ฮอกไกโด โนโบริเบ็ทสึ อุโปะโปย และพื้นที่ใกล้เคียง ดินแดนห่างไกลที่สวยงาม สามารถเดินทางไปถึงได้สะดวกจากสนามบิน
ภูมิภาคโนโบริเบ็ทสึ และอุโปะโปย (พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ) ที่อยู่ใกล้เคียงเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวพื้นที่ชนบทและชมทัศนียภาพทางธรรมชาติของฮอกไกโดไปพร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไอนุ
พื้นที่โนโบริเบ็ทสึมีชื่อเสียงในด้านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร้อนใต้พิภพ ภูเขาไฟ และน้ำพุร้อน ซึ่งรวมถึงโนโบริเบ็ทสึอนเซ็นที่ได้รับความนิยมและคะรุรุสุอนเซ็นที่ตั้งอยู่ไกลออกไป

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามแสนสงบของอุทยานแห่งชาติชิโคะสึ-โทยะซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดน้ำพุร้อนของทะเลสาบโทยะ และเป็นแหล่งต้นน้ำของทะเลสาบคุตตะระรวมถึงเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟสองลูกที่ยังคุกรุ่นมากที่สุดในญี่ปุ่นได้แก่ ภูเขาอุซุและภูเขาโชวะ-ชินซัง
ไม่ควรพลาดที่จะเลือกซื้องานฝีมือของชาวไอนุของแท้เป็นของที่ระลึก !
พลาดไม่ได้
- สัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมและศิลปะการแสดงของชาวไอนุได้ที่อุโปะโปย
- แช่น้ำพุร้อนที่โนโบริเบ็ทสึอนเซ็นและคะรุรุสุอนเซ็น
- ชื่นชมทัศนียภาพที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำที่ใสสะอาดของทะเลสาบคุตตะระ
วิธีการเดินทาง
• ไปยังพื้นที่โนโบริเบ็ทสึ
- โดยรถไฟ
การเดินทางไปยังพื้นที่โนโบริเบ็ทสึโดยรถไฟจากสนามบินนิวชิโตเสะให้ขึ้นรถไฟไปยังสถานีมินามิ-ชิโตเสะและเปลี่ยนรถไปเป็นรถไฟด่วนที่มุ่งหน้าไปยังสถานีเจอาร์โนโบริเบ็ทสึ
โนโบริเบ็ทสึอนเซ็นตั้งอยู่ห่างจากสถานีเจอาร์โนโบริเบ็ทสึประมาณ 8 กิโลเมตรและวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดได้แก่รถยนต์หรือรถบัส
- โดยรถบัส
รถบัสเอ็กซ์เพรสฮายาบุสะ-โกมุ่งหน้าไปยังโนโบริเบ็ทสึอนเซ็นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีจากสนามบินนิวชิโตเสะ (จำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์; มีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษให้บริการ)
คะรุรุสุอนเซ็นใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยรถบัสจากโนโบริเบ็ทสึอนเซ็น ส่วนทะเลสาบคุตตะระอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของโนโบริเบ็ทสึอนเซ็นประมาณ 15 นาทีโดยรถยนต์และวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดได้แก่การเช่ารถหรือแท็กซี่
• ไปยังพื้นที่อุโปะโปย
- โดยรถไฟ
สามารถเดินทางไปยังอุโปะโปย (พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ) จากสนามบินนิวชิโตเสะได้โดยรถไฟจากสถานีเจอาร์นิวชิโตเสะแอร์พอร์ตมุ่งหน้าไปยังสถานีเจอาร์ชิระโออิ และเดินต่อไปยังอุโปะโปยโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจากทางออกทิศเหนือของสถานีชิระโออิ
จากสถานีเจอาร์โนโบริเบ็ทสึ ขึ้นรถไฟด่วนไปยังสถานีเจอาร์ชิระโออิใช้เวลาประมาณ 12 นาที จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ได้จากสถานี
สัมผัสความหลากหลายของน้ำพุร้อนในโนโบริเบ็ทสึและคะรุรุสุอนเซ็น

อนเซ็น (น้ำพุร้อน) ของโนโบริเบ็ทสึมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว มีแหล่งน้ำพุร้อนเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่มีความหลากหลายของประเภทน้ำพุร้อนได้มากเท่านี้ ต้นกำเนิดน้ำพุร้อนมาจากบริเวณภูเขาไฟจิโกคุดานิ (หุบเขานรก)และเป็นที่มาของน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่แตกต่างกันถึง 9 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดต่างมีสรรพคุณด้านการบำบัดที่ไม่เหมือนกัน
ที่จิโกคุดานิ นักท่องเที่ยวสามารถชมแหล่งกำเนิดของน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุเหล่านี้ได้ ณ จุดที่น้ำแร่เหล่านี้ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นผิวโลก น้ำแร่ธรรมชาติมากกว่า 10,000 ตันเหล่านี้ถูกจ่ายไปยังโรงแรมและที่พักต่างๆ ของเมืองอนเซ็นเพื่อให้บริการน้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและดีต่อสุขภาพ
น้ำพุร้อนบางแห่งมีชื่อเสียงที่โดดเด่นด้านสรรพคุณเฉพาะตัว และน้ำพุร้อนอีกหลายแห่งต่างก็อุดมไปด้วยเกลือและโลหะต่างๆ ที่เชื่อว่ามีประโยชน์ที่หลากหลายต่อสุขภาพ ความแตกต่างที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้ทำให้โนโบริเบ็ทสึเป็นจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาการพักผ่อนและการดูแลสุขภาพโดยอาศัยพลังงานจากธรรมชาติของน้ำพุร้อน
สถานที่แช่น้ำพุร้อนของโรงแรมต่างๆ ในโนโบริเบ็ทสึจำนวนมากเปิดให้บริการทั้งแก่แขกที่พักค้างคืนในโรงแรมและนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักแรม จึงสามารถแช่น้ำพุร้อนได้ถึงแม้จะเดินทางมาท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ
พื้นที่โดยรอบจิโกคุดานิได้ถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติและป่าดึกดำบรรพ์โนโบริเบ็ทสึ ซึ่งเป็นเต็มไปด้วยต้นไม้ประมาณ 60 ชนิดและพืชกว่า 110 สายพันธุ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินช้าๆผ่านป่าที่เสมือนไร้กาลเวลาแห่งนี้โดยมีต้นโอ๊กญี่ปุ่นมากมายตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต
คะรุรุสุอนเซ็นตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไปของโนโบริเบ็ทสึ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ที่เงียบสงบมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโนโบริเบ็ทสึอนเซ็น
คะรุรุสุอนเซ็นมีชื่อเสียงเรื่องบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่สวยงามตั้งอยู่ภายในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและผืนป่าที่ต้นไม้จะเปลี่ยนจากสีเขียวสดไปเป็นสีสันของฤดูใบไม้ร่วงตามฤดูกาล
น้ำพุร้อนที่นี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ โดยเฉพาะแร่เรเดียมซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเกี่ยวกับการบำบัดความเมื่อยล้าและบำรุงสุขภาพ
ทิวทัศน์ที่สวยงามสะท้อนอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบ

ทะเลสาบคุตตะระตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโคะสึ-โทยะ เป็นจุดที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจและศึกษาเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในผืนป่าของฮอกไกโด ทะเลสาบแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปวงกลมที่แปลกตา ต่อตัวขึ้นในแอ่งบริเวณปากปล่องภูเขาไฟและโดดเด่นในเรื่องน้ำที่ใสสะอาด นอกจากนี้ทะเลสาบคุตตะระไม่ได้รับน้ำจากแม่น้ำหรือลำธารอื่นๆ จึงทำให้ความงดงามที่เกิดขึ้นมีความบริสุทธิ์และมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
ที่นี่สามารถเช่าเรือคายัคเพื่อพายเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบ หรือชมทิวทัศน์ผ่านหอชมวิวทะเลสาบคุตตะระ เซ็นเคอิ อาคารทรงพัดจีบที่มีความสูง 320 เมตร ผิวน้ำของทะเลสาบนั้นใสราวกับกระจกและสะท้อนให้เห็นภูมิทัศน์โดยรอบซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
ผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ป่าสามารถมองเห็นกุ้งเครย์ฟิชและซาลาแมนเดอร์ในทะเลสาบผ่านผิวน้ำที่ใสสะอาดของทะเลสาบได้ และยังมีสัตว์บกที่สามารถพบเห็นได้ตามปกติ เช่น สุนัขจิ้งจอก ทานุกิ กระรอก และกวาง เป็นต้น
ช่องเขาที่ลึกลับและภูเขาไฟที่มีควันพวยพุ่ง
สำรวจธรรมชาติที่มหัศจรรย์ของฮอกไกโดตะวันตกด้วยการเดินป่าผ่านทารุมาเอะ กาโระซึ่งเป็นช่องเขาแคบ เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำทารุมาเอะและโตรกผาด้านข้างของช่องเขาปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวสดใส นอกจากนี้ยังมีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้เข้าไปใกล้ลาวาโดมและช่องระบายไอกำมะถันของภูเขาทารุมาเอะซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของธรรมชาติ
เรียนรู้วัฒนธรรมดั่งเดิมและศิลปะการแสดงของชาวไอนุ

ภาพ: ได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิวัฒนธรรมไอนุ
อุโปะโปย (พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไอนุ ชาวไอนุเป็นกลุ่มคนพื้นถิ่นทางภูมิภาคตอนเหนือของหมู่เกาะญี่ปุ่นซึ่งมีวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์
คำว่า ไอนุ (Ainu หรือ aynu) มีความหมายว่ามวลมนุษย์ในภาษาไอนุ และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันกับ “คามุย” (kamuy; จิตวิญญาณ-เทพเจ้า) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและความเชื่อของผู้คน “คามุย” อยู่ในทั้งสัตว์ พืช ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่มีความสำคัญต่อมวลมนุษย์
ที่อุโปะโปย (พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ) นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตของชาวไอนุผ่านห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์ รวมถึงหมู่บ้านไอนุที่จำลองขึ้นใหม่เรียกว่า “โคตัน” (kotan) จัดแสดงบ้านชาวไอนุเรียกว่า “ชิเสะ” (Cise)

ภาพ: ได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิวัฒนธรรมไอนุ
นักท่องเที่ยวยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับงานฝีมือของชาวไอนุผ่านการสาธิตและมีส่วนร่วมในเวิร์กชอปการแกะสลักไม้และงานเย็บปักถักร้อยได้ที่สตูดิโอสำหรับงานฝีมือ นอกจากนี้ยังสามารถชมการเต้นรำแบบดั้งเดิมของชาวไอนุและชมศิลปะการแสดงอื่นๆ ได้ที่หอประชุมสำหรับแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม (the Cultural Exchange Hall)

แหลมชิคิว (ทะเลเมฆ)
เมืองมุโรรันทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโดเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นเมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวโดยมีชื่อเสียงในด้านการชมโลมาและวาฬ รวมถึงการชมทัศนียภาพของพื้นที่โรงงานยามค่ำคืนจากภูเขาโซคุเรียว เมืองมุโรรันยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในสะพานแขวนที่ใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ณ แหลมชิคิวที่อยู่ใกล้เคียงยังสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามตื่นตาตื่นใจ และมีประภาคารบนหน้าผา และยังเป็นจุดทำรังของเหยี่ยวเพเรกรินที่หายาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพของแหลมชิคิวซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งของญี่ปุ่น