะมาเยี่ยมชม
10 นาที
ให้เวลากับการสำรวจย่านเมืองเก่า รวมถึง ย่านนะงะมะจิ บุเคะยะชิกิ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ ปราสาทคานาซาวะ ที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมเหล่านี้ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีและ สะท้อนถึงวิถีชีวิตแบบซามูไรในช่วงยุคเอโดะ ตามถนนแคบ ๆ ที่สวยงาม คุณจะได้พบกับบ้านโนมูระ หรือโนมูระเคะ คฤหาสน์สมัยเอโดะของซามูไรผู้มั่งคั่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้พร้อมกับสวนที่สวยเป็นพิเศษ
นะงะมะจิ ยูเซ็นคัง คือ ศูนย์ย้อมผ้าไหมคากะคูเซ็นที่ตั้งอยู่ในเขตบ้านซามูไรเก่า ซึ่งคุณจะได้ชมเทคนิคการย้อมไหมแบบดั้งเดิมที่ใช้ในการย้อมกิโมโน
ย่านอนุรักษ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจในเมืองนี้ได้แก่ย่านโรงน้ำชานิชิ ชายะและ ฮิงาชิ ชายะ ซึ่งมีร้านขายเสื้อผ้าด้วย โรงน้ำชาไคคะโรในฮิงาชิ ชายะ เป็นโรงน้ำชาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 200 ปี ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมเกอิชา
จาก คานาซาวะ คุณสามารถไปถึง เกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีหากนั่งรถไฟทันเดอร์เบิร์ด เกียวโต เป็นที่อยู่ของจักรพรรดิมากนานกว่า 1,000 ปี จึงเป็นการยากที่จะตัดเมืองนี้ออกไปจากแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่แห่งที่ยังคงสภาพเดิมภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และยังคงเป็นเหมือนแคปซูลกาลเวลาในประเทศที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากอยากเข้าใจความสำคัญของเกียวโต ให้แวะไปที่พิพิธภัณฑ์เกียวโตที่ถนนซันโจ ที่นี่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ตึกอิฐแดงอันโดดเด่นที่เป็นมรดกชาติอีกด้วย ขึ้นไปบนชั้นสองซึ่งมีนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ รวมถึงภาพอันน่าตื่นตาของเทศกาลกิอง มัตสึริ เทศกาลที่สำคัญที่สุดของเมืองซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี และงานฝีมือที่คัดสรรมาอย่างดี

หากคุณสนใจอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับงานฝีมือของเกียวโตให้มากขึ้น พิพิธภัณฑ์งานฝีมือแบบดั้งเดิมของเกียวโตภายในตึกเกียวโตคันเกียวคังมิยาโกะเมสเซก็เป็นตัวเลือกที่ดี่ และจะมีการเชิญช่างฝีมือมาสาธิตให้ดูสด ๆ เป็นบางครั้งบางคราว
สถาปัตยกรรมสุดพิเศษของห้องโถงใหญ่แห่งวัดคิโยมิสึเดระมีความพิเศษตรงที่สร้างยื่นออกมาจากด้านข้างภูเขา จึงไม่ควรพลาดชมเด็ดขาด แนะนำให้คุณเริ่มเดินทางแต่หัววันเนื่องจากการเดินขึ้นเขาจะใช้เวลาสักประมาณหนึ่ง
พื้นที่รอบวัดถือเป็นสวรรค์สำหรับคนรักเซรามิกเพราะมีร้านเครื่องปั้นดินเผาตั้งอยู่มากมาย เรือนอนุสรณ์คาวาอิ คันจิโร อดีตบ้านพักของนักปั้นมิงเก ก็เป็นเหมือนเพชรที่ซ่อนอยู่ในแถบนี้เช่นกัน
