สวนอุุเอโนะ(โตเกียว) 上野恩賜公園

สวนอุเอโนะเป็นหนึ่งในห้าสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีชื่อเสียงจากสวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ และวิวดอกซากุระสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะเปิดให้เข้าชมในปีค.ศ. 1873 ภายใต้ชื่อทางการว่าอุเอโนะอนชิโคเอ็น แปลว่า “สวนสาธารณะพระราชทานอุเอโนะ”

สวนอุเอโนะเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่มีรถไฟ รถไฟใต้ดิน และรถไฟชินคันเซนผ่านหลายสาย

รถไฟสายเจอาร์ยามาโนเตะจอดที่อุเอโนะซึ่งอยู่ถัดจากสถานีโตเกียวสี่ป้าย คุณสามารถเดินทางมาที่สถานีนี้โดยขึ้นรถไฟสายเคเซอิกายไลน์เนอร์จากสนามบินนาริตะ หรือรถไฟหัวกระสุนจากชายฝั่งตอนเหนือและตะวันตกของญี่ปุ่น

สถานีอุเอโนะมีขนาดกว้างมาก แต่ที่สถานีจะมีทางออกที่ตรงไปยังสวนอุเอโนะโดยเฉพาะ สวนสาธารณะนี้อยู่ตรงกันข้ามกับทางออกที่ชื่อทางออกสถานีเจอาร์อุเอโนะไปสวนสาธารณะ

นอกเหนือจากแกเลอรี่และพิพิธภัณฑ์ที่เยี่ยมยอด หมีแพนด้าที่สวนสัตว์อุเอโนะ สระชิโนะบะซู และศาลเจ้าโทโชงุที่เก่าแก่แล้ว ที่สวนอุเอโนะยังมีดอกซากุระที่เลื่องชื่อที่สุดอีกด้วย ด้วยเหตุนี้

ต้นไม้ที่สวนปลูกโดยโทกุกาวะ อิเอมิทสุ (ค.ศ. 1604 - 1651) ผู้ปกครองคนที่สามของรัฐบาลโชกุนโทกุกาวะ หลังจากผ่านมานานกว่า 400 ปี ต้นไม้ชุดแรก ๆ ได้ล้มหายตายจากไปแล้ว แต่ประเพณีชมดอกซากุระในสวนสาธารณะยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทุกปีในสวนอุเอโนะจะมีผู้คนกว่า 2 ล้านคนมาชมดอกซากุระจนเกิดเป็นภาพกลุ่มคนที่นั่งบนทางเดินสวนยาวเหยียดไปจนถึงทางเข้าสวนสัตว์อุเอโนะ  พื้นที่นี้เป็นจุดที่มีดอกซากุระเกือบครึ่งของทั้งสวน โดยในช่วงพีคนั้นผู้คนจะต้องเดินฝ่าฝูงชนที่กำลังเพลิดเพลินกับการปิกนิก  ฮานามิเป็นงานที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิโดยผู้คนจะทานอาหารและดื่มกินใต้ต้นไม้ที่มีดอกชมพูและสีขาวที่ตระการตา

สวนอุเอโนะมีพิพิธภัณฑ์ถึงหกแห่งซึ่งนับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะไปศึกษาศิลปะและวิทยาศาสตร์มากที่สุดในญี่ปุ่น

ไม่ว่าจะด้านการจัดแสดงศิลปะ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และด้านอื่น ๆ พิพิธภัณฑ์ชิตะมะจิ พิพิธภัณฑ์หลวงอุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว และพิพิธภัณฑ์ศิลปะมหานครโตเกียวล้วนเป็นสถานที่ที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

พิพิธภัณฑ์ชิตะมะจิที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นนั้นมีความโด่งดังเรื่องการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โตเกียว ซึ่งบางครั้งอาจถูกเมินเฉยเนื่องจากแกเลอรี่และพิพิธภัณฑ์อื่นๆในสวนอุเอโนะที่ดังกว่า พิพิธภัณฑ์นี้จะอธิบายเกี่ยวกับวิถีชีวิตในอดีตโตเกียว

คำว่าชิตะมะจิแปลว่า “เมืองด้านล่าง” ซึ่งสำหรับในโตเกียวแล้วหมายถึงที่ราบทางตะวันออกของเมืองรอบ ๆ แม่น้ำสุมิดะ บริเวณนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงสถานะความยากจนเสียทีเดียว แต่อ้างอิงถึง ช่างหัตถกรรม ชาวประมง กะลาสีเรือ และผู้ค้าขายที่อาศัยอยู่ที่นั้น พิพิธภัณฑ์นี้จะไม่เพียงช่วยให้คุณสัมผัสกับประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังทำให้ได้ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นของโตเกียวซึ่งก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน

ใกล้พิพิธภัณฑ์ชิตะมะจิคือสระชิโนะบะซูซึ่งเป็นสถานที่พิเศษในสวนอุเอโนะ พื้นที่รอบสระนี้จะมีวัดเก่าแก่อยู่ ได้แก่ พื้นที่ของศาลเจ้าคันเอจิซึ่งได้กลายเป็นสวนอุเอโนะ ศาลเจ้าอุเอโนะโทโชกูที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่โชกุนโทกุกาวะ อิเอยาซุ และวัดคิโยมิซุคันนงโดะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดดังของเกียวโต

ทิวทัศน์ที่น่าประทับใจที่สุดของสระชิโนบาซุแห่งนี้นี้จะปรากฎในทุกฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่ดอกบัวนับพันเบ่งบานพร้อมกันจนเกิดบรรยากาศที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างน่ามหัศจรรย์ ในญี่ปุ่นตั้งแต่อดีต ดอกบัวเป็นดั่งตัวแทนของความบริสุทธิ์ การเกิดใหม่ และพุทธศาสนา โดยวิวดอกบัวที่ปกคลุมสระนี้เป็นภาพที่คุณไม่ควรพลาด

ไซโงะ ทะกะโมะริเป็นหนึ่งในซามูไรที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นที่มีประวัติอันยาวนานและน่าประหลาดใจ เขาเป็นชาวนาชนบทที่เริ่มต้นอาชีพซามูไรในคะโงะชิมะ เคยถูกเนรเทศสองครั้ง เป็นผู้นำทัพให้กับกองทัพจักรวรรดิในหลายสงคราม ไต่เต้าเป็นนักกลางเมืองในยุคเมจิ และสุดท้ายก็ได้ฆ่าตัวตายในกบฎซัตสึมะ (ค.ศ. 1877) เขามีชื่อเสียงมากจนมีข่าวลือว่าเขาได้ฟื้นคืนชีพหลังจากที่เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว

ทะกะโมะริได้รับฉายาว่า “ซามูไรคนสุดท้ายตัวจริง” จากความภักดี ความกล้าหาญ และบทบาทสำคัญในศึกครั้งใหญ่ที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เขาเป็นบุคคลสำคัญในการฟื้นฟูเมจิ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันญี่ปุ่นสู่ยุคที่ทันสมัยตามกระแสโลกตะวันตก รูปปั้นสัมฤทธิ์ของเขาในสวนสาธารณะเป็นหนึ่งในรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น

ในขณะที่สวนสาธารณะจะเป็นสถานที่น่าสนใจที่สุดของอุเอโนะซึ่งอาจต้องใช้เวลาสำรวจเป็นวัน แต่คุณก็สามารถแวะไปสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในพื้นที่นี้ได้ เดินไม่ไกลจากสวนสาธารณะก็จะเจออาเมะยะ โยโคะโจ  เรียกกันติดปากว่าอาเมโยโกะ ถนนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางขนมหวานแห่งโตเกียว และเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าของกองกำลังปกครองครองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปัจจุบันที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่สำหรับนักช้อปของราคาประหยัดด้วย คุณจะเห็นร้านรับประทานอาหารกลางแจ้งเล็ก ๆ มากมายให้คุณได้ลิ้มลองคุชิคัตสึ หมูทอดกรอบ และผักย่างไม้

เดินเลยอาเมโยโกะตรงไปอีกก็จะถึงอาคิฮาบาระ “เมืองแห่งเครื่องใช้ไฟฟ้า” ของโตเกียวที่เคยขึ้นชื่อเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าค่อย ๆ พัฒนาเป็นตลาดสินค้าไฮเทค จนปัจจุบันเป็นดั่งศูนย์รวมอะนิเมะ มังงะ เกม และวัฒนธรรมสมัยใหม่ทั้งหลาย หากเดินจากสวนอุเอโนะผ่านอาเมโยโกะไปอาคิฮาบาระ (ประมาณ 1.2 กิโลเมตร) คุณอาจจะไม่เชื่อเลยว่าทั้งหมดนี่คือเมืองเดียวกัน และนี่ก็คือหลักฐานที่บ่งชี้ถึงขนาดและความหลากหลายของโตเกียว