Ghibli Park ジブリパーク

โลกแห่งผลงานสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียงของ Studio Ghibli มีชีวิตขึ้นมาได้ที่ Ghibli Park นักท่องเที่ยวสามารถหวนนึกถึงช่วงเวลาโปรดจากภาพยนตร์ของ Studio Ghibli เช่น “โทโทโร่เพื่อนรัก” และ “มิติวิญญาณมหัศจรรย์” ที่นี้ไม่มีเครื่องเล่นที่หวาดเสียวหรือสิ่งล่อตาล่อใจที่เป็นอันตรายต่างๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถสนุกกับการผจญภัยและระลึกถึงเรื่องราวในภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ รวมถึงมีความสุขที่ถูกโอบล้อมและมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ

มีพื้นที่ 3 ส่วนรวมอยู่ในบริเวณเฟสที่หนึ่งของ Ghibli Park ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ของสวนเฉลิมฉลองการจัดงานเอกซ์โป ไอจิ 2005 โดยพื้นที่แต่ละส่วนมีการจัดวางผลงานขนาดเล็กต่างๆไว้ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลองค้นหาได้ตามอัธยาศัย

ไม่มีที่จอดรถให้บริการที่ Ghibli Park ดังนั้นแนะนำให้เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ

จากสถานีเจอาร์นาโกยา ขึ้นรถไฟใต้ดินสายฮิงาชิยามะไปยังสถานีฟุจิกาโอกะ และเปลี่ยนรถเป็นสายลินิโมะ (สายไอจิ ราปิด ทรานส์สิต โทบุ คิวเรียว) มุ่งสู่สถานีไอจิคิวฮักคุ-คิเน็น-โคเอ็ง และเดินต่ออีกเพียงเล็กน้อย

โลกของภาพยนตร์ที่ชื่นชอบจาก Studio Ghibli เช่น “มิติวิญญาณมหัศจรรย์” และ “โทโทโร่เพื่อนรัก” ได้กลายเป็นจริงที่ Ghibli Park โดยเริ่มต้นเปิดให้บริการ 3 ส่วนบนพื้นที่ของสวนเฉลิมฉลองการจัดงานเอกซ์โป ไอจิ 2005 ได้แก่ Hill of Youth, Ghibli's Grand Warehouse และ Dondoko Forest ภายในสวนไม่มีรถไฟเหาะหรือเครื่องเล่นที่โดดเด่น แต่ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความรู้สึกท่ามกลางธรรมชาติ และหวนนึกถึงวัยเด็กด้วยการค้นหาเรื่องราวเล็กๆของ Studio Ghibli ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณสวน และ Ghibli Park มีหลายพื้นที่ซึ่งมีแนวคิดที่แตกต่างกันจึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกช่วงอายุ

เมื่อออกจาก Elevator Tower นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปยัง Hill of Youth ได้ในระยะทางสั้นๆ แวะที่ Baron and Muta เพื่อเพลิดเพลินกับการจิบชาที่ The Cat Bureau จาก “เจ้าแมวยอดนักสืบ” และนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมรอบๆ World Emporium จาก “วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู” นอกจากนี้มีร้านขายของโบราณที่ให้บรรยากาศเหมือนแคปซูลกาลเวลาย้อนกลับไปในปีเดียวกันกับเรื่องราวในภาพยนตร์เหล่านั้น ทั้งสองชั้นของอาคารแห่งนี้ทอดยาวออกไปยังระเบียงที่สามารถชมทิวทัศน์ของบริเวณสวน และจากที่นี่ยังสามารถมองเห็นผู้คนที่กำลังสนุกกับการปิกนิคและเดินเล่นบนพื้นหญ้ากว้างใหญ่

Ghibli's Grand Warehouse เป็นนิทรรศการจัดวางขนาดใหญ่ด้วยไดโอรามาขนาดเท่าของจริงจาก “ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา” “มิติวิญญาณมหัศจรรย์” “อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว” และอื่นๆ นอกจากนี้เมื่อเข้ามาใน Ghibli's Grand Warehouse นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับตั๋วที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวสำหรับเข้าชม Screening Room "Cinema Orion" ซึ่งฉายอะนิเมชันเรื่องสั้นเป็นประจำตลอดทั้งวัน หลังจากชมนิทรรศการแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อนและรับประทานแซนด์วิชและพิซซ่าได้ที่ Transcontinental Flight Café หรือนมและคาสเทลล่าสอดไส้ถั่วแดงที่ The Milk stand "Siberi❆An" จากนั้นเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าของ Ghibli's Grand Warehouse

ไกลออกไปจากทางเข้าของสวน Dondoko Forest จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่โลกของ “โทโทโร่เพื่อนรัก” ที่ห้อมล้อมด้วยเนินเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ ที่ Satsuki and Mei's House นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมรอบๆบ้านของครอบครับคุซากาเบะ สามารถเปิดลิ้นชักเบา ๆและมองลอดผ่านประตูตู้เสื้อผ้า

บนภูเขาด้านหลัง Satsuki and Mei's House เป็น Dondoko Shop ซึ่งขายตลับใส่เครื่องรางสำหรับนำโชคที่มีลายตัวละครจากภาพยนตร์ของ Studio Ghibli และ Dondoko-do รวมถึงเครื่องเล่นไม้ขนาดใหญ่สำหรับให้เด็กๆเข้าไปเล่นได้ ทางเดินขึ้นเนินเขาจะมีความลาดชัน แต่มีรถขนาดเล็กให้บริการเพื่อช่วยนำรถเข็นเด็กหรือเก้าอี้รถเข็นขึ้นลงจากเนินเขา

แต่ละสถานที่มีบัตรเข้าสถานที่เฉพาะของตัวเองซึ่งต้องซื้อล่วงหน้าก่อนเข้าชม ผู้ชื้อบัตรจะต้องเลือกตารางเวลาที่ต้องการเข้าชมในแต่ละสถานที่

บัตรสำหรับแต่ละสถานที่สามารถซื้อล่วงหน้าไป 3 เดือน และการจำหน่ายบัตรสำหรับต่างประเทศจะทยอยดำเนินการ

สามารถตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่เวปไซท์อย่างเป็นทางการ

https://ghibli-park.jp/en/ticket/

ขณะที่ Ghibli Park ถูกห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ แต่ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆมากมายอยู่ภายนอกสวนเฉลิมฉลองการจัดงานเอกซ์โป ไอจิ 2005 สำหรับผู้ที่เดินทางมายังสวนโดยใช้ลินิโมะ น่าจะได้รับการประชาสัมพันธ์ถึงพิพิธภัณฑ์ยานยนตร์โตโยต้าที่อยู่ระหว่างทาง ซึ่งอุทิศให้กับวิวัฒนาการด้านยานยนต์จากทั่วโลก

ภูมิทัศน์ของเมืองอาสุเกะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น แต่เดิมที่นี่เป็นจุดค้าขายที่สำคัญของภูมิภาค อาคารต่างๆที่สร้างในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับเลือกเป็นย่านอนุรักษ์สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารแบบดั้งเดิมในปี ค.ศ. 2011