คู่มือแนะนำ การตั้งแคมป์ในญี่ปุ่น อุทยานแห่งชาติหลายแห่งในญี่ปุ่นมีสถานที่สวย ๆ ให้ตั้งแคมป์มากมาย

หากต้องการดื่มด่ำชมภูมิทัศน์ธรรมชาติของญี่ปุ่น การตั้งแคมป์เป็นวิธีหนึ่งที่ยอดเยี่ยม ตัวเลือกการท่องเที่ยวญี่ปุ่นสบายกระเป๋าที่มีอยู่ ทำให้คุณเห็นการตั้งแคมป์เป็นประสบการณ์น่าจดจำกว่าวิธีอื่นใด

คนท้องถิ่นนิยมกิจกรรมนี้มากช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมตลอดไปจนถึงเดือนสิงหาคม นอกจากนี้เทศกาลโกลเด้นวีคในเดือนพฤษภาคมเองก็เป็นอีกช่วงที่ได้รับความนิยม รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคารที่เหล่าชาวเมืองแห่กันออกไปสัมผัสธรรมชาติเพื่อพักผ่อนหย่อนใจที่ทุกคนรอคอย

เนื่องจากมีจุดตั้งแคมป์ราวๆ 3,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น คุณจึงจะพบกับสถานที่ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำว่าควรจองไว้ล่วงหน้า สำหรับรายชื่อสถานที่ตั้งแคมป์ในญี่ปุ่น ลองดูคู่มือของเรา ที่จะให้รายละเอียดของจุดตั้งแคมป์ทั่วทั้ง 9 เขตพื้นที่ พร้อมด้วยข้อมูลเรื่องราคา เส้นทาง และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับจุดตั้งแคมป์มากกว่า 60 แห่ง

ไม่ว่าจะกำหนดงบไว้ที่เท่าไร คุณก็จะพบแคมป์กราวนด์และจุดตั้งแคมป์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ

คุณสามารถใช้แคมป์กราวนด์หลายแห่งในญี่ปุ่นโดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกจะคิดค่าบริการสำหรับพักค้างคืน บางที่คิดเป็นรายบุคคล บางที่คิดอัตราตายตัวตามจำนวนเต็นท์ ส่วนที่อื่น ๆ คิดค่าธรรมเนียมอัตราเริ่มต้นแล้วจึงเพิ่มตามจำนวนคน

แม้ค่าบริการจะแตกต่างกันไป แต่จุดตั้งแคมป์ขนาดเล็กจะเริ่มในราคาย่อมเยาที่ 400 เยนต่อคนจนถึง 3,000 เยนสำหรับเหมาทั้งพื้นที่ แคมป์กราวนด์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกปกติจะมีอัตราค่าบริการเฉลี่ยราว 1,000 เยนต่อคนต่อคืน ในกรณีที่คุณอยากใกล้ชิดธรรมชาติแต่ไม่ต้องการค้างคืนกลางแจ้ง แคมป์กราวนด์หลายแห่งก็มีบังกะโล กระโจมเยิร์ต บ้านพักขนาดเล็ก และกระท่อมให้บริการในราคาตั้งแต่ 4,000 เยนถึง 30,000 เยนต่อคืน

แคมป์กราวนด์ในญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างน้ำประปาและไฟฟ้าพร้อมให้บริการ มักจะมีห้องน้ำและซิงค์ ที่ตั้งหลายจุดยังอยู่ใกล้กับอนเซ็นอีกด้วย แคมป์กราวนด์บางแห่งที่มีพื้นที่กว้างมากขึ้นก็จะเพียบพร้อมด้วยพื้นที่ประกอบกิจกรรมอย่างสนามเทนนิส สนามเด็กเล่น และบ่อตกปลา ตามปกติแล้วญี่ปุ่นห้ามไม่ให้ก่อกองไฟ แต่จุดตั้งแคมป์ส่วนมากจะอนุญาตให้คุณพกเตาก่อไฟไปได้

