สถาปัตยกรรมและศิลปะตะวันตกระดับโลก
อาคารหลักที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวฝรั่งเศส เลอ กอร์บูซิเย พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดงศิลปะตะวันตกแบบคลาสสิค รวมถึงผลงานแนวคตินิยมศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการตีความศิลปะญี่ปุ่นโดยศิลปินตะวันตกอย่างเดอกาส์และแวนโก๊ะ
พลาดไม่ได้
- ผลงานศิลปะหลากหลายชิ้นของโรแดง
- คอลเล็คชั่นของมัตสึกาตะ
- มุมมองทั้งภายในและภายนอกของเลอ กอร์บูซิเย
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางมาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติได้จากสถานีอุเอโนะ
เมื่อเดินทางด้วยรถไฟเจอาร์สายยามาโนเตะ สามารถเดินไปยังพิพิธภัณฑ์จากทางออกฝั่งสวนของสถานีอุเอโนะโดยใช้เวลาเพียง 1 นาที
เมื่อเดินทางมาด้วยสายเคเซย์ จะใช้เวลาเดิน 7 นาทีจากสถานีเคเซอุเอโนะ
จากโตเกียวเมโทรสายกินซ่าหรือรถไฟใต้ดินสายฮิบิยะ สามารถเดินไปยังพิพิธภัณฑ์จากสถานีอุเอโนะ โดยใช้เวลา 8 นาที
แหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกแห่งที่ 20 ของประเทศญี่ปุ่น
ในปี ค.ศ. 2016 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้กลายเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของโตเกียวและเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกแห่งที่ 20 ของประเทศ ด้วยผลงานการออกแบบพิพิธภัณฑ์โดยเลอ กอร์บูซิเย ในฐานะที่เป็นสถาปนิกที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 งานจำนวน 17 ชิ้นใน 7 ประเทศของเลอ กอร์บูเซติได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลก
องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ของเลอ กอร์บูซิเยโด่งดังนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน บางอย่างอาจจะดูไม่สะดุดตานัก แต่ก็แฝงไปด้วยนัยสำคัญ อย่างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน และการใช้เพดานหลายระดับในห้องเดียวเป็นสไตล์เฉพาะตัวของเขา คอนเซปต์หลักของโมดูเลอร์แบบเลอ กอร์บูซิเย ที่ได้สร้างสรรค์ไว้ที่นี่ คือ การออกแบบให้อาคารดูมีเนื้อที่กว้างขวางและให้ความรู้สึกใกล้ชิด
พิพิธภัณฑ์แห่งการเติบโตที่ไม่จำกัด
ตอนที่ออกแบบอาคารแห่งนี้ เลอ กอร์บูซิเยมีความเชื่อว่าตัวอาคารต้องขยับขยายไปตามจำนวนคอลเล็คชั่นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ก็เริ่มเกิดขึ้นมาจริง ๆ หลังจากที่ตัวพิพิธภัณฑ์แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1959 ได้ไม่นาน
สถาปนิกชาวญี่ปุ่นสามคนได้ฝึกงานกับเลอ กอร์บูซิเย ได้แก่ คุนิโอะ มาเอคาวะ จุนโซ ซากากุระ และทากามาซะ โยชิซากะ สถาปนิกสองคนได้รับผิดชอบการก่อสร้างห้องอบรมและสำนักงานในปี ค.ศ. 2507 และห้องออกตั๋วในปี ค.ศ 1984 (โดย ซากากุระ) และส่วนต่อเติมใหม่ในปี ค.ศ 1979 (โดย มาเอคาวะ)
ทรัพย์สินจากศัตรู
คอลเล็คชั่นแสดงถาวรของพิพิธภัณฑ์คือคอลเล็คชั่นมัตสึกาตะที่ใช้เวลาเก็บสะสมกว่า 10 ปีโดยโคจิโระ มัตสึกาตะ นักธุรกิจและบุตรชายคนที่สามของมาซะโยชิ มัตสึกาตะ นักการเมืองชื่อดังในยุคเมจิ ( ค.ศ.1868 - ค.ศ.1912) และนายกรัฐมนตรีสองสมัยของประเทศญี่ปุ่น
มัตสึกาตะได้สะสมงานศิลปะกว่า 10,000 ชิ้น โดยส่วนมากเป็นงานของทางยุโรป โดยงานพวกนี้ถูกยึดไปโดยฝรั่งเศสหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1959 งานเหล่านี้ถูกส่งคืนประเทศญี่ปุ่นโดยรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งนำไปสู่การสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ผลงานศิลปะของเหล่าปรมาจารย์
เป็นสถานที่เก็บงานศิลปะชั้นเยี่ยมกว่า 6,000 ชิ้น โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ในคอลเล็คชั่นอุทิศให้กับงานในศตวรรษที่ 14 ถึง 16 (ยุคโกธิคและยุคเรเนซองส์) ศตวรรษที่ 17 (ยุคบาโรก) ศตวรรษที่ 18 (ยุครอคโคโค) ศตวรรษที่ 19 และ 20 รวมถึงศิลปะยุคโมเดิร์น
อย่างไรก็ตาม ศิลปินที่ควรค่าแก่การจดจำมีด้วยกันสองท่าน คนแรกก็คือ โคลด์ โมเนต์ เพื่อนสนิทของมัตสึกาตะ ภาพวาด Water Lillies เป็นภาพวาดที่โด่งดังที่สุดของโมเนต์ ครั้งหนึ่งโมเนต์เคยเสนอขายผลงานของเขาในสตูดิโอที่จิแวร์นีให้กับมัตสึกาตะ และมัตสึกาตะได้ซื้อไป 18 ภาพ
อีกคนหนึ่งคือ ออกุสต์ โรแดง คลังชิ้นงานของพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยชิ้นงานของศิลปินชาวฝรั่งเศสคนนี้หลากหลายชิ้น โดยกว่าครึ่งเป็นประติมากรรม โดยประติมากรรมหลายชิ้นได้ถูกจัดแสดงไว้ด้านนอกอาคาร ประติมากรรมทองแดงที่โด่งดังที่สุดสองชิ้นของโรแดงที่จัดแสดงไว้ที่นี่ก็คือ “The Thinker” และ “Gates of Hell”
![](tokyo/Tokyo2283_2 tokyo/Tokyo2283_6 "")
สำรวจให้ไกลไปอีก
หลังจากเสพย์ศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติเสร็จแล้ว คุณสามารถไปเที่ยวชมพื้นที่โซนอื่นในสวนอุเอโนะ รวมถึงพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ สวนสัตว์อุเอโนะ และวัดคันเอจิที่อยู่อยู่ใกล้ ๆ กัน รวมถึงศาลเจ้าและวัดสวย ๆ อีกหลายแห่งให้ไปสักการะ เช่น ศาลเจ้าเนซุจิงจะ ศาลเจ้าอุเอโนะโทโชงุ ศาลเจ้ายูชิมะเท็นจิน สำหรับอาหารอร่อย ๆ และแหล่งช้อปปิ้งราคาถูก เราขอแนะนำให้คุณแวะไปที่ตลาดอาเมะโยโคะ ดู
* ข้อมูลต่างๆ บนเวบไซต์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงสืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19