
แผนการเดินทาง นางาซากิและซะกะ ความแตกต่างและมรดกด้านเซรามิก เหมือนกับแว่นตา
สำรวจนางาซากิที่มีวัฒนธรรมหลากหลายและเมืองเล็กที่อยู่ข้างเคียงอันเป็นจุดกำเนิดของศิลปะด้านเซรามิกญี่ปุ่น
ไฮไลท์
- สถาปัตยกรรมสไตล์จีน ตะวันตก และญี่ปุ่นอยู่ร่วมกันได้ในนางาซากิ
- การขับไล่ชาวคริสเตียนและระเบิดปรมาณูที่ถล่มราบเป็นหน้ากลอง สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันมืดหม่นได้เป็นอย่างดี
- สังเกตความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเครื่องปั้นดินเผาจากอาริตะ อิมะริ และคะระสึ
วิธีการเดินทาง
สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ ให้ขึ้นรถไฟโทไคโดซันโยชินคังเซ็นจากสถานฮากาตะ โดยจะใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมง จากนั้นเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟสายหลักคะโงะชิมะ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีนางาซากิ ซึ่งใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง หากคุณต้องการเดินทางทางอากาศ ก็จะมีเที่ยวบินให้บริการจากสนามบินฮาเนดะไปยังสนามบินนางาซากิหลายเที่ยวต่อวัน การเดินทางโดยเครื่องบินจะใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง
เมืองท่าของนางาซากิยังเป็นสถานที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่เปิดให้โลกได้เข้าถึง ในขณะที่ทั้งประเทศปิดกั้นตัวเองจากชาวต่างชาติในยุคปิดประเทศ (ค.ศ.1641 - ค.ศ.1854) เนื่องจากเมืองนี้ทำการค้ากับนานาชาติ และมีอาณาเขตอยู่ใกล้กับคาบสมุทรเกาหลี จีนแผ่นดินใหญ่ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในญี่ปุ่น ความความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมนี้ยังคงพบเห็นได้จนถึงปัจจุบัน
เริ่มต้นการทัวร์ชมอาคารในประวัติศาสตร์ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของนางาซากิที่โคฟุคุจิ ก่อตั้งโดยพระสงฆ์ชาวจีนในปีค.ศ.1620
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองเทะระมะชิ (เขตวัด) สร้างขึ้นโดยพระสงฆ์ผู้ที่มาจากเมืองจีน เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชาวจีนเหล่านี้เป็นชาวพุทธ ในช่วงที่มีการแบนศาสนาคริสต์ และมีการลงโทษชาวคริสต์อย่างรุนแรง ที่นี่มีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมแบบจีนอย่างชัดเจน ทำให้วัดแห่งนี้แตกต่างไปจากวัดญี่ปุ่นอื่น ๆ วัดโคฟุคุจิเป็นสถานที่กำเนิดนิกายโอบากุของศาสนาพุทธแบบเซ็นในญี่ปุ่น
เดินห่างจากวัดโคฟุคุจิไม่นานก็จะพบกับสะพานเมะกาเนะบาชิ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงสะพานอันงดงามที่ทอดข้ามแม่น้ำนาคาชิม สะพานแห่งนี้ได้ชื่อนี้เพราะภาพสะท้อนของเสาหินของสะพานดูเหมือนกับแว่นตา สะพานโค้งคู่สร้างมาจากหิน ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1634 โดยพระสงฆ์ชาวจีนที่อาศัยอยู่ที่วัดโคฟุคุจิ
Photo: © NPTA
เยี่ยมชมวัดโซฟุคุจิซึ่งตั้งอยู่ในเทรามาจิของนางาซากิเช่นกัน วัดนี้มีชื่อเสียงจากประตูด้านในและโถงพระขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในเมืองหนิงโป ประเทศจีน ก่อนที่จะถูกรื้อถอนและส่งไปยังนางาซากิและประกอบขึ้นใหม่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมของราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644) ของประเทศจีน
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี ชาวจีนจากทั่วทั้งญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมเทศกาลโอบ้ง ซึ่งเป็นงานสำคัญในปฏิทินจันทรคติเพื่อบูชาดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ
Photo: © NPTA
Published with permission from the Catholic Archdiocese of Nagasaki
