เมืองฮะชิโนะเฮะ (Hachinohe) ตั้งอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จึงมีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ และทัศนียภาพริมชายฝั่งที่สวยงาม ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองแห่งนี้ อาทิ
ตลาดเช้าบริเวณท่าเรือทาเทฮะนะ (Tatehana Wharf Morning Market)
เป็นตลาดเช้ากลางแจ้งที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ครึกครื้นไปด้วยแผงลอยร้านค้ารวมกว่า 300 ร้าน มีจำหน่ายทั้งอาหารทะเลสด ผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหลากหลายชนิด ไปจนถึงอาหารปรุงเสร็จพร้อมทาน โดยมีโต๊ะให้นั่งทานอาหารได้ด้วย
ตลาดแห่งนี้เปิดเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงประมาณ 9 โมงเช้า (ปิดให้บริการระหว่างเดือนมกราคมถึงกลางเดือนมีนาคม)
ตลาดเช้าหน้าสถานีมุตสึมินาโตะ (Mutsuminato Morning Market)
ใครที่ไม่ได้มาเที่ยวในวันอาทิตย์ ก็สามารถหาทานอาหารทะเลสด ๆ ได้ที่ตลาดนี้ ซึ่งเปิดให้บริการในวันธรรมดา และวันเสาร์ โดยตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟ JR Mutsuminato ด้านในอาคารของตลาดเต็มไปด้วยร้านค้าขายของสดของแห้งมากมาย และยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นที่เปี่ยมด้วยมิตรไมตรีของพ่อค้าแม่ค้าชาวเมือง
อีกหนึ่งความพิเศษของที่นี่คือ อาหารเช้าที่เลือกได้ตามใจชอบ โดยสามารถเดินเลือกอาหารทะเลสด ๆ จากร้านต่างๆ มาวางบนข้าว กลายเป็นข้าวหน้าซาซิมิในแบบฉบับของตัวเอง
เส้นทางเดินชมธรรมชาติ เลียบชายฝั่งมิชิโนะคุ (Michinoku Coastal Trail)
เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ที่ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลตั้งแต่เมือง Hachinohe ในจังหวัดอาโอโมริ ยาวไปจนถึงเมืองโซมะ (Soma) ในจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) รวมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามไปตลอดเส้นทาง
ทั้งนี้สามารถเลือกเดินเป็นระยะทางสั้น ๆ ได้ตามสะดวก หนึ่งในเส้นทางที่อยากแนะนำคือ Tanesashi Coast ในเมือง Hachinohe ที่มีจุดเริ่มต้นจากสถานีรถไฟ Same ไปจนถึงสถานีรถไฟ Okuki ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร
จุดไฮไลต์ที่จะผ่านระหว่างเส้นทางนี้ เช่น ศาลเจ้าคาบุชิมะ (Kabushima Shrine) จุดชมวิวอะชิเกะซากิ (Ashigezaki Viewpoint) และประภาคารซาเมะคะโดะ โทได (Samekado Toudai Lighthouse) ที่มองเห็นวิวชายฝั่งได้แบบเต็มตา รวมถึงป่าสนโยโดโนะมัตสึบาระ (Yodo-no-matsubara) ที่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นต้น
ดูตัวอย่างเส้นทางเดินเพิ่มเติมที่ https://www.michinokutrail.com/routes-1
ศาลเจ้าคาบุชิมะ (Kabushima Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานเทพธิดาเบ็นไซเท็น (Benzaiten) ที่เชื่อกันว่าให้โชคด้านธุรกิจ โดยเฉพาะโชคการลงทุนตลาดหุ้น (คาบุ พ้องเสียงกับคำว่าหุ้นในภาษาญี่ปุ่น)
ที่นี่ยังเป็นแหล่งทำรังของนกนางนวลหางดำ บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยนกนางนวลบินไปบินมาอยู่เหนือหัว เชื่อว่าหากใครที่โดนขี้นกจะถือว่าโชคดี (อุน พ้องเสียงกับคำว่า อุน ที่มีความหมายว่า โชค) ทั้งเครื่องรางและเซียมซีของที่นี่ก็ทำเป็นรูปนกนางนวลน่ารัก ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคาบุชิมะ
ใครที่อยากชมนกนางนวลหางดำแบบใกล้ชิด แนะนำให้มาช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน เพราะเป็นช่วงที่นกมารวมตัวกันเพื่อวางไข่มากกว่า 30,000 ตัวเลยทีเดียว และช่วงกลางเดือนพฤษภาคม บริเวณโดยรอบจะบานสะพรั่งไปด้วยทุ่งดอกนาโนะฮานะสีเหลืองสดใสอีกด้วย
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ มากมาย
หนึ่งในสถานที่แนะนำ เช่น Kakko No Mori Echo Land ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาของเมือง ไฮไลต์เด่นของที่นี่ คือ “โรงน้ำชา Keishouan” ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ราว ๆ ปลายเดือนตุลาคม ต้นไม้โดยรอบต่างพากันผลัดใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดงสลับกันสวยงาม ติดอันดับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของเมือง Hachinohe
และในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลดนตรีแจ๊ส Nango Summer Jazz Festival ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติสวย ๆ ของศูนย์กีฬาแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์โคเระคาวะ โจมง (The Korekawa Jomon Museum) และของฝาก
ยุคโจมง คือยุคสมัยของญี่ปุ่นเมื่อ 15,000 ปีก่อน และที่เมือง Hachinohe ก็มีการค้นพบแหล่งโบราณสถานในยุคโจมง ซึ่งใกล้กันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โคเระคาวะ โจมง จัดแสดงวัตถุโบราณของยุคโจมงที่ขุดพบ โดยเฉพาะตุ๊กตาดินเผา “กัสโช โดะกู (Gassho Dogu)” ที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ กลายมาเป็นเอกลักษณ์เด่นของที่นี่ นำมาทำเป็นของฝากน่ารัก ๆ มากมาย อาทิ ขนมแป้งอบสอดไส้มันม่วงและถั่ววอลนัท เรียกได้ว่าหากมาแล้วไม่ซื้อกลับไป ถือว่ามาไม่ถึง
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีเวิร์กชอปต่าง ๆ อาทิ ลองทำเครื่องปั้นดินเผา ให้ได้ร่วมกิจกรรมในทุกวันอาทิตย์อีกด้วย
การเดินทางไปยังเมือง Hachinohe
จากสถานี Tokyo สามารถโดยสารรถไฟ Hayabusa Shinkansen ลงที่สถานี Hachinohe ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Hachinohe : https://visithachinohe.com/en/
บทความใน Facebook : https://www.facebook.com/visitjapanth/posts/hachinohe-aomori