เกียวโตเปรียบเหมือนอัญมณีสีเขียวแห่งภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศตั้งแต่ ค.ศ. 794 จนถึงกลางศตวรรษที่ 19 เมืองเกียวโตมีความเจริญรุ่งเรืองด้านวัฒนธรรมและทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งเป็นฉากหลังของงานศิลปะแขนงต่างๆและงานวรรณกรรมมากมายจวบจนถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันเมืองเกียวโตยังเป็นที่รู้จักในระดับสากล เนื่องจากวัด ศาลเจ้า และปราสาทต่างๆรวม 17 แห่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

หลังจากได้รับอิทธิพลมาจากเมืองหลวงโบราณของจีน เมืองเกียวโตได้กลายเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นตั้งแต่ ค.ศ. 794 จวบจนสิ้นยุคสมัยเอโดะในปี ค.ศ. 1867 สมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ทั่วเมืองมาจนถึงปัจจุบัน และสถานที่ 17 แห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1994

สถานที่ทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่อแนวทางปฏิบัติตามความเชื่อของตนเอง มรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเหล่านี้ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต อุจิ และโอทสึในจังหวัดชิงะ

มรดกโลกทางวัฒนธรรมในเกียวโตเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายศตวรรษ

ตัวอย่างเช่น ศาลเจ้าชิโมะกาโมะ-จินจะ ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่สุดเส้นทางธรรมชาติที่ตัดผ่านป่าทาดาสุ-โนะ-โมริและมีประวัติอันยาวนาน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับศาลเจ้าแห่งนี้ถูกค้นพบจากการขุดค้นในพื้นที่ซึ่งขุดพบเครื่องปั้นดินเผาจากสมัยโจมง (14,000-300 ปีก่อนคริสตกาล) และยังคงถูกใช้อยู่เพื่อประกอบพิธีกรรมโบราณ

วัดโทจิ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ถัดจากเส้นแนวของวัดลงไปเล็กน้อย ด้วยความสูงถึง 55 เมตร ทำให้เป็นโครงสร้างไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น การก่อสร้างเจดีย์ห้าชั้นแห่งนี้ได้มีการรวบรวมทรัพยากรและกำลังคนมากมายและใช้เวลาในการก่อสร้างถึงสามทศวรรษ และต่อมาเจดีย์แห่งนี้ได้ถูกทำลายลงจากฟ้าผ่าและภัยพิบัติต่างๆอีกถึง 4 ครั้ง ก่อนที่จะถูกบูรณะขึ้นมาอีกครั้ง

บนภูเขาฮิเอ วัดเอนเรียคุจิยังคงรักษาและสืบทอดประวัติศาสตร์และประเพณีทางพุทธศาสนามายาวนานกว่า 1,200 ปีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ. 788 นอกจากนี้ประวัติความเป็นมาของตัววัดเอนเรียคุจิเองก็น่าสนใจและคุ้มค่าต่อการเยื่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่แนวคิดพุทธเกษตรทำให้สัทธรรมปุณฑริกสูตรได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการเป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้ของเหล่าซามูไรนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องราวต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงประวัติความเป็นมาอันยาวนานและความศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่

วัดเบียวโดอิน มีประวัติความเป็นมายาวนานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แต่เมื่อเริ่มแรกถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับขุนนาง แต่ได้รับการดัดแปลงเป็นวัดพุทธในคริสต์ศตวรรษที่ 11 และถ้าอยากทราบว่าลักษณะภายนอกที่สวยงามของวัดเป็นอย่างไร ให้ลองดูที่เหรียญ 10 เยน

ในช่วงท้ายของประวัติศาสตร์และเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ พื้นที่กว้างใหญ่และอาคารหรูหราของ ปราสาทนิโจ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลซามูไรที่มีบทบาทสำคัญทางการเมืองในช่วงสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867)

สวนหินที่วัดริวอันจิอาจจะดูเรียบง่ายเมื่อมองดูครั้งแรก แต่สวนแห่งนี้สร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งและมีอิทธิพลต่อการออกแบบสวนทั่วโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในสวนประกอบด้วยหินจำนวน 15 ก้อนที่มีขนาดแตกต่างกันและจัดวางบนพื้นทรายสีขาวขนาด 250 ตารางเมตร

มรดกโลกอื่นๆในพื้นที่รอบเมืองเกียวโตที่ควรค่าแก่การไปเยื่ยมชม เช่น ศาลเจ้าคามิกาโมจินจะ , วัดคิโยมิซุเดระ , วัดไดโกจิ , วัดนินนาจิ , ศาลเจ้าอุจิงามิจินจะ, วัดโคซังจิ , วัดไซโฮจิ , วัดเทนริวจิ , วัดคินคาคุจิ , ปราสาทเงิน (วัดกินคาคุจิ) และ วัดนิชิ ฮงกันจิ .

เมืองเกียวโตเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางโดยรถไฟชินกังเซ็น จาก โตเกียว นาโกยา โอซากา และสถานที่อื่นทั่วญี่ปุ่น โดยลงรถไฟที่สถานีเกียวโต ถ้าต้องการเดินทางไปอุจิ สามารถเปลี่ยนรถไฟไปสายเจอาร์นารา และลงรถไฟที่สถานีอุจิ สำหรับการเดินทางไปยัง วัดเอ็นริอะคุจิ ณ ภูเขาฮิเอ สามารถขึ้นรถบัสจากสถานีเกียวโตและลงที่ป้ายฮิเอซันโช