สถานที่ตั้งแคมป์เกือบทั้งหมดของญี่ปุ่นจะขายหรือให้เช่าอุปกรณ์ที่จำเป็น (ยกเว้นอาหารและเสื้อผ้า) ดังนั้นคุณจึงอาจไม่จำเป็นต้องพกเต็นท์ไปด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คุณควรพกอุปกรณ์จำเป็นติดตัวไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์ ถุงนอน เตาก่อไฟและ/หรือเตาแก๊ส ไฟแช็กและไม้ขีดไฟ หม้อและกระทะ ภาชนะสำหรับกินและดื่ม ตลอดไปจนถึงถุงขยะ ขอให้รักษาความสะอาดของจุดตั้งแคมป์เสมอและห้ามทิ้งขยะไว้

เมื่อต้องเผชิญกับสภาวะตามธรรมชาติ คุณควรเตรียมรับมือเผื่อไว้ก่อน จัดเสื้อผ้าสำหรับแบบสวมทับได้หลายชั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นเมื่ออากาศเริ่มเย็นตอนกลางคืน รวมถึงอย่าลืมพกครีมกันแดดและผลิตภัณฑ์ไล่แมลงใส่กระเป๋ามาให้เพียงพอ เราขอแนะนำให้คุณเดินทางมาถึงจุดตั้งแคมป์ก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะปกติแล้วจะไม่มีไฟแสงสว่าง ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรพกไฟฉายพร้อมถ่านสำรองติดตัวเผื่อมาด้วยทุกครั้ง

บริการขนส่งสาธารณะที่ตรงไปยังแคมป์กราวนด์อาจมีจำกัด ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบล่วงหน้าในกรณีที่คุณตั้งใจจะเดินทางด้วยวิธีนี้

อุทยานแห่งชาติของญี่ปุ่นจะมอบโอกาสให้คุณได้เปิดประสบการณ์สัมผัสที่สุดแห่งภูมิทัศน์ของประเทศนี้ ส่วนแคมป์ก็เป็นวิธีที่เหมาะลงตัวสำหรับตั้งหลักเพื่อออกไปสำรวจธรรมชาติ

อุทยานแห่งชาติชิเระโทะโกะ ในฮอกไกโดคือหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลผู้คนที่สุดของญี่ปุ่น เนื่องจากที่นี่มีจุดน่าสนใจอย่างน้ำตกร้อนคามุอิวักกะ เส้นทางไต่เขาและปั่นจักรยานที่ทอดยาวไม่มีสิ้นสุด รวมถึงกิจกรรมชมสัตว์ป่าเช่นกวาง หมี และสุนัขจิ้งจอกที่ ที่มีให้ชมตลอดปี คุณจึงไม่ควรพลาดโอกาสแวะค้างอย่างน้อย 2 ถึง 3 คืน พื้นที่ตั้งแคมป์ของอุทยานแห่งชาติชิเระโทะโกะที่สามารถเดินทางไปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีให้บริการได้อย่างสะดวก นอกจากนี้หากมาเยือนช่วงฤดูหนาว อย่าลืมไปชมธารน้ำแข็งอันโด่งดังของทะเลโอคอตสค์

ที่เขตเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือในนะงะโนะ คุณจะพบรีสอร์ทริมทะเลสาบชื่อดังอย่างคามิโคจิ วิธีสัญจรไปมาระหว่างเขตพื้นที่นี้ต้องใช้บริการรถบัสหรือแท็กซี่เท่านั้น ดังนั้นจึงรับประกันได้ว่าคุณจะได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์และความสันโดษตามต้องการ ทิวทัศน์ทะเล ป่าเขียวชอุ่มสาบสวยงามรอต้อนรับเมื่อมาถึง แต่คุณไม่ถึงขั้นต้องตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเมื่อมาที่นี่ จุดตั้งแคมป์โคนาชิไดระเพียบพร้อมด้วยทุกสิ่งที่จำเป็น ตั้งแต่บริการเช่าเต็นท์และกระท่อม ตลอดไปจนถึงบริการยืมอุปกรณ์ และแม้กระทั่งภัตตาคาร

หากลงมาที่แถบคิวชู คุณก็จะพบแคมป์กราวนด์คิริชิมะโคเก็งโคคุมิงคิวโยจิในอุทยานแห่งชาติคิริชิมะ-คิงโคะวัน ซึ่งครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอนเซ็น สนามเทนนิส และสระว่ายน้ำ รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ ไต่เขา ปั่นจักรยาน ขี่ม้า และที่สำคัญคือทั้งหมดนี้มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟซากุระจิมะ ถ้าการตั้งแคมป์ริมหาดอยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำของคุณ ให้ไปที่โอกินาวะเพื่อกางเต็นท์ใกล้หาดทรายขาวและคลื่นทะเลเขียวครามของชายหาดยากาจิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หาดแห่งนี้ ทั้งพื้นที่อาบน้ำ ร้านค้า และบริการให้เช่า (เรือและจักรยาน) ต่างก็ตอบโจทย์ทุกข้อซึ่งจำเป็นสำหรับค้างคืนริมทะเลที่ทั้งผ่อนคลายและสะดวกสบาย

แม้แต่ในกรุงโตเกียวเองก็มีจุดตั้งแคมป์ สวนวากาซุซีไซด์ปาร์คและสวนโจนันจิมะซีไซด์ปาร์คล้วนอยู่ในเขตตัวเมือง ระหว่างที่สองแห่งนี้มีพื้นที่ตั้งแคมป์ปิ้งบาร์บีคิว และทางเดินริมทะเลหลายจุด รวมถึงสนามโกคาร์ทและลานสเก็ตบอร์ด ชิบะและไซตามะที่อยู่นอกเมืองไปไม่ไกลนักก็มีแคมป์กราวนด์เช่นเดียวกัน

หากเดินทางห่างออกไปอีกเล็กน้อย (โดยสารรถไฟ 2 ชั่วโมง) คุณก็จะพบฮาโกเนะ แถบพื้นที่ซึ่งโด่งดังเพราะศาลเจ้า น้ำพุร้อน และทะเลสาบอะชิโนะโกะ สุดตระการตา ทะเลสาบอะชิโนะโกะนี้ก่อตัวหลังการปะทุครั้งสุดท้ายของภูเขาไฟฮาโกเนะเมื่อ 3,000 ปีก่อน แล้วจึงกลายเป็นทิวทัศน์ที่เลื่องชื่อที่สุดของฮาโกเนะพร้อมมีภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง แถบนี้โดดเด่นด้วยเส้นทางไต่เขาและเดินเที่ยว ตลอดไปจนถึงทริปล่องเรือชมทิวทัศน์และอนเซ็น คุณควรค้างคืนในแคมป์กราวนด์แทนที่จะเข้าพักในโรงแรม ถ้าต้องการสัมผัสบรรยากาศโดยรอบให้เต็มอิ่ม

โอคุทามะที่ห่างจากโตเกียวราว ๆ 2 ชั่วโมงเมื่อเดินทางโดยรถไฟ คือสถานที่ในอุดมคติของนักตั้งแคมป์ เมื่อมาถึงคุณจะได้ร่วมกิจกรรมไต่เขา ว่ายน้ำ ตกปลา และปีนหน้าผาท่ามกลางทะเลสาบสุดวิจิตรและภูเขาที่สวยราวภาพวาด ไม่เพียงเท่านั้น อย่าพลาดโอกาสชื่นชมถ้ำหินปูนนิปปาระหากแวะมาในแถบพื้นที่นี้ ญี่ปุ่นค้นพบหนึ่งในถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณคันโตและมีอายุ 250 ล้านปีแห่งนี้เมื่อปีค.ศ. 1963 หากรู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันไม่มากพอให้เก็บกิจกรรมได้ครบ คุณสามารถค้างคืนโดยใช้บริการเช่าอุปกรณ์หรือพักในชาเลต์ที่แคมป์กราวนด์ในแถบใกล้เคียง

การตั้งแคมป์โดยใช้รถยนต์หรือที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่าออโต้แคมป์ปิ้งเป็นวิธีตั้งแคมป์ที่ได้รับความนิยม สถานที่ตั้งแคมป์เหล่านี้จะอนุญาตให้คุณจอดรถเอาไว้และตั้งเต็นท์ถัดจากตัวรถ ปกติจะมีพื้นที่มากพอสำหรับตั้งเต็นท์ โต๊ะ และเก้าอี้ แต่จุดให้บริการออโต้แคมป์ปิ้งส่วนใหญ่จะจำกัดให้แค่หนึ่งเต็นท์ต่อรถหนึ่งคัน ดังนั้นให้จองจุดตั้งแคมป์ไว้หลายจุดหากคุณท่องเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ แคมป์กราวนด์จำนวนมากมีข้อจำกัดในเรื่องการสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพราะฉะนั้นการเช่ารถยนต์และออโต้แคมป์ปิ้งจึงเป็นวิธีที่สะดวกเพื่อเที่ยวสำรวจพื้นที่ห่างไกลของญี่ปุ่น อย่าลืมระบุเจาะจงว่าคุณต้องการสถานที่สำหรับออโต้แคมป์ปิ้งเมื่อจอง ไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจไม่มีที่จอดรถ

นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีให้บริการเช่ารถบ้านและรถแคมเปอร์ เช่นเดียวกับแคมป์กราวนด์พร้อมจุดเชื่อมต่อรถบ้าน แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม แคมป์กราวนด์บางแห่งยังมีบริการรถแคมเปอร์ให้เช่าในจุดตั้งแคมป์เองด้วยเช่นกัน

การตั้งแคมป์แบบหรูหราเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศญี่ปุ่น แกลมเมอรัสแคมป์ปิ้งหรือ “แกลมปิ้ง” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดประสบการณ์สัมผัสความงามของพื้นที่ธรรมชาติแต่ก็ไม่ต้องการลำบาก

นักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นสามารถเลือกว่าจะค้างคืนในที่พักตากอากาศ กระท่อม กระโจมเยิร์ต หรือบังกะโลส่วนตัว นอกจากนี้แกลมปิ้งรีสอร์ทบางจุดยังมีที่พักแบบแยกสันโดษที่ใช้วิธีการสัญจรโดยเรือแคนูเท่านั้น ขณะที่รีสอร์ทแห่งอื่น ๆ ก็มีบ้านต้นไม้ที่ต้องปีนขึ้นไปให้คุณได้เลือกใช้บริการ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทายมากยิ่งขึ้นก็สามารถลองพักในเต็นท์สึรุชิที่แขวนอยู่บนยอดไม้

จุดแกลมปิ้งมักจะมีภัตตาคารให้บริการในตัวพื้นที่หรือไม่ก็ในละแวกใกล้เคียง นอกจากนั้นสถานที่แกลมปิ้งสุดหรูบางแห่งยังมีตัวเลือกบริการเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศที่ปรุงโดยวัตถุดิบซึ่งจัดหามาในท้องถิ่นและรังสรรค์ผ่านฝีมือของหัวหน้าเชฟ ส่วนจุดแกลมปิ้งอื่น ๆ อาจมีเมนูบาร์บีคิวแบบฉบับอเมริกันให้คุณได้เต็มอิ่มภายในบังกะโล ไม่ว่าจะมองหาการผจญภัยแกลมปิ้งรูปแบบใด สถานที่ตั้งแคมป์สุดหรูของญี่ปุ่นก็ตอบโจทย์คุณได้ครบทุกข้อ

ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง ณ เดือนมีนาคมค.ศ. 2019

ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับเวบไซต์อย่างเป็นทางการ