พบกับหลุมฝังศพพระเยซูคริสต์ในจุดที่ไม่น่าเชื่อในอะโอโมริ
ตำนานท้องถิ่นในชินโกเล่าว่าเมืองนี้คือสถานที่ลมหายใจสุดท้ายของพระเยซูคริสต์พระองค์จริง
วิธีการเดินทาง
คุณสามารถเดินทางมายังชินโกได้โดยรถยนต์หรือแท็กซี่เท่านั้นจากสถานีฮาชิโนะเฮะ
เมืองชินโกซึ่งมีหลุมฝังศพพระเยซูคริสต์นั้นอยู่ห่างออกไปราว 30 กิโลเมตรทางฝั่งตะวันตกของเมืองฮาจิโนเฮะ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ในจังหวัดอะโอโมริ ไม่สามารถเดินทางมายังชินโกด้วยรถไฟได้ จากสถานีฮาชิโนะเฮะ จะใช้เวลาขับรถมาราว 40 นาที โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 454 จากใจกลางชินโก สถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตรโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 454
เรื่องราวที่เล่ากันปากต่อปาก
ตามคำกล่าวอ้างของครอบครัวซาจิโระ ซาวางูจิ พระเยซูคริสต์ไม่ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนที่เนินเขากลโกธา แต่เป็นพระอนุชาของพระองค์นามอิซูกิริ พระเยซูคริสต์หลบหนีผ่านทางไซบีเรียและอลาสก้ามายังจังหวัดมุตสึในโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีปอยผมของพระนางมารีย์ผู้เป็นมารดากับหูข้างหนึ่งของอิซูกิริติดตัวมาด้วย
ที่ญี่ปุ่น พระเยซูคริสต์ลงหลักปักฐานในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันคือชินโก มีภรรยาชาวญี่ปุ่น และมีลูกสาว 3 คน พระองค์ใช้ชีวิตเป็นชาวนาปลูกข้าว เดินทาง และเรียนรู้จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้ 106 ปี

พิพิธภัณฑ์ตำนานพระคริสต์
เอกสารทาเกโนอูจิและนักโบราณคดีจักรวาลนามวาโด โคซากะ
เอกสารที่เปิดเผยเรื่องราวยิ่งใหญ่นี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1936 และเผอิญได้ถูกทำลายไปในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี ยังมีสำเนาที่ถูกค้นพบในพิพิธภัณฑ์นี้ พร้อมทั้งคำแปลภาษาอังกฤษ 3 ชุดที่คุณสามารถชมได้
วาโด โคซากะ คือผู้คัดลอกสำเนาจากเอกสารทาเกโนอูจิต้นฉบับ ต่อมาในภายหลังเขามีชื่อกระฉ่อนในทศวรรษ 1970 จากการติดต่อกับจานบินยูเอฟโอในการออกอากาศสดทางโทรทัศน์ เอกสารของเขาไม่เพียงบอกให้เราทราบถึงเรื่องราวการเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นของพระเยซูคริสต์ แต่ยังบอกให้ทราบอีกด้วยถึงการที่บรรพบุรุษมนุษย์นั้นมาจากนอกโลก
ทำไมถึงเป็นที่ชินโก
ตำนานเล่าว่า พระเยซูคริสต์เคยเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเมื่ออายุระหว่าง 21 ถึง 33 ปี เป็นช่วงที่ไม่มีพระประวัติบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องราวนี้หรือไม่ แต่ความงดงามแบบชนบทในพื้นที่รอบชินโกนั้นก็เป็นความจริง
