มิเอะ อิเสะ อิเสะคือที่สถิตแห่งเทพที่มีความเชื่อมโยงกับพระอาทิตย์และสถานที่แห่งจิตใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังตามความเชื่อชินโต นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติและอาหารเลิศรส

นอกเหนือไปจาาอิเสะจิงกู ซึ่งเป็นศูนย์กลางอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีกิจกรรมและสถานที่อีกมากมายรอให้คุณไปสัมผัสรอบพื้นที่อ่าวอิเสะในมิเอะ ตะวันออก แถบนี้ไม่ได้มีแต่เพียงการเดินทางสำรวจด้านความเชื่อและศาสนาเท่านั้น คุณยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้เดินเยี่ยมชมพื้นที่ประวัติศาสตร์ ทอดน่องริมหาดทราย และเพลินใจไปกับอาหารท้องถิ่นจานประณีต เช่นะ กุ้งมังกรญี่ปุ่น รวมถึงหอยเป๋าฮื้อ

สามารถเดินทางมายังพื้นที่อ่าวอิเสะได้โดยง่ายด้วยรถไฟสายคินเท็ตสึจากโอซาก้าและนาโกย่า

ตามปกติการเดินทางท่องเที่ยวในแถบนี้จะเริ่มต้นขึ้นที่เมืองอิเสะ สถานีอิเซะ-ชิอยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ห่างจากเกียวโต 2 ชั่วโมง และจากนาโกย่า 1.5 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วนพิเศษคินเท็ตสหากเดินทางจากนาโกย่าจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที

ชินโตคือศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมของญี่ปุ่น และศาลเจ้าอิเสะจิงกู ประกอบปด้วยศาลเจ้า125 ศาล รวมไปถึงศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์หลักได้แก่ไนกุและเกคุ โดยไนคุเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับบูชาสุริยาเทพีอามาเทราซุ โอมิกามิซึ่งเป็นเทพที่มีความเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ คุณสามารถสักการะอิเซะจิงกุและเที่ยวชมบริเวณโดยรอบได้แบบไปเช้าเย็นกลับ แต่หากต้องการเที่ยวสำรวจแบบไม่รีบร้อนนัก ก็สามารถพักแรมค้างคืนได้เช่นกัน

แม้ว่าไนกุแห่งอิเสะจิงกุจะเป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงที่สุด แต่พิพิธภัณฑ์ เกคุและเซ็นกุกังที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตรก็ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเช่นกัน ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในใจกลางอิเสะ โดยใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีจากสถานีอิเซชิ สถาปัตยกรรมของ เกคุ นั้นคล้ายคลึงกับไนคุ แม้ว่าจะมีความแตกต่างอยู่บ้างก็ตาม

พิพิธภัณฑ์เซ็นกุคัง เผยให้เห็นถึงพิธีกรรมชิคิเน็นเซ็นกุ (การย้ายศาลเจ้า) ของอิเสะจิงกุผ่านการจัดแสดงที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการสร้างโครงสร้างใหม่ขนาดเต็มซึ่งเป็นที่ประดิษฐานเทพ และการจัดแสดงคำแนะนำในการสร้างเครื่องประดับอันศักดิ์สิทธิ์และสมบัติสำหรับเหล่าเทพ

ไนกุอุทิศให้กับเทพอามาเทราสึ โอมิคามิ ซึ่งเปรียบได้กับดวงอาทิตย์และบรรพบุรุษในตำนานของจักรพรรดิผู้สืบราชบัลลังก์ของญี่ปุ่น กล่าวกันว่าเป็นที่เก็บรักษากระจกศักดิ์สิทธิ์ ยาตะ-โนะ-คะงะมิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิ

ถนนโอฮะไรมาจิ ด้านนอกของไนกุคือถนนย้อนยุคสายยาวและคดเคี้ยว เรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมายซึ่งคุ้มค่าแก่การใช้เวลาสำรวจเยี่ยมชม

ในการเข้าเขตไนกุ ให้ข้ามสะพานอุจิบาชิ ลอดผ่านซุ้มประตูเสาโทริอิที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของสะพาน

ในขณะที่มีศาลเจ้าและศาสนสถานชินโตอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วเขต แต่อาคารหลักของไนกุได้ถูกบดบังไว้จากสายตาผู้เยี่ยมชมทั่วไป อย่างไรก็ดี บรรยากาศเคร่งขรึมตามความเชื่อนี้ก็ทำให้การเดินเยี่ยมชมท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่มโดยรอบเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ  

หลังจากเยี่ยมชมอิเสะจิงกุแล้ว มาเดินเล่นได้ที่ถนน​​​​​​โอะฮะไรมาจิ และจัตุรัสโอกาเงะโยโกโจะที่อยู่ใกล้กัน แล้วชิมอาหารเลิศรสของอิเสะทั้งอุด้งเส้นหนาพิเศษและน้ำแข็งไส หรือหากคุณเป็นแฟนชาเขียวตัวยง ห้ามพลาดกับการหามาจิบให้ได้สักถ้วย เพราะอิเสะมีชื่อเสียงในเรื่องชา และที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เลือกสรรของฝากชิ้นพิเศษติดไม้ติดมือกลับไปให้เพื่อนฝูงและครอบครัว

แม้ว่าอิเสะจะเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักในแถบนี้ มัตสึซากะและสึก็คุ้มค่ากับการไปเยี่ยมชมเช่นกัน

ครั้งหนึ่งมัตสึซากะเคยเป็นเมืองพ่อค้าที่รุ่งเรือง มีปราสาทสูงตระหง่านซึ่งมองเห็นได้จากทั่วพื้นที่ ซึ่งกำแพงปราสาทก็ยังคงหลงเหลืออยู่ให้นักท่องเที่ยวได้มาสำรวจ ส่วนในปัจจุบันนั้น สิ่งที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักคือเนื้อมัตสึซากะที่มีลายสวยงาม ซึ่งถือเป็นคู่แข่งกับเนื้อโกเบที่มีชื่อเสียงกว่า ซึ่งบางคนบอกว่าเนื้อมัตสึซากะดีกว่าด้วยซ้ำไป จนถึงขั้นมีการนำเนื้อนี้ไปทำซูชิกันเลยทีเดียว ส่วนยะกิโทริของมัตสึซากะ ทานคู่กับมิโซะ ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักชิมเช่นกัน

ทสึเป็นเมืองที่เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังส่วนอื่นๆ ของจังหวัดมิเอะ เมื่อได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม อย่าลืมแวะพิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดมิเอะ ที่โดดเด่นด้วยศิลปะแนวตะวันตกจากฝีมือศิลปินชาวญี่ปุ่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแสงแดดและหลงรักทะเล ก็ยังมีชายหาดอีกหลายแห่งตามแนวอ่าวอิเสะรอให้คุณไปสัมผัส โดยเฉพาะในโทบะ ทางตะวันออกของเมืองอิเสะ