นารา โยะชิโนะ

ใจกลางของเมืองโยชิโนะคือ "ภูเขาโยชิโนะ" ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกความงามล้ำเหนือคำบรรยายของที่นี่ ทำให้ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมากวีมากมายต่างหยิบยกที่แห่งนี้มาเขียนเป็นบทกวีเพื่อยกย่องความงามนี้อย่างไม่ขาดสาย

แม้ว่าโยชิโนะจะตั้งอยู่ในจังหวัดนารา แต่การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือจากสถานีเกียวโตหรืออีกทางเลือกหนึ่งคือเดินทางจากโอซาก้าก็ได้เช่นกัน

จากเกียวโต: ขึ้นรถไฟสายคินเท็ตสึที่สถานีเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ไปถึงสถานีโยชิโนะ

จากโอซาก้า: จากสถานีอาเบโนฮาชิในโอซาก้า นั่งรถไฟสายคินเท็ตสึ มินามิ โอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที ไปถึงสถานีโยชิโนะ

พื้นที่ส่วนใหญ่ของโยชิโนะในจังหวัดนาราตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมเทือกเขาคิอิซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก โดยมี "ภูเขาโยชิโนะ" เป็นหัวใจสำคัญของพื้นที่ซึ่งภูเขาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นมายาวนาน และยังปรากฏในวรรณกรรมโบราณ บทกวี และบทเพลงต่างๆอยู่บ่อยครั้งตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา

ซากุระกว่า 30,000 ต้นบนภูเขาโยชิโนะ ถือเป็นภาพอันงดงามตรึงตาตรึงใจ

ในฤดูใบไม้ผลิ ศาลเจ้าและวัดโบราณบนภูเขาโยชิโนะหลายแห่งที่มีอายุมากกว่าพันปีจะถูกโอบล้อมด้วยความงดงามของซากุระกว่า 30,000 ต้นที่บานสะพรั่งอย่างตระการตา โดยเฉพาะศาลเจ้าโยชิมิซุจินจะ (Yoshimizu-jinja) ที่มีจุดชมวิวซากุระอันยอดเยี่ยมและยังเป็นสถานที่ที่ขุนพลฮิเดโยชิ โทโยโตมิจากช่วงศตวรรษที่ 16 เคยจัดงานชมดอกไม้ (ฮานามิ) ซึ่งตรงกับช่วงซากุระบานพอดีอีกด้วย

ในฤดูร้อน โยชิโนะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวชอุ่มสดชื่นของธรรมชาติ และมีโบราณสถาน เช่น วัดเนียวอิรินจิ (Nyoirinji)ซึ่งเป็นที่ตั้งสุสานของจักรพรรดิโกไดโงะ (ค.ศ. 1288-1339) หนึ่งในบุคคลสำคัญของยุคซามูไรของญี่ปุ่นซึ่งว่ากันว่าเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายที่มีอำนาจทางการเมืองอย่างแท้จริงก่อนการปฏิรูปเมจิเรื่องราวอันน่าทึ่งของพระองค์ช่วยเพิ่มมิติทางประวัติศาสตร์ให้กับการเดินทางบริเวณนี้ยังมีเส้นทางเดินป่ามากมายที่คดเคี้ยวผ่านผืนป่าเขียวขจีและวัดโบราณเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เข้ากับการผจญภัยกลางแจ้งในฤดูร้อน

ฤดูใบไม้ร่วงในโยชิโนะ: เก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุด

ฤดูใบไม้ร่วงที่โยชิโนะมอบโอกาสในการถ่ายภาพที่สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ

เมื่อฤดูใบไม้ร่วงแต่งแต้มโยชิโนะด้วยเฉดสีแดงและทองอันสดใส เรื่องราวของจักรพรรดิโกไดโงะก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งพระองค์เคยลี้ภัยจากความขัดแย้งทางการเมือง และสถาปนาราชสำนักใต้ที่โยชิโนะเพื่อต่อต้านอำนาจของโชกุนที่มีอำนาจในเกียวโต ใกล้กันนั้นศาลเจ้าโยะชิโนะจิงกู ซึ่งอุทิศให้แด่จักรพรรดิโกไดโงะก็กลายเป็นฉากหลังอันงดงามท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีจึงเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการดื่มด่ำประวัติศาสตร์ควบคู่กับความงามของธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วง

ในฤดูหนาว หิมะขาวโพลนปกคลุมแนวเขาด้านหลังวัดเนียวอิรินจิ รังสรรค์ทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด

ฤดูหนาวในโยชิโนะ: สัมผัสกับฤดูกาลอันเงียบสงบและเทศกาลเซ็ตสึบุนสุดคึกคัก

ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุดของปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความแออัดพร้อมทั้งเป็นโอกาสหายากที่จะได้ชมเนินเขาที่มีชื่อเสียงของโยชิโนะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนอย่างงดงาม ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เมืองทั้งเมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยงานเทศกาล "โอนิ มัตสึริ" ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวันเซ็ตสึบุนเทศกาลดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ
เหล่า "โอนิ" หรือยักษ์ในชุดแฟนซีจะเดินขบวนไปตามท้องถนน พร้อมเสียงกลองไทโกะดังกึกก้องยามค่ำคืนและการแสดงระบำโอนิอันน่าตื่นตาจะจัดขึ้นภายในศาลาหลักซาโอโดแห่งวัดคิมปุเซ็นจิพิธีกรรมโบราณอย่างการปาถั่วขับไล่สิ่งชั่วร้ายและพิธีกรรมไฟยังช่วยเติมแต่งความขลังให้กับเทศกาลฤดูหนาวอันเปี่ยมด้วยสีสันนี้อีกด้วย

 

มรดกทางจิตวิญญาณและไฮไลต์บนเส้นทางเดินชมธรรมชาติในโยชิโนะ

วัดคิมปุเซ็นจิ คือหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโยชิโนะ

โยชิโนะไม่ได้มีดีแค่ฤดูกาลที่ผลัดเปลี่ยน แต่ยังเป็นดินแดนที่หยั่งรากลึกในด้านจิตวิญญาณมาอย่างยาวนาน
บริเวณตีนเขาโยชิโนะคือที่ตั้งของ “ซาโอโด” (Zao-do Hall) อันยิ่งใหญ่แห่งวัดคิมปุเซ็นจิ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับ“เอ็นโนะเกียวจะ” (En-no-Gyoja) นักพรตผู้บำเพ็ญตนในศตวรรษที่ 8 และเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิชูเก็นโด 
ซาโอโดถือเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากหอพระใหญ่ในจังหวัดนารา 

 

อย่าพลาดชมเหล่านักพรตแห่งลัทธิชูเก็นโดที่แต่งกายด้วยชุดพิธีกรรมสีสันสะดุดตา

ผู้บำเพ็ญพรตแห่งลัทธิชูเก็นโดจะบำเพ็ญตบะอย่างเคร่งครัด เช่น การงดเว้นอาหาร และการชำระล้างร่างกายใต้สายน้ำตกอันเย็นยะเยือกซึ่งเป็นประเพณีที่ยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน ขณะที่ผู้แสวงบุญในชุดพิธีกรรมอันโดดเด่นเป่าสังข์ระหว่างเดินเท้าไปตามเส้นทางศักดิ์สิทธิ์
การออกสำรวจเส้นทางเหล่านี้จึงไม่เพียงเปิดมุมมองใหม่สู่วัฒนธรรมการบูชาภูเขาอันเก่าแก่ของญี่ปุ่นแต่ยังเติมเต็มประสบการณ์การดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติในโยชิโนะได้อย่างลึกซึ้งตลอดทั้งปีอีกด้วย

 

ช่วงไหนเหมาะกับการมาเที่ยวโยชิโนะเพื่อเดินป่าและแช่ออนเซ็นมากที่สุด?

โยชิโนะเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากเมืองต่างๆ ในภูมิภาคคันไซแต่ถ้าคุณอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศของออนเซ็นให้เต็มที่ การพักค้างคืนสักคืนก็คุ้มค่า
โยชิโนะเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่านับสิบสายเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนที่อยากผจญภัยในธรรมชาติแล้วไปแช่ออนเซ็นผ่อนคลายให้ร่างกายได้พักอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระผลิบาน ถ้าอยากหลีกเลี่ยงผู้คนและสัมผัสความงามของภูเขาแบบสงบที่สุด ทางที่ดีที่สุดคือพักค้างคืนที่โยชิโนะแล้วตื่นเช้าไปชมดอกซากุระก่อนที่รถไฟขบวนแรกจะมาถึง