ครั้งหนึ่งชาวคริสต์ในญี่ปุ่นเคยต้องโทษถึงตาย และโบสถ์คาทอลิกโออุระที่สร้างขึ้นโดยคณะมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสในปีค.ศ.1864-1865 ก็สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับชาวคริสต์ผู้สละชีวิต 26 คนที่ได้รับการลงโทษจากรัฐในปีค.ศ.1597 เพียงเพราะความเชื่อของพวกเขา
อาสนวิหารโออุระเป็นอาคารตัวอย่างสถาปัตยกรรมยุโรปสมัยใหม่ และอาคารสไตล์ตะวันตกที่หายากซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หินของศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ติดกัน
ทำความเข้าใจวิถีชีวิตของพ่อค้าชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในนางาซากิในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้ที่สวนโกลเวอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากโบสถ์คาทอลิกโออุระโดยใช้เวลาเดินไม่นาน อาณาเขตเล็ก ๆ ที่แต่เดิมเป็นที่ตั้งของบ้านของชาวต่างชาติ ซึ่งเดินทางมาชุมนุมกันที่เมืองนี้หลังเปิดเป็นเมืองท่าการค้าอิสระ ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศแบบยุโรปสมัยเก่า
อาคารสไตล์ยุโรปสุดหรูหราหกหลังตั้งอยู่บนเนินที่มีทิวทัศน์อันงดงามของเมืองทั้งเมืองและท่าเรือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ บ้านโกลเวอร์เดิม ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อค้าชาวสก็อตแลนด์ที่ชื่อว่าโทมัส โกลเวอร์ (ค.ศ.1838 – ค.ศ.1911)
นางาซากิและฮิโรชิมะเป็นเพียงสองเมืองในโลกที่ต้องทุกข์ทรมานกับกัมมันตรังสีจากการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณู สวนสันติภาพตั้งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของระเบิดที่โจมตีในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 ซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สันติภาพของโลกไปแล้ว ทุกปี พิธีรำลึกจะจัดขึ้นที่หน้ารูปปั้นสันติภาพสูง 10 เมตร เพื่อระลึกถึงวันที่ระเบิดโจมตี
สำหรับกิจกรรมสิ้นสุดวันของทัวร์นางาซากิ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการทานอาหารค่ำในไชน่าทาวน์ของเมือง ซึ่งเป็นไชน่าทาวน์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น อิ่มหนำกับอาหารจานเด็ดชื่อดังของนางาซากิที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่น อย่างเช่นเมนูก๋วยเตี๋ยวจัมปง
นอกจากนี้ไชน่าทาวน์ยังเป็นแหล่งสำคัญของเทศกาลโคมนางาซากิประจำปี ที่จะจัดขึ้นในช่วง 15 วันแรกของช่วงตรุษจีน ในงานเทศกาลนี้จะมีโคมไฟสีสันสดใสกว่า 15,000 ดวงจัดแสดงอยู่ทั่วนางาซากิ
อาริตะ ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่า 400 ปีนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดซะกะ โดยเป็นต้นกำเนิดของเครื่องเคลือบญี่ปุ่น ภาชนะที่ผลิตในท้องถิ่นมีลักษณะเฉพาะที่เด่นชัด เช่น สีพื้นที่ขาวจนเกือบโปร่งใส และภาพวาดที่วาดไว้อย่างสดใสสวยงาม นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นมีชื่อเสียงในด้านการผลิตสิ่งที่นักสะสมชาวยุโรปเรียกว่าเครื่องเคลือบอิมาริด้วย เครื่องเคลือบชนิดนี้ถูกตั้งชื่อตามเมืองท่าอิมาริที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ส่งออกเครื่องเซรามิก ในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 18 เครื่องเคลือบนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ราชนิกุลและชนชั้นสูงของยุโรปและตุรกี
มาดูกันว่ามันเริ่มต้นอย่างไร
เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เครื่องเซรามิกอาริตะ เพื่อหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องเคลือบอาริตะ และจุดเริ่มต้นของเครื่องเคลือบนี้ในเมืองอันเงียบสงบที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้ อาริตะมีความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับเมืองไมเซิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องเคลือบเหมือนกัน
เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
