นางาซากิ ซาเซโบะและฮิราโดะ สถานที่ที่ญี่ปุ่นค้าขายกับชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก และอิทธิพลจากเหตุการณ์นั้นยังคงชัดเจน

พื้นที่อยู่รอบตอนเหนือของจังหวัดนางาซากิก็คือซาเซโบะและฮิระโดะอันเป็นสวรรค์สำหรับผู้รักวัฒนธรรมและธรรมชาติ

ซาเซโบะสามารถเดินทางไปถึงได้โดยรถไฟเจอาร์จากฟุคุโอกะและนางาซากิ แล้วต่อรถบัสไปยัง ฮิระโดะ ในประมาณ 90 นาที

รถไฟเจอาร์ด่วนพิเศษจะออกเดินทางจากสถานีฮะคะตะในฟุคุโอกะ ค่าโดยสารรถไฟสองชั่วโมงนี้ตกเป็นเงินประมาณ 5,000 เยนสำหรับแบบไปกลับ นอกจากนี้คุณยังสามารถขึ้นรถไฟเจอาร์สายเลียบทะเลจากนางาซากิที่วิ่งทุกชั่วโมงได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทาง 100 นาที ค่าโดยสารขาเดียวราคา 1,680 เยน สนามบินนางาซากิและซาเซโบะเชื่อมถึงกันด้วยรถรับส่งสนามบิน (75 นาที ค่าโดยสาร 1,400 เยนต่อเที่ยว)

แม้ในตอนนี้จะเป็นเมืองที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติ แต่ครั้งหนึ่งซาเซโบะเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่อย่างเรียบง่ายภายใต้การปกครองของอาณาจักรฮิระโดะมาจนถึงช่วงหลังยุคเมจิเล็กน้อย

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พลเรือเอกแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น เฮอิฮะจิโระ โทโกะ ทำการสำรวจบริเวณซาเซโบะ ด้วยเห็นถึงท่าเรือน้ำลึกที่ปลอดภัย เหมืองถ่านหินที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง และภูมิประเทศที่ใกล้ประเทศจีนและประเทศเกาหลี เขาจึงได้เกิดความคิดริเริ่มบางอย่างขึ้น ฐานทัพเรือซาเซโบะได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1889 ท่าเรือแห่งนี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะท่าเรือหลักของกองทัพเรือญี่ปุ่นในช่วงสงครามจีน - ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่งและสงครามรัสเซีย - ญี่ปุ่น ท่าเรือนี้ยังคงเป็นฐานทัพหลักของกองทัพเรือจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

ซาเซโบะที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1902 ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่โดนระเบิดปรมาณูถล่ม แต่ซาเซโบะเองได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้ควบคุมบางส่วนของฐานทัพซาเซโบะและสร้างฐานทัพเรือ ซาเซโบะแห่งสหรัฐอเมริกาขึ้นในป ค.ศ. 1946

เนื่องจากเป็นฐานทัพสหรัฐอเมริกา ซาเซโบะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้แง่มุมต่างๆของวัฒนธรรมอเมริกันโดยสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเบอร์เกอร์ซาเซโบะอันโด่งดัง ด้วยส่วนผสมของขนมปังเหนียวนุ่ม ผักกาดแก้วฉ่ำ ๆ และซอสทำให้เบอร์เกอร์ซาเซโบะอร่อยน่าลิ้มลอง

ฮิราโดะ เชื่อมต่อกับนางาซากิที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่โดยสะพานสีแดง และสามารถเข้าถึงได้โดยการขับรถระยะสั้นๆ จากซาเซโบะ ฮิระโดะเป็นหนึ่งในท่าเรือแวะพักสำหรับเรือต่างๆ ที่แล่นระหว่างภาคพื้นทวีปเอเชียและประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคนารา ( ค.ศ.710- ค.ศ.784)

การค้าขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สถานีการค้าฮอลันดาฮิระโดะที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1609 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้อยู่

ฮิระโดะคล้ายซาเซโบะ ตรงที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวฮอลันดา แต่ฮิระโดะยังคงรักษาสไตล์แบบญี่ปุ่นของตัวเองไว้ และนั่นทำให้ฮิระโดะเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ


นอกจากแหล่งค้าขายแล้วขอให้ลองเข้าไปชมชมปราสาทฮิระโดะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของตระกูลมัตสึระดูด้วย ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การชมเมืองฮิระโดะอย่างยิง เพราะจะมองออกไปเห็นทิวทัศน์อันงดงามของท่าเรือฮิระโดะและป่าเก่าแก่ของเกาะคุโระโคจิมะ

หากต้องการดื่มด่ำวัฒนธรรม ฮิระโดะก็มีตัวเลือกให้ค้นหามากมาย ที่นี่มีงานเทศกาลโด่งดังไปทั่วประเทศญีปุ่นอยู่มากมาย คุณน่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมอย่างน้อยสักหนึ่งงานไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงใดของปี งานที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็น ทาบิระ จังกะระ หรือการเต้นระบำเกี่ยวข้าวซึ่งนักเต้นจะคลุมหน้าของตนเองตลอดการแสดง ด้วยความงดงามและคุณค่าด้านวัฒนธรรม ทำให้การเต้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของชาติ

สำหรับคนที่รักธรรมชาติ เส้นทางเดินบนเนินเขาคาวาชิเป็นทางเดินที่วิวสวยมาก คุณจะได้พบกับทิวทัศน์แบบพาโนรามาอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาะ วันใดที่ท้องฟ้าโปร่ง คุณจะเห็นได้แม้กระทั่งอิกิและสึชิมะที่อยู่ไกลออกไป ทางเดินบนเนินเขาคาวาชิเหมาะแก่การเดินเขาในวันที่อากาศดี

ในฤดูใบไม้ผลิ ฮิระโดะจะมีการจัดเทศกาลโคมพันดวงแห่งฮิระโดะ กล่าวกันว่าเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการที่ฤดูใบไม้ผลิเวียนกลับมาอีกครั้ง โดยจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนเป็นเวลา 2 วัน มาชมวัดฟุมอนจิที่สว่างไสวไปด้วยโคมหินและโคมไม้ไผ่ โดยโคมไฟไม้ไผ่ทุกอันเป็นงานฝีมือของช่างท้องถิ่น

เมืองนี้จะดูมีชีวิตชีวาด้วยซุ้มอาหารริมถนนและดนตรี ลองเดินไปตามทางเดินปูหินที่คดเคี้ยวสู่ตัววัด แล้วสนุกไปกับเทศกาลอันแสนงดงามนี้

ใครที่มาถึงเร็วหน่อย ก็จะได้เห็นวิวที่สวยที่สุดของจิเก็นซะคุระ หรือต้นซะคุระยักษ์อายุ 140 ปี ห้ามพลาดเด็ดขาด