ปลายสุดด้านตะวันออกของถนนชิโจก็เป็นจุดหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่นักช็อป ซึ่งสังเกตได้จากเสาประตูสีส้มของ ศาลเจ้ายะซะกะ ศาลเจ้าชินโตขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นหนึ่งในศาลที่เก่าแก่ที่สุดของเกียวโตและยังเป็นจุดสำคัญในการชม เทศกาลกิอง ที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนกรกฎาคม คุณจะได้เห็นพิธีอันซับซ้อนและการแห่ศาลเจ้าสีทองขนาดกะทัดรัด

วัดโคไดจิมีสวนที่งดงาม และมีงานอีเวนต์ประดับไฟยามค่ำคืนในหลาย ๆ โอกาสตลอดปี
หลังจากที่ได้เดินสำรวจพื้นที่ใน ศาลเจ้ายะซะกะ แล้ว คุณสามารถเดินทะลุ สวนสาธารณะมารุยะมะ ไปที่ วัดโคไดจิ ที่เก่าแก่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ภรรยาม่ายของขุนศึกโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (ค.ศ. 1537–1598) สร้างวัดพุทธนิกายเซ็นแห่งนี้เพื่อระลึกถึงสามีผู้ล่วงลับของเธอ ฮิเดโยชิ ที่อยู่ในช่วงสงครามระหว่างรัฐ (ซึ่งกินเวลาประมาณ 150 ปี) และปรารถนาที่จะรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียว โรงน้ำชาที่นี่มีความเกี่ยวข้องกับเซ็นโนริคิว ซึ่งถือว่าเป็นบิดาแห่งพิธีชงชาของญี่ปุ่น
การแสดงยามค่ำคืนที่ยะซะกะฮอลล์ซึ่งมีชื่อว่ากิองคอร์เนอร์ จะทำให้ผู้มาเยือนได้เห็นภาพรวมของศิลปะการแสดงและดนตรีของญี่ปุ่นในรูปแบบที่แตกต่างกันไป รวมถึงพิธีชงชาด้วย การแสดงชุดนี้จะมีไมโกะมาแสดงด้วย คุณควรไปถึงเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรอย่างน้อย 15 นาทีก่อนเริ่มการแสดงเพื่อไม่ให้พลาดช่วงใด ๆ
กิอง เป็นย่านที่มีเขตคาไกหรือเกอิชา 2 เขตจาก 5 เขต ดังนั้น หลังจบการแสดงที่กิองคอร์เนอร์แล้ว ลองเดินเล่นบนถนนที่ไฟส่องสลัวแถบนี้ดู ถ้าโชคดีคุณอาจจะได้เห็นนักแสดงกำลังเดินทางไปตามนัดตอนกลางคืนก็ได้
เท็ตสึกากุโนะมิจิหรือ เส้นทางนักปราชญ์ คือ เส้นทางสวยงามที่เหมาะแก่การเดินเล่นตามคลองที่มีต้นซากุระขึ้นอยู่ตลอดทาง เส้นทางนี้เป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจากดอกไม้ที่เบ่งบานตามฤดูกาลอย่างสวยงามและสีสันในฤดูใบไม้ร่วงที่แต่งเติมภูเขาเขาฮิงาชิยามะ
เผื่อเวลาแวะชมวัดกิงคะคุจิ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดเงิน และสวนที่มีมอสปกคลุม โดยวัดจะอยู่ทางทิศเหนือปลาย เส้นทางนักปราชญ์ วัดที่น่ารักแห่งนี้รอดพ้นเหตุการณ์อันเลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเกียวโตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบโชอิน-สึคุริที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งสถาปัตยกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีบ้านโบราณแบบที่คุณสังเกตเห็นได้ทั่วญี่ปุ่น
ยิ่งเดินไปตามทางมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะได้เห็นป้ายสัญลักษณ์วัดมากมายหลายแห่งตามทาง เช่นวัดโฮเน็นอินหรือศาลเจ้าโอโตโยจิงจะ และที่ที่สองนี้ คุณอาจสังเกตเห็นรูปปั้นหนูน่ารักยืนเฝ้าอยู่นอกศาลเจ้า ถือเป็นผู้ส่งสารให้แก่เทพเจ้าที่สถิตอยู่ประจำศาลแห่งนี้
ถ้าอยากเดินต่อก็ไปต่อได้ที่ วัดนันเซ็นจิ และ ศาลเจ้าเฮอันจิงกู
15 นาที
วัดนันเซ็นจิ เคยเป็นหนึ่งในวัดเซ็นที่มีความสำคัญมากที่สุดในญี่ปุ่น ประตูไม้ซันมงขนาดใหญ่เป็นอนุสรณ์ระลึกผู้ล่วงลับในเหตุการณ์การล้อมปราสาทโอซาก้าในปี ค.ศ.1626 ซึ่งนำไปสู่การสืบทอดอำนาจของขุนศึกโทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยะชิ วัดเท็นจูอัน วัดเล็กที่ตั้งอยู่ในนั้นก็น่าเยี่ยมชมเช่นกัน ลองแวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านหม้อไฟเต้าหู้ที่ขายยูโดฟุชื่อดังสักร้านแถว ๆ นี้ดู

สะพานส่งน้ำ
ตามแนวคลองและส่วนหนึ่งของเส้นทางนักปราชญ์จะเป็นสะพานส่งน้ำที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นได้ใกล้ ๆ วัดนันเซ็นจิ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ
เดินตามคลองในย่านโอคาซากิไปแล้วจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะเกียวเซร่าเมืองเกียวโตและพิพิธภัณฑ์ศิลปะเกียวโตสมัยใหม่แห่งชาติ สวนสัตว์เกียวโต และโรห์มเธียเตอร์
2 นาที
คุณจะได้พบกับเสาประตูโทริอิขนาดยักษ์ที่อยู่หน้า ศาลเจ้าเฮอันจิงกู ซึ่งเป็นการจำลองพระราชวังอิมพีเรียลหลังเดิมในเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1895 ในสไตล์จีนที่ดูแตกต่าง แล้วนั่งพักชมดอกไม้ในสวนสักครู่
เฮอันจิงกู อาจถูกมองว่าเป็นของขวัญปลอบใจก็ได้ เนื่องจากที่นี่ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่พระราชวังถูกย้ายไปที่โตเกียวเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1,100 ปีในการก่อตั้งเมืองเกียวโต ในศาลเจ้านี้เป็นที่สถิตของจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายที่ปกครองเกียวโต ลานศาลเจ้าขนาดใหญ่เปิดโล่งให้การควบคุมเสียงของการแสดงที่จัดขึ้นที่นี่ตลอดปีเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น ทาคิกิโน (การแสดงละครโนกลางแสงไฟ) ในเดือนมิถุนายน
20 นาที
สำหรับนักชิมแล้ว ไม่มีที่ใดจะเหมาะไปกว่า ตลาดนิชิกิ ที่ได้ชื่อเล่นว่าเป็น “ครัวของเกียวโต” คุณจะได้พบกับพ่อค้าแม่ค้ามากมายรวมตัวกันอยู่อย่างแน่นขนัดในทางเดินยาว 400 เมตรนี้ ขายสินค้ามากมายตั้งแต่โดนัท เต้าหู้และไข่นกกระทา ไปจนถึงเครื่องเซรามิกและเครื่่องครัวอย่างดี แม้ว่าจะมีคนเบียดเสียดกันแน่นในช่วงยุ่งที่สุดของวัน แต่ตลาดนี้ก็ดึงดูดให้คนท้องถิ่นมาจับจ่ายด้วยเช่นกัน
หากจะเที่ยวให้ครบทุกที่ในเกียวโตภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่คุณสามารถเดินทางจาก เกียวโต ไปเที่ยวได้หลายที่ สำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อย นั่งรถไฟจากใจกลางเกียวโตไปเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นก็จะพบกับวัดและศาลเจ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใน นารา วัดโทไดจิ เป็นที่ประดิษฐานของพระใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และวิวเมืองเก่าย่านนารามาจิก็เป็นหน้าต่างที่แสนน่ารักซึ่งเปิดสู่โลกของพ่อค้าชาวญี่ปุ่นในอดีต
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ จังหวัดชิงะ ที่อยู่ติดกันซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที ที่นี่มี ทะเลสาบบิวะ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมด้วยเส้นทางปั่นจักรยานยอดนิยม