โอกินาวะ นาฮะ เปิดประตูสู่ดินแดนแห่งราชวงศ์โบราณแสนลึกลับ และหาดสวรรค์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่

เกาะหลักของโอกินาว่าถือเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจโซนกึ่งเขตร้อนแห่งนี้ของญี่ปุ่น เมืองนาฮะมีปราสาทโบราณ ถนนคนเดินคึกคัก และสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่าการมาเยือนมากมาย

นาฮะคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโอกินาว่า โดยประชากรประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์ของเกาะหลักอาศัยอยู่ในเมืองนี้ เป็นเมืองเดียวของโอกินาว่าที่มีระบบรถไฟ อีกทั้งเออร์เบินโมโนเรลโอกินาว่า (ยุอิเรล) ก็ช่วยให้เดินทางจากใจกลางเมืองไปยังเมืองหลวงเก่าชูริได้อย่างสะดวกสบาย

การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในโอกินาว่าจะเริ่มต้นจากจุดนี้ สนามบินนาฮะคือประตูสู่เกาะทุกเกาะของโอกินาว่า สนามบินแห่งนี้รองรับเที่ยวบินจากทั่วญี่ปุ่นและยังมีสายการบินราคาประหยัดไว้รองรับนักท่องเที่ยวงบน้อยอีกด้วย

นาฮะอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาทีด้วยรถยนต์ หากนั่งรถไฟโมโนเรล ก็อยู่ใกล้เพียงไม่กี่สถานีเท่านั้น

คุณสามารถเดินทางด้วยเออร์เบินโมโนเรลโอกินาว่า (ยุอิเรล) จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองและเมืองชูริได้อย่างสะดวกสบาย มีรถบัสมากมายหลายเส้นทาง และมีรถบัสด่วนให้บริการสำหรับการเดินทางไปยังเส้นทางนอกเมืองนาฮะ เส้นทางและข้อมูลการเดินรถสามารถค้นหาได้จากเว็ปไซต์ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้รถแท็กซี่เป็นอีกทางเลือกหนึงที่สะดวกและเป็นส่วนตัวในการเดินทาง

จากสนามบินมีบริการรถเมล์มาลงที่สถานีรถบัสนาฮะได้ ในเว็บไซต์จะแจ้งข้อมูลการเดินทางไว้เป็นภาษาอังกฤษ แต่ปกติแล้ว โอกินาว่าจะมีรถเมล์วิ่งไม่เยอะนัก คุณจึงควรวางแผนการเดินทางให้ดีด้วย

สามารถเช่ารถได้ที่สนามบินและที่สำนักงาน ณ ใจกลางเมืองซึ่งอาจจะประหยัดกว่าการใช้แท็กซี่ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปยังจุดหมายของคุณ

โอกินาว่ามีสภาพอากาศกึ่งเขตร้อน ฤดูร้อนอากาศอาจร้อนมาก ควรดื่มน้ำมากๆและป้องกันรังสียูวีตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคม การวางแผนการท่องเที่ยวควรระมัดระวังในช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน รวมถึงในเดือนกันยายนซึ่งมักจะมีพายุใต้ฝุ่นหลายลูกพัดผ่านเกาะ

ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดหากต้องการดื่มด่ำแสงแดด ทะเล และหาดทราย แต่ควรหลีกเลี่ยงช่วงโกลเดนวีคในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงพักร้อนยอดฮิตที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่น

จังหวัดโอกินาว่าเป็นหนึ่งใน 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน แต่ในอดีต โอกินาว่ากลับมิใช่ส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น โอกินาว่าหรืออาณาจักรริวกิวในสมัยโบราณ เป็นอาณาจักรที่มีเอกราชมายาวนาน จนเมื่อ ค.ศ. 1609 ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของซัตสึมะ ซึ่งเป็นจังหวัดทางภาคใต้ของญี่ปุ่น

ผู้บังคับการเรือ แมทธิว เพอร์รี่ ได้เดินทางมาถึงท่าเรือนาฮะเมื่อปี ค.ศ. 1852 ก่อนที่ปีถัดมาจะมาเยือนเมืองเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ซึ่งการมาเยือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องเปิดประเทศเพื่อติดต่อโลกภายนอกอีกครั้งหลังจากปิดประเทศมานานหลายศตวรรษ

นาฮะได้รับการสถาปนาเป็นเมืองหลวงขึ้นในปี ค.ศ. 1879 และหลังจากนั้นก็ผนวกเอาชูริซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าเข้ามาด้วย แต่นาฮะ ก็เป็นศูนย์กลางการค้าของเกาะนี้มาตลอด ท่าเรือนาฮะทำการค้ากับเกาหลีและญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 แล้ว

หมู่เกาะนี้เพิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1879 นี่เอง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง หมู่เกาะนี้ถูกสหรัฐอเมริกายึดครอง ก่อนจะส่งคืนให้ญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1972 ที่ผ่านมา

ในอดีต อาณาจักรริวกิวเคยเป็นเมืองขึ้นของราชวงศ์หมิง จึงทำให้วัฒนธรรมจีนมีบทบาทต่อภูมิภาคนี้ของญี่ปุ่นอย่างมาก สวนฟูกูชูเอ็น ซึ่งเป็นสวนแห่งหนึ่งในนาฮะ ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี วัสดุทั้งหมดที่ใช้สร้างสวนแห่งนี้ล้วนแต่มาจากเมืองฝูโจวของจีนทั้งสิ้น รวมถึงนักออกแบบสวนด้วย ทั้งการออกแบบ สิ่งที่เห็นและได้ยินจากสวนนี้ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากสวนญี่ปุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน

ไม่ไกลจากปราสาทชูริ คือสวนหลวงชิกินาเอ็น ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนที่ราชวงศ์ของอาณาจักรริวกิวโปรดปรานมาก สวนป่าแห่งนี้มีบ่อขนาดใหญ่ที่มีเกาะแก่งต่าง ๆ, สะพานหิน, วังไม้, จุดชมวิว, สวนกล้วย และน้ำพุจืด ชาวต่างชาติผู้ทรงเกียรติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนมักจะมาพักผ่อนที่นี่เป็นประจำ

นาฮะมีกิจกรรมรอให้คุณได้ชมและลองทำมากมาย ค่ำคืนของเมืองนี้เปี่ยมไปด้วย ชีวิตชีวา โดยสถานบันเทิงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ถนนโคะคุไซ-โดริ หรือถนนนานาชาติ ความยาวเกือบสองกิโลเมตร (1 ไมล์) ตัดผ่านใจกลางนาฮะ

คุณจะได้พบกับย่านอันคึกคักที่อยู่ติดกับถนนโคคุไซโดริ ซึ่งละลานตาด้วยแผงลอยขายสินค้าและงานฝีมือท้องถิ่น รวมถึงนักแสดงเปิดหมวกบนถนนคนเดินในวันอาทิตย์อีกด้วย

สามารถขึ้นโมโนเรลไปยังชูริซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่า ปราสาทชูริ เป็นพระราชวังของอาณาจักรริวกิวมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 จนกระทั่งอาณาจักรตกอยู่ใต้การปกครองของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 19

ปราสาทซุริถูกไฟไหม้ลง 5 ครั้งในอดีตและถูกสร้างขึ้นใหม่ทุกๆครั้ง ในปี ค.ศ. 2019 ปราสาทได้ถูกทำลายโดยไฟไหม้อีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่าการสร้างขึ้นใหม่ โดยการก่อสร้างคาดว่าจะเสร้จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2025 โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังพื้นที่ในตอนนี้จะได้ยินและเห็นกระบวนการก่อสร้าง

อย่าลืมแวะไปศาลเจ้านามิโนอูเอกุ สถานที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่เกาะริวกิว ศาลเจ้าถูกเผาทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ได้รับการซ่อมแซมให้สวยงามดังเดิมในช่วงทศวรรษที่. 1990s