HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

บทความพิเศษยอดนิยม แนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสามารถเปิดประสบการณ์กับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่!

รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ ๆ  ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากจะสามารถสัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบที่คุณรู้จักแล้ว ในครั้งนี้เราจะแนะนำสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีกขั้นในมุมมองที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างเช่น วัฒนธรรมการดื่มชาญี่ปุ่นที่นอกจากการดื่มชาแล้วคุณยังจะได้รู้จักกับเกมทายชาที่มีมาแต่โบราณ หรืองานฝีมือเครื่องทองแดงที่คุณลองทำด้วยตัวคุณของเองได้
ลองไปเปิดประสบการณ์ที่จะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ที่สนุกกว่าเดิม แล้วคุณจะหลงรักญี่ปุ่นมากกว่าที่เคย! 

 

เปิดประสบการณ์ดื่มชาแบบใหม่ด้วยการเล่นเกมทายชาญี่ปุ่นแบบโบราณที่เมืองฮะมะมัตสึ 
(Hamamatsu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

 

©︎ inhamamatsu.com

 

เริ่มต้นกันที่เมืองฮะมะมัตสึ (Hamamatsu) อยู่ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ห่างจากโตเกียว (Tokyo) นั่งรถไฟชินคันเซน (Shinkansen) มาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือจากจังหวัดนาโกย่า (Nagoya) เพียง 30 นาทีเท่านั้น
เมืองฮะมะมัตสึ (Hamamatsu) เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งปลูกชาชั้นดีในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) นอกจากมีการจำหน่ายชาหลากหลายชนิดที่สดใหม่และได้รับการคัดสรรมาอย่างดีแล้วยังมีสถานที่ที่สามารถทัวร์เยี่ยมชมไร่ชาและโรงงานอีกด้วย 
ที่ร้านมูรามัตสึ โชเต็ง (Muramatsu Shoten) ในเมืองฮะมะมัตสึ (Hamamatsu) แห่งนี้ มีทั้งจำหน่ายชาและเปิดทัวร์ให้เยี่ยมชมโรงงานได้ ซึ่งการทัวร์เยี่ยมชมโรงงานนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยในคอร์สจะรวมกิจกรรมเกมชา-คะบุกิ (Cha-Kabuki) ไว้แล้ว
เกมชา-คะบุกิ (Cha-Kabuki) หรือเกมทายชาญี่ปุ่นแบบโบราณ เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในหมู่นักรบตั้งแต่ยุคคะมะคุระตอนปลายจนถึงยุคมุโระมะจิตอนกลาง เกมนี้ต้องอาศัยความสามารถในการจดจำรสชาติและกลิ่นของชาแต่ละชนิด และผู้ที่ตอบชนิดของชาที่ได้ชิมได้ถูกต้องนั้นจะเป็นผู้ชนะ จะมีการบรรยายเกมเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทางร้านก็มีบริการล่ามแปลภาษาให้โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ปัจจุบันให้บริการเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีน)
หากเดินทางตั้งแต่ 7 ท่านขึ้นไป จะสามารถเลือกโปรแกรมการนั่งสมาธิแบบเซ็น หรือ ซะเซ็น (Zazen) ซึ่งเป็นการนั่งสมาธิตามหลักนิกายเซ็นที่เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากขึ้น และเล่นเกมชา-คะบุกิ (Cha-Kabuki) ที่วัดคันซันจิ (Kanzanji) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ในเมืองฮะมะมัตสึ (Hamamatsu) ได้อีกด้วย
และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีทะเลสาบฮามานะ (Lake Hamana) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองฮะมะมัตสึ (Hamamatsu) คุณสามารถชมความงดงามของทิวทัศน์ของทะเลสาบได้จากหลากหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเดินชมโดยรอบ นั่งเรือสำราญชมวิวทิวทัศน์ท่ามกลางทะเลสาบ หรือขึ้นกระเช้าลอยฟ้าคันซันจิ (Kanzanji) ที่อยู่เหนือทะเลสาบเพื่อชื่นชมความงามจากมุมสูงได้แบบ 360 องศา
สามารถทำเป็นแพลนเที่ยว One-day Trip ที่ได้ทั้งประสบการณ์ใหม่เรียนรู้ดื่มด่ำไปกับชาจากแหล่งที่ดีเยี่ยม สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นและชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามได้อีกด้วย

 

ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจด้วยอนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นจากทุ่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เมืองคุซัทสึ (Kusatsu) จังหวัดกุมมะ (Gunma) 

 

©︎(一社)草津温泉観光協会

 

การแช่อนเซ็นเป็นวัฒนธรรมการแช่บ่อน้ำพุร้อนของประเทศญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักกันดี ที่ประเทศญี่ปุ่นมีหลายแห่งที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปดื่มด่ำกับการแช่อนเซ็นกัน ซึ่งมีเมืองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องอนเซ็นหรือบ่อน้ำพุร้อน นั่นคือเมืองคุซัทสึ (Kusatsu) ซึ่งมีปริมาณน้ำพุร้อนธรรมชาติมากอีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
ยุบาทาเกะ (Yubatake) เป็นทุ่งน้ำพุร้อนขนาดใหญ่กลางเมืองคุซัทสึ (Kusatsu) จังหวัดกุมมะ (Gunma) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว (Tokyo) มีปริมาณน้ำผุดออกมามากถึงประมาณ 4,000 ลิตรต่อนาที มีความเป็นกรดค่อนข้างสูง จึงช่วยในการต่อต้านแบคทีเรียและบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ ถึงแม้ว่าน้ำในยุบาทาเกะ (Yubatake) จะมีอุณหภูมิสูงจนไม่สามารถแช่อนเซ็นได้ แต่น้ำจะถูกนำจ่ายไปใช้ตามเรียวกังและโรงอาบน้ำสาธารณะในเมือง นอกจากนี้ยังมีบริเวณ “บ่อน้ำร้อนแช่เท้ายูเคะมุริเทอิ (Yukemuri-tei)” ซึ่งให้บริการฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ลานทุ่งน้ำพุร้อนมีการล้อมรอบด้วยรั้วหินและมีทางเดินปูกระเบื้องโดยรอบ มีม้านั่งชิราเนะ (Shirane) ซึ่งมีรูปทรงเหมือนปากปล่องภูเขาไฟ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่นมากมาย หลังจากแช่อนเซ็นตามที่พักเรียวกังแล้ว การใส่ชุดยูกาตะ (Yukata) ออกมาเดินเล่นยามค่ำคืนก็ถือเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว เพราะหลังพระอาทิตย์ตกจนถึงเที่ยงคืนจะมีแสงไฟประดับหลากสี ไฟสีน้ำเงิน สีม่วง และสีขาวส่องแสงกระทบผิวน้ำ ทำให้บรรยากาศโดยรอบแตกต่างจากช่วงเช้า โอบล้อมด้วยความน่าอัศจรรย์และน่าหลงใหล
และหากเดินไปอีกประมาณ 20 นาทีจากทุ่งน้ำพุร้อน จะพบกับคุซัตสึโคกูไซสกีรีสอร์ท (Kusatsu Kokusai Ski Resort) ที่มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้เล่นกัน ในฤดูหนาวจะมีกิจกรรมการเล่นสกี เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่หัดเล่นและผู้เล่นมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมซิปไลน์ (Zip Line) ที่มีเส้นทางยาวถึง 500 เมตรให้ได้เล่นชมวิวกันอย่างจุใจ
ไม่ว่าจะมาในช่วงฤดูไหนก็เพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุก ๆ ได้ไม่มีเบื่อ แถมยังได้แช่อนเซ็นที่น่าหลงใหลสไตล์ญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การมาให้ได้สักครั้ง

 

เดินชมสวนญี่ปุ่นอันโด่งดังแห่งภูมิภาคคิวชู (Kyushu) สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นและธรรมชาติอันงดงามที่จังหวัดซากะ (Saga)

 

 

