สวนอันงดงามเป็นเลิศฝีมือเซ็ซชุ จิตรกรชื่อดังในศตวรรษที่ 15
สวนแห่งนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของเซ็ซชุ โทโยะ (พ.ศ. 1963 - 2049) ผู้เป็นหนึ่งในจิตรกรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซึ่งสันนิษฐานกันว่าผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2021 เมื่อครั้งที่เขาเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ที่วัดอิโกจิ
พลาดไม่ได้
- รูปปั้นรากังกับสีหน้าที่ไม่ซ้ำกัน
- พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์เซ็ซชุที่อยู่ใกล้ ๆ
- สวนเซ็ซชุอีกแห่งที่อยู่ใกล้วัดมันปุคุจิ
วิธีการเดินทาง
ขึ้นรถบัสจากสถานีมัตสึดะเป็นเวลา 10 นาที
มัตสึดะเป็นสถานีสุดท้ายของสายหลักซานิงที่วิ่งจากจังหวัดทตโตริ
คลี่ม้วนภาพวาด
สวนในญี่ปุ่นมักมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือสวนชมวิวซึ่งเป็นสวนสำหรับมองแค่มุมเดียวและมักอยู่ตามระเบียงวัดหรือบ้านซามูไร ประเภทที่สองคือสวนเดินเล่นซึ่งเป็นสวนสำหรับเดินไปรอบ ๆ เหมือนสวนสาธารณะ สวนนี้ถือเป็นสวนกิ่งเดินเล่น
สวนนี้ค่อย ๆ เผยตัวตนออกเหมือนกับคลี่ม้วนภาพวาด บ่อน้ำมีรูปทรงเหมือนนกกระเรียนบินไปทางตะวันตกและเกาะในบ่อมีรูปทรงเหมือนเต่า ทั้งเต่าและนกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์ของอายุที่ยืนยาว
สวนนี้จะมีองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ได้แก่ ต้นซากุระพลิ้วไหวในฤดูใบไม้ผลิ ดอกกุหลาบพันปีบานในเดือนพฤษภาคม และแมกไม้เขียวขจีในฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงเปลี่ยนใบเมเปิลเป็นสีแดง แต่จุดเด่นจริง ๆ คือฤดูหนาวหลังหิมะตก โดยสวนจะเผยให้เห็นเอกลักษณ์ของภาพวาดของเซ็ซชุได้ดีที่สุด
เรื่องเล่าของเซซชุ
เซซชุ ชายหนุ่มที่เกิดในชนบทโอคายาม่า เมื่อปี พ.ศ. 1963 ได้ถูกส่งให้ไปฝึกฝนเป็นพระนิกายเซ็น ไม่นานนักพรสวรรค์ในด้านศิลปะของเขาก็ฉายแววออกมา ในช่วงเวลานั้นเขาใช้ชื่อว่าโทโยะ ต่อมา เขาย้ายไปที่วัดโชฟูกูจิในเกียวโต และรับการศึกษาตามคำสั่งสอนของชูบุนซึ่งเป็นยอดศิลปินในยุคนั้น หลังจากได้ตั้งตัวเป็นจิตรกรแล้ว เขาก็ได้ใช้ชื่อว่าเซ็ซชุ
เซ็ซชุย้ายไปอยู่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นและสร้างผลงานชิ้นเอกหลายชิ้นที่นั่น ศิลปะในช่วงนั้นจะใช้เทคนิควาดพู่กันของราชวงศ์ซ่งของจีน แต่เซ็ซชุได้ดัดแปลงรูปแบบการวาดและปรับเป็นแบบฉบับของญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นซึ่งยังคงมีอิทธิพลถึงปัจจุบัน
เขากลับมายังมัตสึดะในช่วงบั้นปลายชีวิตและร่างของเขาฝังอยู่ในสุสานที่อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์เซ็ซชุ
สำรวจภายในวัด
ห้องต่าง ๆ ในวัดจะจัดแสดงผลงานศิลปะมากมาย รวมถึงฉากกั้นห้องสวย ๆ (ซึ่งไม่ใช่ผลงานของเซ็ซชุ) และภาพวาดพระพุทธเจ้าในยามเสด็จดับขันธปรินิพพานที่งดงามจากศตวรรษที่ 18 สถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมอีกแห่งคือไคซังโดะ ห้องโถงเล็กของอาคารหลักซึ่งจะมีรูปปั้นรากัง
รากังเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า โดยรูปปั้นแต่ละรูปจะมีสีหน้าที่แตกต่างกัน ที่นี่มีอยู่ 16 รูปซึ่งถือว่าน้อยหากเทียบกับบางที่ที่มีถึง 500 รูป แต่รากังเหล่านี้ต่างมีรายละเอียดและสีหน้าที่มีความประณีตมาก โดยแต่ละรูปแกะสลักจากต้นสนแดงบล็อกเดียว
หลังจากนั้นให้เดินทางไปยังวัดมันปุคุจิ ที่มีสวนเซ็ซชุอีกแห่งซึ่งอยู่ห่างออกไป 500 เมตร
วัดมันปุคุจิกับสวนอีกแห่ง
วัดมันปุคุจิเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคซึ่งตัววัดถูกย้ายมาอยู่ตรงนี้เมื่อปี พ.ศ. 1917 โดยขุนนางอิวามิชื่อมัตสึดะ เคนามิ ผู้ตั้งให้วัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลของเขา วัดนี้มีลักษณะที่แตกต่างจากวัดอิโกจิตรงที่การออกแบบมีความเรียบง่ายกว่าและมีเครื่องประดับน้อยกว่า รวมไปถึงมุมมองของสวนด้วย สวนที่นี่เป็นสวนชมวิวซึ่งต้องชมจากระเบียง คุณยังสามารถจองเครื่องดิ่มชาเขียวมัตฉะและเค้กไว้ล่วงหน้าได้ ชมสวนไปด้วย จิบชาไปด้วย
ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ผุดออกมาจาก “ภูเขา” เหนือบ่อน้ำจะแทนภาพภูเขา เมรุอันเป็นแกนของจักรวาลหรือชิมิเซ็นในภาษาญี่ปุ่น บ่อน้ำมีรูปทรงเป็นตัวอักษรภาษาจีนโคโกโระที่แปลว่าหัวใจ
* ข้อมูลต่างๆ บนเวบไซต์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงสืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19