อิมาเอมงเปิดกิจการมานานเกือบ 400 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องเคลือบที่โด่งดังที่สุดเจ้าหนึ่งของญี่ปุ่น เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เครื่องเซรามิกโบราณอิมาเอมง เพื่อหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ ซึ่งใช้ในการผลิตเครื่องเคลือบอิโระนะเบะชิมะที่เคลือบด้วยสีสันหลากหลาย
ซื้อเครื่องเคลือบสวย ๆ กลับบ้านสักชิ้นสองชิ้น
งานออกร้านเครื่องเซรามิกอาริตะ จะจัดขึ้นในช่วงโกลเด้นวีคตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ไปจนถึง 5 พฤษภาคม โดยงานนี้จัดมานานกว่า 100 ปีแล้ว ซุ้มร้านค้ากว่า 500 ซุ้มเปิดขายสินค้าตลอดแนวถนนซารายามะ เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร โดยจำหน่ายเครื่องเซรามิกทุกประเภท ทุกราคา
Photo: None / None / Copyright :Saga Prefectural Tourism Federation
หมู่บ้านโอคะวะจิยะมะเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาท่ามกลางเทือกเขา นี่คือสถานที่ที่ตระกูลนาเบชิมะซึ่งปกครองในจังหวัดซากะเคยผลิตผลงานชิ้นเอก เช่น "อิโระ-นาเบะชิมะ" "นาเบชิมะโซเมะซึเกะ" และ "นาเบชิมะศิลาดล" ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด และเป็นที่ตั้งของเตาเผาที่อุทิศให้กับครอบครัว
แสดงความเคารพศิลปะเครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่น
สำรวจลักษณะของเครื่องเคลือบญี่ปุ่นที่หรูหราและงดงาม ขณะที่เดินเที่ยวชมหมู่บ้านโอคะวะจิยะมะและเตาเผาแบบขั้นบันไดในหมู่บ้าน เมื่อมาที่สวนนะเบะชิมาฮันโย คุณจะได้ชมเตาเผาขั้นบันไดไปพร้อม ๆ กับชิ้นงานเซรามิกสมัยใหม่
คะรัตสึ เป็นเมืองชายฝั่งที่อยู่เหนือทะเลเก็งไค โดยเมืองนี้มีชื่อเสียงจากผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาคะรัตสึ การเที่ยวชมเมืองของคุณจะไม่สมบูรณ์เลย หากไม่ได้ดื่มด่ำกับความงดงามของอ่าวคะรัตสึ ซึ่งเป็นชายทรายความยาว 4.5 กิโลเมตรที่มีกลุ่มต้นสนดำขึ้นอยู่เต็มไปหมด

ลงสีเครื่องปั้นดินเผาท้องถิ่น
เมื่อเทียบกับเครื่องเคลือบอาริตะที่มีสีสันสดใสและเครื่องเคลือบอิมาริสำหรับชนชั้นสูงแล้ว เครื่องเซรามิกของคะรัตสึจะมีสีสันแบบดินธรรมชาติมากกว่า
20 นาที
ปราสาทคะรัตสึสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1608 โดยเชื่อกันว่าตัวปราสาทแสดงถึงความงดงามของนกกระเรียนที่กำลังสยายปีก มุ่งหน้าไปยังหอชมทิวทัศน์ที่หันหน้าเข้าหาอ่าวคะรัตสึ เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของท้องทะเล
รวมถึงใช้เวลาไปกับการเดินเล่นไปทั่วสวนสาธารณะที่ล้อมอยู่รอบปราสาท ซึ่งจะมีต้นซากุระและต้นวิสทีเรียออกดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี
20 นาที
ในฤดูใบไม้ร่วง เมืองนี้จะมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยขบวนแห่เกี้ยวในเทศกาลคะรัตสึคุนจิ ซึ่งเป็นงานรื่นเริงประจำปีที่สำคัญงานหนึ่งของเมือง
ตลอดทั้งปีฮิคิยามะ (เกี้ยวยักษ์) จะถูกนำมาจัดแสดงที่หอจัดแสดงนิทรรศการฮิคิยามะที่ตั้งอยู่ข้างศาลเจ้าคะรัตสึ ฐานของฮิคิยามะสร้างขึ้นโดยการนำกระดาษวาชิหลายร้อยแผ่นมาแปะทับแม่แบบไม้หรือดินน้ำมันขึ้นรูปเป็นชั้น ๆ แล้วทาสีแดง สีทอง และสีเงิน ประวัติของเกี้ยวพวกนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1819 เมื่อมีการสร้างสิงโตสีแดงถวายศาลเจ้า
ข้อมูลล่าสุดอาจแตกต่างออกไป ดังนั้นโปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
มุ่งหน้าออกจากจังหวัดซะกะไปทางทิศตะวันออก แล้วคุณจะได้เจอกับคาบสมุทรอิโตะชิมะ สรวงสวรรค์บนชายหาดที่ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองฟุคุโอกะเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ที่นี่มีทั้งทางเดินขึ้นเขาและชายหาดสวยบริสุทธิ์หลายแห่ง รวมถึงทางชมพระอาทิตย์ตกฟุตะมิงะอุระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมโอโตะอิวะ หรือ หิน “สามีภรรยา” ซึ่งถูกโยงเข้าด้วยกันด้วยเชือกที่มีชื่อเสียง