ในช่วงค.ศ. 1527 ถึง 1923 เป็นช่วงที่อิวามิกินซังเจริญรุ่งเรืองจนเป็นหนึ่งในเหมืองเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนึ่งในสามของเงินที่ผลิตทั้งโลกในช่วงศตวรรษที่ 16 มาจากเหมืองแห่งนี้
เหมืองแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบตั้งอยู่บนพื้นที่อันกว้างขวางทางตอนกลางของจังหวัดชิมาเนะ ในภูมิภาคชูโงะคุ โดยพื้นที่เหล่านี้ยังคงรูปแบบเดิม เหมือนกับที่เคยเป็นเมื่อหลายศตวรรษก่อน คุณจะได้พบเหมืองที่เบียดตัวอยู่ในป่าทึบและเขตเทือกเขา ซึ่งคนในท้องถิ่นได้ดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพื่ออนุรักษ์สถานที่เหล่านี้เอาไว้
ไฮไลท์ * เดินไปตามทางในเหมืองริวเง็นจิมาบุที่ถูกใช้งานในปี ค.ศ. 1715 * สำรวจชุมชนโอโมริโชอันเป็นที่พักของคนงานเหมืองในท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ * ทางเดิน 12 กิโลเมตรที่ทอดยาวจากเหมืองไปยังเมืองท่าโอคิโดมาริ

เพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นแบบสบาย ๆ หรือเดินขึ้นเขาทางไกล
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อิวามิกินซัง ได้รับการบันทึกให้เป็นแหล่งมรดกโลก คือ เหมืองเงินแห่งนี้ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติอันกว้างใหญ่มาเป็นระยะเวลายาวนาน อิวามิกินซัง มีเนื้อที่กว้างขวาง และมีเส้นทางหลายเส้นให้คุณได้เลือกสำรวจ ทั้งทางเดินเขาขรุขระ หรือทางที่ทอดผ่านเขตชนบท แล้วแต่ว่าจะเลือกแบบใด

เดินไปตามทางเดินในเหมือง
เหมืองแห่งนี้มีทางที่เรียกว่า มาบุอยู่ประมาณ 1,000 เส้น ในบรรดาทางเหล่านี้ ทางเดินเหมืองริวเง็นจิมาบุที่ถูกใช้งานในค.ศ. 1715 เป็นทางที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และแสดงขั้นตอนการทำเหมืองต่าง ๆ ที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษ เมื่อเดินผ่านทางเข้าอุโมงค์เล็ก ๆ ในป่า คุณจะได้เห็นขั้นตอนการทำเหมืองแบบในสมัยที่กระบวนการทุกอย่างทำด้วยแรงคน โดยคุณจะออกจากอุโมงค์ได้ที่ทางออกอีกฝั่งหนึ่ง
เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำเหมืองแบบโบราณ
คนงานเหมืองที่อิวามิกินซัง ใช้วิธีการอันประณีตที่เรียกว่า “ไฮฟุกิโฮะ” (กระบวนการหลอม) ที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นผ่านทางประเทศเกาหลีในปีค.ศ. 1533 กรรมวิธีนี้ประกอบด้วยการหลอมแร่เงินและตะกั่วให้เป็นอัลลอย จากนั้นเทลงในเตาเผาโลหะ แล้วเพิ่มความร้อนให้สูงจัด เพื่อแยกเอาเงินออกมา วิธีนี้ทำให้ญี่ปุ่นผลิตเงินได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

เดินท่องไปในเมืองเหมืองเก่า
ห่างออกจากทางเดินเหมืองริวเง็นจิมา 2 กิโลเมตรก็จะมาถึงเมืองโอโมริ ชุมชนแห่งนี้พัฒนาขึ้นมาพร้อม ๆ กับเหมือง โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานฝ่ายปกครอง คฤหาสน์ซามูไรเก่า ศาลเจ้า และร้านรวงต่าง ๆ ปัจจุบันนี้ คุณจะได้เห็นว่าอาคารหลายแห่งในเขตนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ คฤหาสน์ของตระกูลคุมาไก บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในชุมชน โดยตัวอาคารจะทำให้คุณได้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อค้าเงินที่ประสบควาสำเร็จเมื่อหลายศตวรรษก่อน
เหลือบมองในถ้ำทั้งหลายของวัดบนเขา
เส้นทางชิมทิวทัศน์ที่เชื่อมเหมืองเข้ากับท่าเรือโอคิโดมาริมีความยาว 12 กิโลเมตร เมื่อเดินไปตามเส้นทางนี้ คุณจะได้พบกับวัดรากันจิ ที่ตั้งของถ้ำสามแห่ง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นจิโซะ 500 องค์ โดยแต่ละองค์ได้รับการแกะสลักสีหน้าให้แตกต่างกันออกไป


ผ่อนคลายอารมณ์ที่เมืองท่าต่าง ๆ โดยรอบ
เมื่อคุณมาเที่ยวที่นี่ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนที่บ่อน้ำพุร้อนดัง ๆ หลายแห่งในยูโนะสึ ที่อยู่ติดกับโอคิโดมาริได้ แวะใช้บริการโรงอาบน้ำสาธารณะสองแห่ง เพื่อผ่อนคลายในน้ำที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง
ศูนย์กลางการขนส่งขนาดใหญ่ในภูมิภาคที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ สถานีโอดะชิและสนามบินอิซุโมะ เมื่อเดินทางโดยเครื่องบิน การเดินทางจากโตเกียวไปยังอิซุโมะ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
เส้นทางหลักที่ทอดไปยังเหมืองมีอยู่ 2 เส้น เส้นแรกจะทอดจากจังหวัดชิมาเนะ ส่วนอีกเส้นจะทอดมาจากจังหวัดฮิโรชิมะ แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่ก็มีรถบัสให้บริการน้อยมาก ดังนั้นหากคุณจะเดินทางจากชิมาเนะ ขอแนะนำให้ค้างคืนที่นั่น แล้วเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในชิมาเนะ เช่น อิซุโมะไทชะ อันเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
หากคุณเดินทางจากภูมิภาคคันไซ การขึ้นรถไปหัวกระสุนไปยังฮิโรชิมะ จะเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกกว่า แต่คุณจะต้องจำไว้เสมอว่าภูมิภาคนี้จะมีหิมะตกหนักในช่วงฤดูหนาว