วัดกังโกจิ 元興寺

แม้วัดกังโกจิจะไม่เป็นที่นิยมนัก แต่ก็มีความลับมากมายที่รอให้คุณค้นพบ เมื่อมองดูจากภายนอก วัดแห่งนี้มีการออกแบบที่เรียบง่าย ทว่าด้านในของวัดและพื้นที่โดยรอบก็มีศิลปะภาวนามันดาลาน่าอัศจรรย์และรูปสลักยักษ์ดุร้ายอยู่ วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโก

วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีคินเท็ตสึนาราโดยใช้เวลาเดิน 15 นาที

หากเดินจากสถานีเจอาร์นาราจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที หรือจะเดินทางมาด้วยรถบัสสายใดก็ได้ที่จอดป้ายในนารามาจิ

แต่เดิมนั้นวัดกังโกจิตั้งอยู่ในอะสุคะ แต่จักรพรรดินีเก็นโชและจักรพรรดิโชมุได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้ย้ายวัดนี้ทั้งวัดไปตั้งที่นารา และก่อสร้างขึ้นใหม่ แม้ว่าวัดแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการมาเป็นวัดกังโกจิ แต่ก็ยังมีผู้เรียกชื่อวัดนี้ว่าเป็น “อะสุคะแห่งนารา” อยู่

จุดดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักของวัดอยู่ในวิหารหลัก โดยหนึ่งในนั้นคืองานศิลปะแบบพุทธที่เรียกว่าศิลปะภาวนามันดาลาซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 ภาพ ชิ้นงานที่ใหญ่ที่สุดเป็นภาพสรวงสวรรค์ที่มีเด็กอยู่บนดอกบัวและต้นไม้สมบัติ

หากภาพดังกล่าวทำให้คุณเข้าภวังค์ ถัดจากศิลปะภาวนามันดาลาจะเป็นตัวอักษรสันสกฤตขนาดใหญ่ที่สื่อถึงตัวอักษร “A” โดยนักท่องเที่ยวสามารถทำสมาธิที่ด้านหน้าตัวอักษรนี้ได้

นอกจากนี้ที่วิหารหลัก คุณยังพบรูปสลักพระโพธิสัตว์ที่เรียกว่า “จิโซะ”ได้อีกเกือบ 200 องค์ เคียงข้างด้วยรูปปั้นยักษ์เทวดาบริวาร 12 องค์

ทางฝั่งซ้ายของวิหารหลักคือวิหารเล็กซึ่งใช้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ โดยด้านในเก็บรวบรวมวัตถุที่ได้รับตกทอดมาเป็นมรดกชิ้นสำคัญๆ ซึ่งเป็นของวัด

เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน คุณจะสะดุดตากับเจดีย์องค์เล็กซึ่งใช้เป็นแบบในการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ นี่คือเจดีย์ 5 ชั้นเพียงองค์เดียวจากทุกขนาดที่ยังคงหลงเหลืออยู่มาจนถึงปัจจุบันจากยุครุ่งโรจน์ของสมัยนารา

นอกจากรูปสลักงดงามนี้แล้ว ยังมีรูปสลักไม้อีกมากมายที่เรียกว่า “โมะคุโซะ” รูปสลักที่โดดเด่นที่สุดจากทั้งหมดนี้คือรูปสลักแปะด้วยทองคำเปลวขนาดใหญ่ของอะมิดะเนียวไร หรือพระอมิตาภพุทธะ ย้อนอายุกลับไปได้ถึงช่วงคริสตศตวรรษที่ 10