HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

5 จุดชมดอกไฮเดรนเยียสุดประทับใจในญี่ปุ่น

ในช่วงต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เป็นอีกช่วงเวลาน่าเที่ยว ที่จะได้ชมดอกไฮเดรนเยียหลากสีสันบานสะพรั่งตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น

ขอแนะนำ 5 จุดชมดอกไฮเดรนเยียสุดประทับใจ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักฤดูร้อนของญี่ปุ่น

 

วัดเมเก็ทสึอิน (Meigetsuin Temple) จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa)

 

หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดดอกอะจิไซ" เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกไฮเดรนเยียในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองคามาคุระ (Kamakura) โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่ดอกไฮเดรนเยียกว่า 2,500 ต้นบานสะพรั่งทั่วบริเวณวัด อีกทั้งยังจะได้ชมความงามของดอกไอริสที่บานในช่วงเวลาเดียวกัน บริเวณสวนด้านในวัด (Inner Garden) อีกด้วย

 

 

อีกไฮไลต์เด่นคือ หน้าต่างทรงกลม “ซาโตริ โนะ มาโดะ” (Satori no Mado) ในห้องโถงโฮโจ (Hojo Hall) ที่มีลักษณะคล้ายพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งสามารถมองเห็นความงามของสวนด้านใน เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก

ข้อมูลที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/UVWGatrfirRQ5zta6

 

วัดมิมุโระโทจิ (Mimuroto-ji Temple) เกียวโต (Kyoto)

 

ตั้งอยู่ในเมืองอุจิ (Uji) โดดเด่นด้วยสวนอันกว้างใหญ่ ที่มีดอกไม้ตามฤดูกาลบานสะพรั่งตลอดปี ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน จะละลานตาไปด้วยความงามของดอกไฮเดรนเยียหลากสีสัน ที่มีมากถึง 10,000 ต้นจาก 50 สายพันธุ์ สามารถเดินชมความงามของดอกไม้ที่เรียงรายบนเนินเขา ตามเส้นทางเดินที่จัดไว้เป็นอย่างดี

 

 

วัดมิมุโระโทจิยังมีจุดเด่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น รูปปั้น "วัวโชคดี" (Koma-ushi) ที่มีลูกแก้วอยู่ในปาก เชื่อกันว่าหากสอดมือเข้าไปในปากวัว และสัมผัสลูกแก้ว จะนำโชคลาภมาให้

ข้อมูลที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/4RfF4pWfJzWcPabs5

 

วัดอุนโชจิ (Unshoji Temple) จังหวัดอาคิตะ (Akita)

 

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองโอกะ (Oga) เป็นจุดชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคโทโฮคุ ชมได้สวยงามราว ๆ กลางมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคม ดอกไฮเดรนเยียนับพันต้นบานสะพรั่งราวกับพรมสีฟ้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ บรรยากาศสดชื่นและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ส่วนในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับ สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวัน

 

 

ใกล้กับวัด ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ
“หินก็อตซิลล่า (Godzilla Rock)” ที่ตั้งอยู่ริมทะเล ยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีทองจะส่องลอดผ่านหินนี้ ทำให้ดูเหมือนก็อตซิลล่ากำลังพ่นไฟ
“พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเงะ (Namahage Museum)” ที่จัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเทศกาลนะมะฮะเงะ เซะโดะ (Namahage Sedo Festival) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และมีการแสดงจำลองบรรยากาศงานเทศกาล ที่มีปีศาจนะมะฮะเงะ แบบตัวเป็นๆ ให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี หากไม่ได้มาในช่วงจัดงานเทศกาลในสุดสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์

ข้อมูลที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/9ozxY4L82gvwS99c7

 

คาตาฮาระ อนเซ็น (Katahara Onsen) จังหวัดไอจิ (Aichi)

 

เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองกามาโกริ (Gamagori) ที่โอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายน ดอกไฮเดรนเยียกว่า 50,000 ต้นจะบานสะพรั่งไปทั่วเนินเขา และในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับ เพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศ และอาจมีโอกาสเห็นฝูงหิ่งห้อยที่โบยบินในยามค่ำคืนได้อีกด้วย

 

 

หลังจากเดินชมดอกไม้แล้ว สามารถแวะแช่น้ำพุร้อนผ่อนคลาย ซึ่งน้ำแร่ของที่หมู่บ้านนี้มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการปวดเส้นประสาท และระบบย่อยทางเดินอาหาร

ข้อมูลที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/9PNgpdWApQFJCs7R6

 

ภูเขาชิอุเดะ (Mt. Shiude) จังหวัดคางาวะ (Kagawa)

 

สวนบนยอดเขาชิอุเดะ นับเป็นจุดชมซากุระที่สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน พอเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม กลายเป็นสวนดอกไฮเดรนเยียหลากสีสัน ที่มีทิวทัศน์ของทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) เป็นฉากหลัง สวยไม่แพ้ในช่วงซากุระเลย

 

 

ไม่ไกลจากภูเขาชิอุเดะ ขอแนะนำจุดถ่ายรูปสุดฮิปที่ “ชายหาดชิชิบุกะฮะมะ (Chichibugahama Beach)” ซึ่งเป็นที่นิยมถ่ายภาพสะท้อนบนผิวน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำลงในตอนเย็น มีโอกาสได้ภาพช็อตสวย ๆ แถมที่นี่ยังติดอันดับ “1 ใน 100 วิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น” อีกด้วย

ข้อมูลที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/J2Mk2ADhjqTQcLZbA

 

 

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages