ทิวทัศน์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ดีที่สุดในเกียวโตและพระพุทธรูปที่ดูแปลกตา
เอคันโดเป็นวัดที่รู้จักกันดีว่ามีใบไม้ที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยจะงดงามมากขึ้นไปอีกจากแสงที่มาตกกระทบยามเย็น แม้ฤดูนี้จะดึงดูดผู้คนให้มาที่นี่กันมาก แต่วัดแห่งนี้ก็ควรค่าแก่การเยี่ยมชมตลอดทั้งปี
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของ ทางเดินนักปราชญ์ (Philosopher's Path) ตรงใจกลางเมืองฮิงาชิยามะ พื้นที่ตรงนี้กว้างใหญ่ โดยมีอาคารมากมายที่เชื่อมถึงกันด้วยทางเดินแบบมีหลังคาคลุม
เกร็ดน่าสนใจ
เอคันโดคือของขวัญที่ขุนนางตุลาการในสมัยเฮอัน (ปี 794-1185) มอบให้พระสงฆ์
เอคันโดยังมีชื่อที่รู้จักกันอีก 3 ชื่อด้วย คือ เซนรินจิ โชจุไรโงะซัง และมูเรียวจูอิน
วิธีการเดินทาง
เดินทางมาเอคันโดได้ง่ายๆ ทางรถไฟจากสถานีเกียวโต แล้วเดินต่อเป็นระยะสั้นๆ
จากสถานีเกียวโต ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินเทศบาลเกียวโตสายคาราสุมะไปสถานีคะระสุมะ-โออิเคะ จากจุดนั้น ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสายโทไซที่ไปโรคุจิโซะเพื่อไปสถานีเคะอาเกะ จากจุดนั้นใช้เวลาเดิน 15 นาที


อดีตตำหนักของขุนนางตุลาการ
เอคันโดเป็นตำหนักเก่า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของขุนนางที่มอบตำหนักนี้ให้พระสงฆ์ในปี 853 ความสุขสบายทางโลกและความงดงามตามธรรมชาติเริ่มมีความหมายทางด้านจิตวิญญาณเมื่อมีการปรับใช้ตำหนักตามจุดประสงค์ใหม่
พระพุทธรูปในปางที่ดูแปลกตา
เอคันโดเต็มไปด้วยงานศิลปะหลากหลายชิ้น โดยชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือรูปปั้นพระอมิตาพุทธซึ่งพระเศียรหันไปด้านหนึ่งแทนที่จะมองตรงมาทางด้านหน้าอย่างที่เห็นกันตามปกติ ตำนานเล่าไว้ว่าขณะที่เจ้าอาวาสประกอบพิธีสำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ ท่านได้หันมามองและพูดกับเจ้าอาวาส




ขึ้นไปให้ถึงเจดีย์เพื่อชมทิวทัศน์
เจดีย์ทาโฮ-โตตั้งอยู่ข้างบนอาคารวัดโดยต้องขึ้นบันไดที่สูงชัน และจากตัวเจดีย์สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองที่อยู่เบื้องล่างได้
ไฮไลท์อย่างหนึ่งของเอคันโดคือสระน้ำโฮโจซึ่งโอบล้อมด้วยสวนที่มีทัศนียภาพน่าชม กลางสระน้ำจะเป็นเกาะเล็กๆ ที่มีศาลเจ้าเก่าแก่สร้างขึ้นบนนั้น

การเยี่ยมชมเอคันโดแบบไม่เร่งรีบจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถอยู่ต่ออีกได้ตามสบาย โดยเฉพาะถ้าคุณเพลิดเพลินไปกับองค์ประกอบอันสุนทรีย์ของพุทธศาสนา