ปราสาทฮิโคะเนะ 彦根城

ปราสาทฮิโคะเนะแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสภาพเดิมหลังจากสร้างเสร็จ เราจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นเวลาเกือบ 400 ปี โดยไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงใด ๆ

คุณสามารถเดินทางไปยังปราสาทฮิโคะเนะได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟ แล้วเดินต่อจากสถานีฮิโคะเนะเพียง 15 นาที

ขึ้นรถไฟชินคันเซนไปยังไมบาระ แล้วเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟท้องถิ่นสายหลักโทไกโดต่ออีกหนึ่งป้ายไปยังฮิโคะเนะ ปราสาทจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเจอาร์ฮิโคะเนะโดยใช้เวลาเดิน 15 - 20 นาที

พื้นที่ของปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นซากุระ โดยปกติแล้วดอกซากุระที่นี่จะบานช้ากว่าซากุระในเกียวโต ประมาณหนึ่งสัปดาห์

ปราสาทฮิโคะเนะเป็นหนึ่งในปราสาทเพียงห้าแห่งในญี่ปุ่นที่ตัวปราสาทหลักยังคงเป็นอาคารหลังเดิม และได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติของชาติ คุณจะได้เห็นปราสาทหลังเดียวกันกับปราสาทที่เหล่าขุนนางศักดินาเคยอาศัยอยู่ ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาในการสร้าง 20 ปี ซึ่งคุณจะเข้าใจสาเหตุได้ทันที เมื่อได้เห็นตัวสถาปัตยกรรมที่ละเอียดอ่อนและงานฝีมืออันประณีต

นอกจากนี้ให้สังเกตดูวิธีการต่าง ๆ ที่ผู้สร้างปราสาทได้วางแผนไว้เพื่อป้องกันตัวปราสาท มีทั้งทางรูปก้นหอยที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้า ทำให้เล็งเป้าหมายไปที่ผู้โจมตีได้ง่าย รวมถึงช่องต่าง ๆ ในกำแพงสำหรับยิงลูกธนูก็ซ่อนไว้อย่างมีศิลปะ

ในพื้นที่ของปราสาทยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่ก็มีอาคารได้รับการบูรณะอย่างระมัดระวังมาตั้งแต่ยุคศักดินา ซึ่งอาคารดังกล่าวได้รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติของตระกูลอิอิ และวัตถุที่แสดงให้เห็นว่าคนในตระกูลใช้ชีวิตและทำการปกครองเมืองอย่างไร ใกล้กันนี้ยังมีสวนเก็นคิวเอ็นอีกด้วย คุณสามารถดื่มชาเขียวมัทฉะและขนมหวานญี่ปุ่นได้ในสวนสำหรับเดินเล่นที่สร้างขึ้นในพ.ศ. 2220 แห่งนี้

ภาพที่สวยที่สุดของปราสาทฮิโคะเนะก็คือ ภาพในยามที่ตัวปราสาทต้องแสงจันทร์ โดยภาพนี้ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในสุดยอดทิวทัศน์ทั้งแปดของทะเลสาบบิวะ แต่อะไรดี ๆ ไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น ระฆังที่ส่องเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณปราสาททุก ๆ 3 ชั่วโมงในช่วงกลางวันได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งในร้อยทัศนียภาพทางเสียงที่น่าประทับใจที่สุดในญี่ปุ่น

เผื่อเวลาเอาไว้อย่างน้อยครึ่งวัน เพื่อทำการสำรวจสถานที่ที่น่าหลงใหลแห่งนี้ หากคุณมาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณอาจอยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานขึ้น เพราะตัวปราสาทและอาณาบริเวณโดยรอบประดับประดาไปด้วยต้นซากุระที่ออกดอกสีชมพูอ่อนงามตา