มาทำความรู้จักกับเทศกาลในโทโฮคุกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเงะ (Namahage Museum) ศูนย์รวมข้อมูล และบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเพณี Namahage Sedo Festival ชมการแสดงที่มีปีศาจนะมะฮะเงะ แบบตัวเป็นๆ หรือจะลองสวมใส่เครื่องแต่งกายพร้อมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้

จุดแวะต่อไปคือ Roadside Station Akitako จุดพักรถขนาดใหญ่ ที่มีทั้งร้านอาหาร ห้องน้ำ ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และอื่นๆ สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่ก็เห็นจะเป็น อินานิวะ อุด้ง (Inaniwa Udon) เส้นอุด้งแบบเล็กเหนียวหนึบ กินแบบเย็น จุ่มซอส ทานคู่กับเท็มปุระกุ้งทอด 

ถัดจากนั้นเดินทางไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอาคิตะ "มัตสึชิตะ" Akita Cultural Industry Facility Matsushita (Akita Maiko Theatre) ผู้มาเยือนจะได้พบกับไมโกะ ที่จะมาถ่ายทอดวัฒนธรรมอันงดงาม ทั้งการชงชา การร้องรำทำเพลง เพื่อมอบความบันเทิงได้ สามารถมานั่งจิบชาพร้อมพูดคุยกับไมโกะ และชมการแสดงที่หาดูได้ยาก

จากนั้นมาเรียนรู้วัฒนธรรม และประเพณีพื้นบ้านของอาคิตะ โดยเฉพาะเทศกาลแห่คันโต ที่ ศูนย์มรดกศิลปะการแสดงพื้นบ้านเมืองอาคิตะ หรือเนบุริ นะงะชิคัง (Neburi Nagashi Kan) โดยนักท่องเที่ยวสามารถทดลองเชิดโคมไฟคันโต ในท่าทางต่าง ๆ เช่นวางโคมไฟไว้บนฝ่ามือ หน้าผาก เอว หรือส่วนอื่นๆ บนร่างกาย

แวะทางมื้อเย็นในร้านอาหารสไตล์อิซากายะที่ร้านฮิซุจิยะ (Hitsujiya) โดดเด่นในเรื่องของอาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะ "หม้อไฟคิริทัมโปะนาเบะ" อาหารพื้นบ้านขึ้นชื่อของอาคิตะที่หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ อิ่มท้องแล้วก็เช็คอินเข้าพักที่ โรงแรม วะโนะอิ คะคุโนะดาเตะ (wanoi KAKUNODATE) อาคารที่พักได้รับการรีโนเวทมาจากโกดังเก็บสินค้าภายในบ้านของซามูไรที่มีอายุว่า 100 ปี สัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปยังที่อยู่อาศัยในอดีต

1.พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเงะ (Namahage Museum)

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

เทศกาลนะมะฮะเงะ เซะโดะ (Namahage Sedo Festival) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสุดสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์  เป็นประเพณีของจังหวัดอาคิตะ ชาวบ้านแถบนี้จะแต่งตัวเป็น “ปีศาจนะมะฮะเงะ” (Namahage) ใส่หน้ากากยักษ์ สวมเสื้อผ้าที่ทำจากฟาง ในมือถือมีดอีโต้ แล้วส่งเสียงเอะอะโวยวายไปตามบ้านต่างๆ ในช่วงปีใหม่ เพื่อมาตักเตือนเด็กๆไม่ให้ขี้เกียจ และอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย การเกษตรได้ผลผลิตดี ส่วนเจ้าของบ้านก็จะรีบออกมาต้อนรับ พร้อมกับจัดอาหารและเหล้าสาเกตอบแทน

พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเงะ (Namahage Museum) นี้เป็นศูนย์รวมข้อมูล และบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเพณี มีการจัดแสดงหน้ากาก และเครื่องแต่งกาย ชมการแสดงที่มีปีศาจนะมะฮะเงะ แบบตัวเป็นๆ ได้อีกด้วย หรือจะลองสวมใส่เครื่องแต่งกายพร้อมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้

รถยนต์ 1 ชั่วโมง

2.Roadside Station Akitako 

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

จุดพักรถขนาดใหญ่ เพรียบพร้อมด้วยบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ ร้านอาหาร ห้องน้ำ ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งของฝากท้องถิ่น อาหารสด ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ตู้กดน้ำอัตโนมัติ 

ร้านอาหารมักจะมีเมนูที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ผู้เดินทางจะได้จอดรถ แวะพักให้หายเหนื่อย ยืดเส้นยืดสาย รวมทั้งทานอาหารซึ่งเป็นเมนูเด็ดของท้องถิ่น

ถ้ามาที่ Roadside Station Akitako (Michi no eki Akitako) แนะนำให้กินอินานิวะ อุด้ง (Inaniwa Udon) เส้นอุด้งแบบเล็กเหนียวหนึบ กินแบบเย็น จุ่มซอส ทานคู่กับเท็มปุระกุ้งทอด 

รถยนต์ 30 นาที

3.พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอาคิตะ "มัตสึชิตะ" (Akita Cultural Industry Facility Matsushita (Akita Maiko Theatre))

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

ในอดีต ที่นี่เคยเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเก่าแก่ชื่อ Kappo Matsushita มาก่อน จากนั้นตัวอาคารได้รับการปรับปรุงใหม่ จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของจังหวัดอะคิตะ  ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมของจังหวัดอาคิตะ (Akita)โดยเฉพาะการแสดงของ Akita Maiko ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นี้

ลูกค้าผู้มาเยือนจะได้พบกับไมโกะ ผู้ที่เป็นตัวแทนแห่งสาวงามจากอาคิตะมาถ่ายทอดวัฒนธรรมอันงดงาม ทั้งการชงชา การร้องรำทำเพลง เพื่อมอบความบันเทิงได้ สามารถมานั่งจิบชา พบปะพูดคุยกับไมโกะ และชมการแสดงที่หาดูได้ยากได้ที่โรงละคร (Akita Maiko Theater)

เดิน 10 นาที

4.ศูนย์มรดกศิลปะการแสดงพื้นบ้านเมืองอาคิตะ เนบุริ นะงะชิคัง (Akita City Folk Arts Center (Neburi Nagashi Kan))

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

ศูนย์มรดกศิลปะการแสดงพื้นบ้านเมืองอาคิตะ หรือเนบุริ นะงะชิคัง (Neburi Nagashi Kan) เป็นสถานที่ที่เปิดให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม และประเพณีพื้นบ้านของเมืองอาคิตะ โดยเฉพาะเทศกาลแห่คันโตที่มีชื่อเสียง (Akita Kanto Festival) ที่เป็นหนึ่งในสามเทศกาลหลักประจำภูมิภาค 

คันโต เป็นการนำเอาโคมไฟกระดาษ หลาย ๆ อันมาแขวนประกอบกันให้เป็นทรงคล้ายกับรวงข้าว เพื่อขอพรให้ผลผลิตของธัญพืช 5 ชนิดที่เพาะปลูกกันในภูมิภาคนี้ออกมาดี

ภายในอาคารมีจัดแสดงโคมไฟคันโต ขนาดเท่าของจริงที่แขวนบนเสาไม้ไผ่ และนักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดลองถือโคมไฟคันโตขนาดต่างๆ ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ด้วยตนเองได้ด้วย มีทั้งวางบนฝ่ามือ รวมถึงวางบนหน้าผาก เอว เป็นเทคนิคต่างๆที่น่าสนใจ

รถไฟ 1 ชั่วโมง 5 นาที

5.ร้านฮิซุจิยะ (Hitsujiya)

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

ร้านอาหารสไตล์อิซากายะที่ตั้งอยู่ในเมืองเซ็นโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ โดยตั้งอยู่ในบริเวณย่านคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบของซามูไรโบราณ โดดเด่นในเรื่องของอาหารท้องถิ่นที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลของจังหวัดอาคิตะ

เมนูที่นี่ลอง ได้แก่ คิริทัมโปะนาเบะ (Kiritanpo Nabe ข้าวนำมาปั้นเป็นแท่งทรงกระบอกแล้วหั่นเป็นบ้องๆนำลงต้มในซุปไก่) กินหม้อไฟร้อนๆ ในฤดูหนาวทั้งอร่อยและยังช่วยให้ร่างกายอบอุ่น รวมไปถึงอินานิวะอุด้ง (Inaniwa Udon) และเซ็ตปลาย่างที่ได้รับความนิยมมาก  

เดิน 10 นาที

6.โรงแรม วะโนะอิ คะคุโนะดาเตะ (wanoi KAKUNODATE)

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

เช่าบ้านทั้งหลัง พักในบรรยากาศย้อนยุค

โรงแรม wanoi KAKUNODATE ตัวอาคารที่พักได้รับการรีโนเวทมาจากโกดังเก็บสินค้าภายในบ้านของซามูไรที่มีอายุว่า 100 ปีในสมัยก่อน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วย่านคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมรวมทั้งวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปยังที่อยู่อาศัยในอดีต

บ้าน Nishinomiyake Bushigura เป็นโกดังเก่าของตระกูลนิชิโนะมิยะ ปัจจุบันเป็นโรงแรมที่พัก มี 2 ชั้น มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอน สามารถเข้าพักได้ 4-6 คน โดยทางโรงแรมได้ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของย่านคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) เข้ากับความสะดวกสบายในแบบสมัยใหม่ พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เงียบสงบ และผ่อนคลาย อีกทั้งยังตั้งอยู่บนถนนบ้านพักซามุไรในย่านคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ซึ่งสะดวกต่อการท่องเที่ยวต่ออีกด้วย