นอกเหนือจากชาญี่ปุ่นและอนเซ็นแล้ว ใครที่ต้องการสัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติอันสวยงามและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ขอแนะนำสวนเคชูเอน (Keishu-En) ที่อยู่ในภูมิภาคทางใต้ของญี่ปุ่นอย่างคิวชู (Kyushu) 
เคชูเอน (Keishu-En) ตั้งอยู่ในจังหวัดซากะ (Saga) เป็นสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยคินซากุ นากาเนะ (Kinsaku Nakane) นักออกแบบสวนชื่อดัง ผู้สรรสร้างสวนสวยหลายแห่งทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น
ปกติสวนญี่ปุ่นจะมีเอกลักษณ์ที่เป็นการผสมผสานระหว่างต้นไม้ น้ำ หินกรวดทราย และความสงบเข้าด้วยกัน ภายในสวนเคชูเอน (Keishu-En) ณ บริเวณใจกลางสวนแห่งนี้จึงมีสระน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำตกที่ไหลผ่านหินที่เรียงตัวกันลงมากระทบกับผืนน้ำซึ่งสอดรับกันเป็นอย่างดีกับไร่ชาแบบขั้นบันไดที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ชวนให้ประทับใจเมื่อได้เห็น อีกทั้งยังมีภูเขามิฟูเนะ (Mt. Mifune) คอยเสริมทัศนียภาพจนกลายเป็นความสวยงามที่ลงตัวอย่างพอดี
สวนเคชูเอน (Keishu-En) ในแต่ละฤดูกาลจะมอบความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ช่วงฤดูใบไม้ผลิสามารถชมความงามของดอกชิดาเระซากุระ (Shidare-zakura) และพุ่มดอกซึซึจิ (Tsutsuji) ในฤดูร้อนเดินเล่นใต้แสงตะวันที่โอบล้อมด้วยเสียงจั๊กจั่นและเพลิดเพลินไปกับเสียงน้ำไหลผ่านโขดหิน ฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่บรรยากาศโดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยสีใบไม้แดงเหลืองคละกัน และฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมขาวโพลนสวยงามน่าหลงใหลราวกับภาพวาดชั้นดี
นอกจากความงามของธรรมชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ แล้วยังมีศิลปะแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ให้ได้ชื่นชมอีกด้วย ในช่วงฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ณ สวนมิฟูเนยามะรากูเอ็ง (Mifuneyama Rakuen) ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะจัดนิทรรศการศิลปะแบบดิจิทัลที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับความงามแบบญี่ปุ่นจากทีมงาน teamLab ที่การันตีด้วยผลงานนิทรรศการที่จัดมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งจะทำให้คุณได้รับบรรยากาศอีกแบบที่แตกต่างจากตอนกลางวัน ได้ชื่นชมความสวยงามของไฟประดับในยามค่ำคืนของสวนญี่ปุ่น 
ใครที่ชื่นชอบและต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและศิลปะญี่ปุ่นสมัยใหม่ ไม่ควรพลาดที่จะเพิ่มสวนเคชูเอน (Keishu-En) แห่งนี้ไว้ในลิสต์การเที่ยวชมของคุณ

 

ล่องเรือชมสะพานไม้โบราณและดื่มด่ำวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติในเมืองแห่งประวัติศาสตร์เมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)

 

 

คราวนี้เปลี่ยนจากการเดินชมธรรมชาติมาเป็นการล่องเรือชมสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณและความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์พร้อมลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นกัน!
สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo) ในเมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) เป็นสะพานไม้โบราณที่สร้างจากเทคนิคการเข้าไม้แบบญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์เด่นที่เป็นสะพานไม้ 5 โค้ง ยาวกว่า 193 เมตร แต่ละโค้งกว้าง 5 เมตรและเสามีความสูงกว่า 6 เมตร เป็นสะพานข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความใสสะอาด
เริ่มแรกสะพานถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1673 แต่ก็ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้งจากความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จนมาถึงช่วงต้นทศวรรษ 2000 สะพานได้รับการบูรณะเสร็จสิ้นโดยเหล่าช่างฝีมือจนกลายเป็นสะพานอันสวยงามให้ได้ไปเที่ยวชมกัน
นอกจากจะเดินเที่ยวชมทิวทัศน์จากบนสะพานแล้ว ยังมีการล่องเรือชมความสวยงามโดยรอบอีกด้วย แน่นอนว่าบนเรือก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล อย่างในฤดูใบไม้ผลิที่เป็นช่วงดอกซากุระกำลังเบ่งบาน จะมี “เรือซากุระ (Sakura Boat)” ล่องเรือชมความสวยงามของดอกซากุระเรียงรายริมแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) หรือหากมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมี “เรือโมมิจิ (Momiji Boat)” พาชมใบไม้เปลี่ยนสีอันสวยงามและน่าหลงใหลพร้อมดื่มด่ำกับเหล้าสาเกพื้นบ้านไปด้วยก็ทำให้ได้บรรยากาศยิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับในฤดูร้อน จะมีความพิเศษที่สามารถชมการจับปลาโบราณแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยการใช้นกกาน้ำในการจับปลาในยามค่ำคืนที่มีชื่อเรียกว่า อุไค (Ukai) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
การเดินเที่ยวชมทิวทัศน์จากบนสะพานคินไตเคียว (Kintaikyo) และการล่องเรือจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ก็นับว่าคุ้มค่าและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจและดื่มด่ำกับสาเกในบรรยากาศที่มีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ 
นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงกับสะพานคินไตเคียว (Kintaikyo) จะมีกระเช้าลอยฟ้าปราสาทอิวะคุนิ (Iwakuni Castle Ropeway) ที่จะพาไปยังปราสาทอิวะคุนิที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เมื่อมองลงมาจากปราสาทจะเห็นวิวทั่วทั้งเมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) รวมถึงสะพานคินไตเคียว (Kintaikyo) ที่ตั้งเด่นอยู่เบื้องล่าง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด

 

ชมโรงงานผลิตเครื่องทองแดงแฮนด์เมด และลองทำด้วยตัวคุณเองในเวิร์คชอปแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่เมืองสึบะเมะ (Tsubame) จังหวัดนีงาตะ (Niigata)

 

 

และสุดท้ายนี้ที่อยากจะแนะนำ คือ งานฝีมือที่เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นอันเลื่องชื่อเรื่องความประณีตและพิถีพิถัน ใครที่หลงใหลชื่นชอบในวัฒนธรรมและงานฝีมือของญี่ปุ่น ไม่ควรพลาดโรงงาน “เกียวคุเซนโด (Gyokusendo)” ซึ่งเป็นโรงงานหัตถศิลป์ผลิตเครื่องใช้ที่ทำจากทองแดงที่ตั้งอยู่ในเมืองสึบะเมะ (Tsubame) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งงานฝีมือ
ช่างฝีมือของโรงงานแห่งนี้ใช้เทคนิคสึอิกิ โดกิ (Tsuiki Douki) ที่เป็นเทคนิคการใช้ค้อนตีจนขึ้นรูปซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนในการรังสรรค์ผลงานต่าง ๆ อาทิ กาน้ำชา แก้ว รวมถึงของประดับตกแต่งบ้าน ให้ออกมาสวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
และที่นี่ยังเป็นสถานที่ซึ่งคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครและหาได้ยาก นั่นคือ Open Factory เกียวคุเซนโด (Gyokusendo) เปิดให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมโรงงานและชมกระบวนการการผลิตต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยในแต่ละวันจะแบ่งเป็นรอบ ๆ ให้เข้าชมได้สูงสุดรอบละ 15 คน
เมื่อคุณได้ไปเยี่ยมชมโรงงานก็จะได้พบกับช่างฝีมือที่ทำงานอย่างจริงจังและขยันขันแข็ง ทำให้เราเข้าใจและเห็นคุณค่าของงานหัตถศิลป์ที่เกิดขึ้นจากแรงกายและแรงใจทุกชิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ห่างออกไปไม่ไกลจากโรงงานยังมีพิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมเมืองสึบะเมะ (Tsubame Industrial Materials Museum) ที่มีเวิร์คชอปให้ได้ลองทำเครื่องทองแดงได้ด้วยตัวเองอีกด้วย มีทั้งแก้ว ช้อนหรือจานใบเล็กให้คุณได้เลือกลองทำ ในการทำเวิร์คชอปจะมีช่างฝีมือคอยช่วยดูแลอยู่ตลอด ซึ่งราคาและระยะเวลาที่ใช้ในการทำเวิร์คชอปแต่ละอย่างนั้นจะแตกต่างกันออกไป อย่างเร็วที่สุดจะเป็นการทำสีช้อนไทเทเนียมด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชันใช้เวลาแค่ 5 นาทีในราคาเพียง 500-700 เยนเท่านั้น การได้ลองทำของที่ระลึกด้วยตัวคุณเองถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาด
หากต้องการสัมผัสถึงแก่นแท้และจิตวิญญาณในการผลิตงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและทำเครื่องทองแดงด้วยตัวเอง คุณสามารถหาประสบการณ์อันทรงคุณค่านี้ได้ ณ ที่แห่งนี้แน่นอน

  • Home
  • Experiences in Japan
  • แนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสามารถเปิดประสบการณ์กับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นในรูปแบบใ หม่!

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages