HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

sg072 sg072

คู่มือแนะนำ การเดินเขาในญี่ปุ่น ด้วยภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาของญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่มีเส้นทางเดินเขามากมายรอให้คุณไปสัมผัส

ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักเดินเขาและนักเดินทางไกล

ญี่ปุ่นมีภูเขามากมายตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองใหญ่ๆ ดังนั้นผู้ที่แสวงหาโอกาสในการพิชิตยอดเขาจึงมีทางเลือกมากมาย ที่นี่มีเส้นทางหลากหลายพร้อมให้คุณได้สำรวจไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินเขาในระดับใด ตั้งแต่การเดินตามเส้นทางแบบสบายๆ ไปจนถึงการปีนเขาที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับทั้งนักเดินเขาและนักปีนเขาที่มีประสบการณ์โชกโชน

นอกเหนือจากจะได้ตื่นเต้นผจญภัยแล้ว การเดินเขายังให้คุณได้เห็นมุมมองใหม่ที่น่าหลงใหลในญี่ปุ่น การเดินเขาจะช่วยให้คุณได้เห็นธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ต่างๆ เช่น น้ำตกที่สวยงาม น้ำพุร้อนที่พวยพุ่งจากใต้ดิน แม่น้ำใสสะอาด และทิวทัศน์อันตระการตา ทิวทัศน์จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล โดยคุณจะได้เห็นใบไม้หลากสีสันในฤดูใบไม้ร่วง สัมผัสหิมะในฤดูหนาว และพบดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ

 

ญี่ปุ่นมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลายทั่วประเทศ

 

เส้นทางเดินเขาที่มีชื่อเสียงของประเทศ

ตัวเลือกสำหรับนักเดินเขาในญี่ปุ่นนั้นมีมากมายให้เลือก แต่มีเส้นทางที่โด่งดังอยู่ไม่มากนักที่เหล่าผู้พิชิตยกให้เป็นเส้นทางพิเศษ บางเส้นทางต้องใช้เวลาเดินทางหลายวันและเป็นเส้นทางที่แนะนำสำหรับนักเดินเขาที่มีประสบการณ์เท่านั้น ในขณะที่เส้นทางอื่นๆ จะมีเส้นทางหลากหลายรูปแบบพร้อมรองรับนักเดินทางในทุกระดับความสามารถ

 

หนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่มีชื่อเสียงได้แก่การปีนภูเขาไฟฟูจิสุดท้าทาย

 

การปีนภูเขาไฟฟูจิ

ผู้คนจำนวน 2-300,000 คนต่างมุ่งหน้าไปที่ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นประจำทุกปีเพื่อพิชิตเส้นทางเดินเขาที่โด่งดัง ฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ยาวไปจนถึงช่วงต้นกันยายน  หลายๆ คนเริ่มการปีนภูเขาไฟฟูจิโดยใช้เส้นทางโยชิดะเทรล โดยเริ่มต้นจากสถานีที่ 5 ซึ่งเป็นจุดที่มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารที่ให้คุณมีโอกาสได้ตุนเสบียงก่อนเริ่มออกเดินทาง การปีนภูเขาไฟฟูจินั้นเป็นการเดินเขาที่ท้าทาย แต่เมื่อคุณขึ้นไปถึงยอดเขาและมองเห็นทิวทัศน์เบื้องหน้าจะทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทาง

นี่ไม่ใช่การเดินทางที่สามารถทำได้ในทันที การเดินเขาที่ท้าทายนี้ต้องใช้อุปกรณ์การเดินเขาโดยเฉพาะ เนื่องจากแม้แต่เส้นทางสั้นๆ ยังต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง หากคุณวางแผนจะพักระหว่างทาง คุณสามารถจองพื้นที่ในกระท่อมเพื่อพักผ่อนได้ (อย่าคาดหวังว่าจะได้นอนหลับพักผ่อนมากนักในห้องรวมที่คับแคบเหล่านี้) ตามเส้นทางบนภูเขา หากคุณเลือกได้ ให้หลีกเลี่ยงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตามเทศกาลต่างๆ เนื่องจากเส้นทางจะแออัด

เส้นทางเดินแสวงบุญที่ใช้เวลาหลายวัน

ศาลเจ้าสามแห่งซึ่งตั้งอยู่ใน คูมะโนะ ได้เป็นสถานที่แสวงบุญทางศาสนามานานกว่าหลายศตวรรษและยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักเดินเขา เส้นทางหลายแห่งของเส้นทางหลักทั้งหกเส้นทางครอบคลุมคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในแต่ละจังหวัด พร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่ง

การเดินป่าแบบดั้งเดิมตามเส้นทางคูมะโนะโคโดะจะใช้เวลาประมาณห้าวัน แต่นักเดินทางสามารถเลือกเส้นทางที่สั้นกว่าได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงเส้นทางที่ไม่ต้องพักค้างคืน คุณสามารถเดินทางได้ด้วยตัวเอง แต่มีร้านขายอุปกรณ์เสื้อผ้ามากมายที่ให้บริการนำเที่ยวซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคาดเดา และทำให้การเดินเขาเป็นประสบการณ์ที่สะดวกสบายมากขึ้น เส้นทางจะเปิดตลอดทั้งปี ถึงแม้ว่าเส้นทางจะแออัดเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตามเทศกาลต่างๆ แม้ในวันที่มีผู้คนแน่นขนัด การเดินทางนี้ก็คุ้มค่าสำหรับประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

 

การเดินเขาสามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงเป็นวันๆ หรือบางครั้งอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์

 

วัด 88 แห่งในสี่จังหวัด

เส้นทางเดินเขาที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงคือ การเดินทางแสวงบุญชิโกะกุ (รู้จักกันในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า "ชิโกะกุเฮ็นโระ") ซึ่งเส้นทางนี้ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคชิโกะกุ เส้นทางสายโบราณนี้ครอบคลุมสี่จังหวัดในเกาะ ได้แก่ จังหวัดเอะฮิเมะ จังหวัดคางาวะ จังหวัดโคจิ และจังหวัดโทคุชิมะ โดยมีวัดศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 88 แห่งตั้งอยู่ระหว่างทาง การเดินทางนี้เป็นภารกิจที่ต้องใช้หยาดเหงื่อแรงกายไม่น้อย แต่ก็เป็นการเติมเต็มทางจิตวิญญาณ

การแสวงบุญ 88 วัดนั้นมียืดหยุ่นได้ ผู้เดินทางแสวงบุญสามารถเริ่มเดินตรงไหนก็ได้บนเส้นทางที่เป็นวงแหวนนี้และเดินไปในทิศทางที่ตนต้องการได้ วิธีสุดคลาสสิกของการเดินทางดังกล่าวนี้คือการเดินเท้า แม้ว่าการเดินเท้าจะใช้เวลามากกว่า 45 วัน เพื่อสำรวจให้ทั่วภูมิภาคชิโกะกุ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ ทำสิ่งที่นักเดินทางส่วนใหญ่นิยมทำกันและใช้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อช่วยให้การเดินเท้าของคุณง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณเลือกวิธีใดก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ชื่มชมความงามของชิโกะกุ

 

เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นครอบคลุม 6 จังหวัด

 

เทือกเขาอันเขียวชอุ่ม

เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น ในพื้นที่ตอนกลางของเกาะหลักของประเทศนั้นมีสถานที่ให้ไปเดินเขามากมาย เทือกเขาดังกล่าวทอดยาวครอบคลุม 6 จังหวัดโดยแบ่งออกเป็นเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นตอนใต้ ตอนกลาง และตอนเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นทางและทางเดินเขา รวมทั้งยังมีวัดและศาลเจ้ารวมถึงชุมชนแบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ระหว่างทางมากมาย

เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะกินพื้นที่อยู่ในจังหวัดนะงะโนะ ผู้ที่หวังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเทือกเขาที่หลากหลายที่สุดจึงควรและเริ่มเดินทางได้จากที่นั่น เทือกเขาฮิดะที่ทอดตัวไปทางตอนเหนือมีเส้นทางเดินเขาบางเส้นทางซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศ ไปทางทิศใต้จะพบกับเทือกเขาอาคาอิชิที่มีอากาศอบอุ่นกว่าและยิ่งไปกว่านั้นยังมีแม่น้ำและทะเลสาบที่สวยงามให้ชมอยู่บ้างอีกด้วย

 

เส้นทางที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าของญี่ปุ่นมักจะมีผู้คนเดินทางไปน้อยกว่ามาก

 

ตะลุยไปตามเส้นทางที่ไม่เป็นที่นิยม

เส้นทางเดินเขาของญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีผู้คนหนาแน่นไปทุกที่ หากคุณเดินทางไปตามหมู่เกาะต่างๆ คุณอาจจะได้เดินเขาในจุดที่ไม่ได้เป็นที่สนใจเหมือนภูเขาไฟฟูจิ แต่ภูเขาเหล่านี้ก็ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว

หุบเขาคามิโคจิที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นมีทิวทัศน์ของภูเขาและแม่น้ำที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปลงโปสการ์ด คามิโคจิเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน มีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลายรวมถึงเส้นทางชมทิวทัศน์ที่ตัดผ่านบึงไทโช คอยจับตามองหาลิงป่าและฝูงนกหลากสี หากคุณไม่กลัวคนเยอะ ให้มาเยี่ยมชมที่แห่งนี้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อชมสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงอันงดงาม

อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง เป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางเกาะฮอกไกโด เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยในบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจต่างๆ ก็มียอดเขาหลายแห่งในอุทยานแห่งนี้ที่พร้อมให้คุณออกไปท้าทาย แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของที่นี่ก็คือภูเขาอาซาฮีซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ภูเขาแห่งนี้เป็นจุดเดินเขายอดนิยมช่วงฤดูร้อนและยังเป็นสถานที่เล่นสกีและสโนว์บอร์ดในฤดูหนาว บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนธรรมชาติและยังมีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ที่ไม่สามารถพบได้จากที่อื่น ภูมิประเทศที่ขรุขระบนภูเขานั้นมีความสวยงามน่าทึ่งตลอดทุกช่วงเวลาของปี

ภูมิภาคต่างๆ ที่ไกลออกไปในญี่ปุ่นก็มีทางเดินป่าที่ดีที่สุดให้คุณได้เลือกเดินทางอยู่บ้าง ยะคุชิมะ ใน จังหวัดคาโงะชิมะ สามารถเดินทางไปถึงได้โดยเรือหรือเครื่องบิน เส้นทางที่ง่ายต่อการเดินทางจะลัดเลาะผ่านป่าสนซีดาร์โบราณที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ นักเดินเขาที่ต้องการความท้าทายมากขึ้นก็สามารถเลือกเส้นทางเดินเขาที่ชันยิ่งขึ้นในยะคุชิมะได้เช่นกัน

 

เส้นทางมีตั้งแต่การเดินแบบสบายๆ ไปจนถึงการเดินเขาแบบระดับผู้เชี่ยวชาญ

 

ภูเขาคิตะซึ่งตั้งอยู่ที่ เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น ตอนใต้ของจังหวัดยามานาชิ เป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น ภูเขาดังกล่าวเป็นสถานที่เดินเขายอดนิยมซึ่งมีสามเส้นทางหลักมุ่งสู่ยอดเขา ผ่านป่าและแม่น้ำ ใกล้กับยอดเขาจะมีกระท่อมที่คุณสามารถพักพิงได้พร้อมกับพื้นที่ให้ตั้งแคมป์

คาบสมุทรชิเระโทะโกะ เป็นคาบสมุทรที่อยู่ขอบทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโดซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สวยงามน่าประทับใจหลายแห่งรวมไปถึงภูเขาระอูซุ คุณสามารถพบเส้นทางที่หลากหลายได้ในส่วนนี้ของประเทศ แต่เนื่องจากที่นี่มีหมีน้ำตาลอาศัยอยู่ จึงขอแนะนำให้เดินทางไปกับมัคคุเทศก์ คุณจะพบทะเลสาบชิเระโทะโกะ โกะโกะ ได้ในพื้นที่อุทยาน ซึ่งจะทำให้การเดินทางของคุณผ่อนคลายยิ่งขึ้น น้ำตกเป็นจุดที่ดึงดูดที่สำคัญช่วงฤดูร้อน ในขณะที่ก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหนือน้ำในช่วงเดือนที่อากาศเย็น ก็เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดเช่นกัน

ภูเขาไดเซ็น {/spot/942/] ในทางตะวันตกของจังหวัดทตโตริ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโงะคุ สถานที่แห่งจิตวิญญาณแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัดพุทธขนาดใหญ่และศาลเจ้าชินโตและดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศ สถานที่แห่งนี้จึงเหมาะสำหรับแสวงบูญพร้อมๆ กันกับการเดินเขา นักปีนเขาสามารถไต่ไปตามสันเขาเพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของภูมิภาคโดยรอบได้ สถานที่แห่งนี้จะสวยงามสะดุดตาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี

ภูเขาไฟอะโซะ ในจังหวัดคุมะโมโตะเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นซึ่งมีการปะทุระเบิดในปี 2016 และเกิดปรากฏการณ์กระแสไพโรคลาสติก ในปี 2021 มีเส้นทางเดินป่าที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินได้ซึ่งถือว่าปลอดภัย นอกจากการเดินเขาแล้ว คุณยังสามารถขี่ม้าได้ที่เชิงเขาหรือตามทุ่งหญ้าสีเขียวได้อีกด้วย

 

คุณสามารถไปเดินเขาแบบไปเช้าเย็นกลับได้ ในที่ไม่ไกลจากตัวเมืองทั้งหมดของญี่ปุ่น

 

การเดินเขาแบบไปเช้าเย็นกลับง่ายๆ จากเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น

เมืองหลวงของญี่ปุ่นมีสถานที่พร้อมให้คุณเดินเขาแบบไปเช้าเย็นกลับง่ายๆ อยู่มากมาย โดยเส้นทางดังกล่าวยังอยู่ในเขตของมหานคร ภูเขาทางเลือกยอดนิยมคือภูเขาทาคาโอะซึ่งสามารถไปถึงได้โดยรถไฟไม่นานจากสถานีชินจูกุ ผู้ที่มาเที่ยวชมสามารถเลือกเส้นทางขึ้นเขาได้แปดเส้นทาง โดยแต่ละเส้นทางจะมีระดับความยากแตกต่างกัน อย่าลืมเผื่อเวลาบางส่วนไว้เพลิดเพลินน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาหรือกินบุฟเฟ่ต์ในลานเบียร์ที่เปิดช่วงฤดูร้อน

การเดินทางไปยัง ภูเขามิตาเกะ จะใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย โดยคาดว่าจะต้องนั่งรถไฟจากชินจูกุ เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง การเห็นทิวทัศน์จากมุมตะวันตกของโตเกียวจะทำให้การเดินทางของคุณคุ้มค่า พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้มีทั้งป่าไม้ หุบเขา และพื้นที่เล็กๆ บางแห่งให้สำรวจ ส่วนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจก็คือศาลเจ้าอันโด่งดังซึ่งนักเดินเขาชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมมาเยี่ยมเยือน แต่ตามเส้นทางเองก็มีความงดงามทางธรรมชาติมากมายให้ได้สัมผัสเช่นกัน ไฮไลท์อย่างหนึ่งของการเดินบนภูเขามิตาเกะ คือช่วงที่ต้องเดินลงไปในบริเวณด้านล่างของภูเขาเพื่อชมน้ำตกและแม่น้ำ

เมื่อชาวโตเกียวต้องการหลีกหนีจากชีวิตในเมือง ผู้คนมากมายจะมุ่งหน้าไปที่เมือง นิกโก ในจังหวัดโทจิงิที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของที่นี่คือวัดที่มีสีสันที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ตลอดจนน้ำพุร้อนและร้านขายงานฝีมือแบบดั้งเดิมที่มีอยู่จำนวนหนึ่ง [ทะเลสาบชูเซ็นจิ] (ทะเลสาบชูเซ็นจิ) ในเมืองนิกโกมีเส้นทางเดินเขาที่มาพร้อมทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยงามทอดยาวไปตามทะเลสาบสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจธรรมชาติ ภูเขานันไตทางฝั่งเหนือของทะเลสาบ นักเดินเขาแบบไปเช้าเย็นกลับจะได้ลองท้าทายเส้นทางที่ยากลำบากขึ้นเล็กน้อย เซนโจกาฮาระเป็นที่ราบสูงชุ่มน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก มีทิวทัศน์อันงดงามที่สุดช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี

คะมะคุระ ตั้งอยู่ทางใต้ของโตเกียว เมืองชายฝั่งแห่งนี้มีสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่า อาหารอร่อยทุกประเภท และพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก แต่คะมะคุระยังมีเส้นทางเดินป่าที่ตัดผ่านป่าอันเขียวชอุ่มของภูมิภาคแห่งนี้ด้วยเช่นกัน โดยเส้นทางเหล่านี้จะค่อนข้างสั้นแต่สวยงามและมีวัดจำนวนมากตั้งอยู่ตามเส้นทาง รวมไปถึงมีอุณหภูมิที่สบายมากกว่าเส้นทางในทางตอนเหนือ ผู้เยี่ยมชมหลายคนสำรวจเส้นทางเดินป่าไดบุทสึซึ่งเป็นเส้นทางสั้นๆ ที่เชื่อมระหว่างวัดต่างๆ ผ่านพื้นที่ป่าที่สวยงาม

หนึ่งในเส้นทางแสวงบุญที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นนั้นตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซไม่ไกลจากโอซาก้า ภูเขาโคยะในจังหวัดวาคายามะนั้นขึ้นชื่อในเรื่องวัดและสิ่งก่อสร้างทางศาสนาต่างๆ ซึ่งช่วยให้คุณมีโอกาสลองใช้ชีวิตแบบพระสงฆ์ได้เป็นระยะเวลาสองถึงสามวัน เส้นทางแสวงบุญโคยะซานเป็นเส้นทางหลักในการขึ้นไปบนภูเขาโดยมีเส้นทางทอดยาวจากเบื้องล่างสู่บริเวณหลักของวัด

 

ที่นี่เปิดโอกาสให้เดินเขาได้ตลอดทั้งปี

 

ภูเขาโยชิโนะ ตั้งอยู่ในจังหวัดนาราเป็นสถานที่เดินเขาที่มีความสวยงามตลอดทั้งปี เส้นทางนี้ค่อนข้างจะตรงไปสู่ยอดเขาโดยตัดผ่านเมืองแบบดั้งเดิมรวมถึงวัดและศาลเจ้าต่างๆ ตลอดทาง คุณต้องไปเที่ยวชมความงามของภูเขาโยชิโนะในฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกซากุระบานเต็มที่ เส้นทางการปีนสู่ยอดเขาช่วงกลางเดือนเมษายนจะเต็มไปด้วยสีชมพูสะพรั่งของดอกซากุระ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ผู้คนจะแน่นขนัดในช่วงดังกล่าวแต่ก็คุ้มค่าในการชมวิวทิวทัศน์ของต้นไม้ที่สวยงาม

สวนสาธารณะมิโนโอะ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองโอซาก้า เพียงนั่งรถไฟ 25 นาทีจากสถานีอุเมดะ ผู้เยี่ยมชมก็จะสามารถไต่ไปตามหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยน้ำตกและต้นไม้ต่างๆ ได้ เส้นทางเดินเขานี้เป็นเส้นทางตรงที่ใช้เวลาประมาณ 45 นาที บรรยากาศในสวนสาธารณะมิโนโอะมีชีวิตชีวาในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อทุกสิ่งปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดง สีส้ม และสีเหลืองเช่นเดียวกับสถานที่หลายแห่งเหล่านี้ อย่าลืมซื้อ “โมมิจิเทมปุระ” ในขณะเดินชมเพื่อลองชิมใบเมเปิ้ลทอดกรอบที่หาทานได้ยาก

ในขณะที่เมืองเกียวโตนั้นมีสถานที่ต่างๆ ให้เยี่ยมชมมากมายภายในเขตเมือง แต่หากเดินทางไปทางเหนือเพียง 30 นาที คุณจะพบกับเมืองภูเขาที่มีเสน่ห์อย่างคุรามะและคิบุเนะ ทั้งคุรามะและคิบุเนะสองแห่งนี้ค่อนข้างผ่อนคลายและมีเส้นทางเดินป่าสั้น ๆ ในภูเขาระหว่างทั้งสองซึ่งจะพาคุณออกจากเขตเมืองที่พลุกพล่าน วัดขุนเขาคุรามะและศาลเจ้าคิฟุเนะต่างเป็นวัดและศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและมีเส้นทางเดินเขานำไปสู่อาราม จากนั้นแวะไปที่ คุรามะอนเซ็น เพื่อผ่อนคลายและเพิ่มความสดชื่นหลังจากการเดินขึ้นเขา

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินะริ ที่อยู่ทางใต้ของเกียวโตจะให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณได้หลบหลีกออกจากเมืองไฮไลท์ของจุดชมวิวอันโด่งดังแห่งนี้คือซุ้มประตู “โทริอิ” สีส้มที่มีอยู่เป็นหมื่นซุ้มเรียงต่อกันไปเป็นเส้นทางขึ้นเขาอินาริซึ่งเป็นภูเขาที่มีความสำคัญทางศาสนา ไม่ว่าจะเดินผ่านเส้นทางที่ต้องเดินลอดซุ้มประตูสีส้มเหล่านี้หรือเส้นทางปกติก็สามารถไปถึงยอดเขาได้ทั้งนั้น ตลอดช่วงเวลาสามชั่วโมงในการเดินทาง คุณจะพบกับศาลเจ้าที่มีขนาดเล็กจำนวนมาก รวมถึงซุ้มขายอาหารที่น่าอร่อยมากมายสำหรับผู้ที่สามารถแวะพักได้ เพราะถึงอย่างไรก็ตาม คุณก็จะเดินทางไปถึงยอดเขาในที่สุด ซึ่งมีทิวทัศน์อันงดงามของเกียวโตรอคุณอยู่

 

การเดินเขาในญี่ปุ่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการค้นพบความงดงามของญี่ปุ่น

 

เคล็ดลับน่ารู้ก่อนการเดินทาง

โดยรวมแล้วการเดินเขาในประเทศญี่ปุ่นนั้นคล้ายคลึงกับที่อื่นๆ ในโลก และมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเหมือนๆ กัน แต่ก็มีบางเรื่องที่เป็นลักษณะเฉพาะของประเทศที่คุณต้องจดจำไว้

เสียงกระดิ่งป้องกันหมีจะเป็นเสียงที่คุณได้ยินตลอดไม่ว่าคุณจะไปเดินเขาที่ใดก็ตามในญี่ปุ่น นักเดินเขาชาวญี่ปุ่นจำนวนมากจะติดกระดิ่งขนาดเล็กไว้ที่กระเป๋าหรือเสื้อผ้าเพื่อช่วยป้องกันหมี โดยคุณควรระมัดระวังหมีในบางสถานที่ เช่น ฮอกไกโด และแม้แต่ในพื้นที่โดยรอบโตเกียว

สัตว์ป่าที่เป็นอันตรายยิ่งกว่าคือตัวต่อยักษ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “ซูซูเมะบะชิ” แมลงพวกนี้จะไม่เข้ามาทำร้ายคนก่อน แต่หากเข้าไปใกล้รังของพวกมันมากเกินไปก็อาจทำให้พวกมันต้องป้องกันตัวได้

สุดท้ายนี้ ที่พักมีจำกัดบนเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทาง ขอแนะนำให้จองล่วงหน้า

 



* ข้อมูลต่างๆ บนเวบไซต์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงสืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19

คุณอาจจะชอบ...

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages