ศาลเจ้าเมจิจิงกู 明治神宮

ศาลเจ้าชินโตที่ล้อมรอบด้วยป่าเขียวชอุ่มในใจกลางโตเกียว อุทิศให้จักรพรรดิเมจิ (ค.ศ. 1852 - ค.ศ. 1912) และจักรพรรดินีโชเก็ง เป็นผู้ที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ก้าวสู่ยุคสมัยใหม่

แนะนำให้คุณเยี่ยมชมเมจิจิงกูเป็นที่แรกในโตเกียว เพราะว่าเมื่อเดินเที่ยวชิบุยะหรือฮาราจุกุ ควรเดินอย่างสงบเงียบไปยังพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์หลักของศาลเจ้าตามเส้นทางที่สร้างไว้อย่างดี

เมจิจิงกูตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮาราจุกุ และสถานีเมจิจิงกูมาเอะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟเจอาร์ ให้ขึ้นรถไฟสายยามาโนเตะไปยังสถานีฮาราจุกุ ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ให้ขึ้นรถไฟสายจิโยดะ หรือสายฟุคุโทชิน ไปยังสถานีเมจิจิงกูมาเอะ ศาลเจ้าจะอยู่ห่างจากแต่ละสถานีโดยใช้เวลาเดิน 10 นาที

เกร็ดความรู้ * ศาลเจ้าได้ฉลองครบรอบ 100 ปีในปีค.ศ. 2020  * ต้นไม้ในป่ารอบศาลเจ้ากว่า 100,000 ต้น นั้นมาจากการบริจาคทั่วญี่ปุ่นและปลูกโดยเหล่าอาสาสมัครเยาว์วัยเพื่อสร้างเป็นป่าล้อมตัวศาลเจ้า

ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1920 เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงจักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเก็ง

จักรพรรดิเมจิได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับมหาอำนาจของโลก เช่นเดียวกันกับสถานที่สำคัญอื่นๆในโตเกียว ตัวของศาลเจ้านั้นถูกทำลายจากผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถูกบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ด้วยการระดมทุนจากสาธารณชน

เมื่อเดินผ่านสถานีฮาราจุกุ ก็จะพบกับเส้นทางเดินที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้ ซึ่งทอดไปยังพื้นที่หลักของศาลเจ้า ทางเดินสั้น ๆ ที่ทอดไปยังประตูหน้าศาลเจ้านี้ปกคลุมด้วยต้นไม้สูงชะลูด ซึ่งบดบังทิวทัศน์และเสียงของเมืองภายนอก

พอเดินลอดเสาโทริอิที่เป็นสัญลักษณ์บอกจุดเริ่มต้นเขตศาลเจ้าแล้ว คุณจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุดในโลก ป่าอันเงียบสงบที่สร้างโดยมนุษย์นี้มีต้นไม้กว่า 100,000 ต้น ซึ่งประกอบด้วยต้นไม้สปีชีส์ต่าง ๆ มากมายที่ได้รับการบริจาคมาจากทั่วญี่ปุ่น

ที่ใจกลางของป่ากลางเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาคารหลักของเมจิจิงกู หากคุณเพิ่งมาถึงโตเกียว ที่นี่ก็เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ดีสำหรับการเที่ยวศาลเจ้าครั้งแรก เนื่องจากที่นี่มีสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษจำนวนมากที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าร่วมพิธีกรรมแบบชินโตดั้งเดิมได้ เช่น การถวายสิ่งของและสวดมนต์ที่ศาลเจ้าหลัก การเขียนขอพรบนแผ่นจารึกเอมะ และการซื้อเครื่องรางให้พรหรือคุ้มครองในเรื่องต่าง ๆ

ใต้สุดของเขตศาลเจ้าจะมีสวนด้านในอันกว้างขวางตั้งอยู่ ที่นี่อาจเป็นสถานที่ที่คนมองข้าม แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีมักเสด็จเยี่ยมเยือนสวนไอริสที่นี่ และสวนไอริสแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้สร้างเมจิจิงกูขึ้นที่นี่ด้วย

แม้ว่าจะมีการเก็บค่าเข้าชม แต่สวนแห่งนี้ก็เป็นเขาวงกตแสนสวยที่มีทางเดินชมป่า ซึ่งมีทิวทัศน์อันงดงาม ทุ่งดอกไอริสแบบญี่ปุ่น รวมถึงมีโรงน้ำชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมด้วย บ่อน้ำคิโยมาซะซึ่งตั้งชื่อตามขุนนางที่เป็นผู้ขุดบ่อเมื่อ 400 ปีที่แล้วนั้นนับว่าเป็น “ขุมพลัง” เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่หลาย ๆ คนจะแวะมาเยี่ยมเยือนเพื่อรับพลังบวกและพลังฟื้นฟู

ด้วยที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองและประวัติศาสตร์อันรุ่มรวย ทำให้พื้นที่ของเมจิจิงกูเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมและจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ทั้งปี

ศาลเจ้ามักจะมีงานจัดขึ้นตลอด โดยเริ่มต้นในวันขึ้นปีใหม่ ที่ผู้คนกว่าสามล้านคนหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อให้พบกับความโชคดีตลอดทั้งปี จนถึงช่วงสิ้นปีที่มีพิธีกรรมโจยาไซในวันที่ 31 มกราคม

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยู่ในโตเกียวช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม อย่าลืมเดินทางมาร่วมงานเทศกาลใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ ที่คุณสามารถรับชมการแสดงดนตรีและเต้นระบำอันน่าทึ่งเพื่อทำพิธีกรรม หากคุณมาเที่ยวในช่วงที่ไม่มีเทศกาล ก็ยังมีโอกาสดี ๆ ที่จะได้ชมการแต่งงานแบบชินโตดั้งเดิมที่จัดขึ้นในเมจิจิงกู อย่าลืมจับตามองหาโอกาสที่จะได้ดูพิธีการนี้

นอกจากนี้ สวนสาธารณะโยโยงิ(ถัดจากเมจิจิงกู)ยังมีการจัดงานเทศกาลสมัยใหม่ งานจัดแสดงอาหาร และการแสดงต่าง ๆ ขึ้นตลอดทั้งปีด้วย