หลังจากฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมก็จะเข้าสู่ฤดูร้อนของญี่ปุ่น นอกจากอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นในช่วงนี้ก็จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเพิ่มความชุ่มฉ่ำ ทำให้ผู้ที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นสามารถเพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติและดอกไม้นานาชนิดไม้ไม่ต่างจากฤดูกาลอื่นๆ
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) ที่ญี่ปุ่น
ไฮเดรนเยีย (Hydrengea) ช่วงเวลาที่ดอกไม้บาน คือ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า あじさい “อะจิไซ (Ajisai)” เวลาดอกไม้บานสะพรั่งทำให้บรรยากาศรื่นร่ม บางครั้งถึงจะมีฝนตกโปรบปรายก็ยังทำให้รู้สึกมองไปทางไหนก็สวยสดชื่น ช่วงเวลาของดอกไฮเดรนเยียที่ญี่ปุ่นก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสายฝนที่ชุมฉ่ำ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ วัด หรือศาลเจ้าต่าง ๆ ดอกไฮเดรนเยียมีหลากหลายสีสันแตกต่างไปตามความเป็นกรดและด่างของดินที่ปลูก และช่วงเวลาในการบานของดอกไม้อาจแตกต่างไปตามภูมิภาคอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม https://weathernews.jp/s/topics/202404/270165/
ครั้งนี้จะแนะนำ 3 จุดชมดอกไฮเดรนเยีย (Hydrengea) ที่ญี่ปุ่น ได้แก่
วัดฮาเซะเดะระ (Hasedera), คานากาว่า (Kanagawa)
วัดฮาเซะเดะระ (Hasedera) ตั้งอยู่ที่เมืองคะมะคุระ (Kamakura) จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) มีชื่อเสียงจากองค์เจ้าแม่กวนอิมที่มีสิบเอ็ดเศียร ซึ่งเป็นเทพีแห่งความเมตตา องค์เจ้าแม่กวนอิมนี้เป็นงานไม้ปิดทองสูงถึง 9.18 เมตร ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประติมากรรมไม้แบบใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นสามารถสาการะได้ในอาคารหลักของวัด
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์คันนงและประวัติศาสตร์ของวัด จัดแสดงม้วนหนังสือโบราณและรูปปั้นโบราณต่างๆ และมีโถงอะมิดะโดเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปทองคำของพระพุทธรูปอะมิดะ (พระอมิตาภะพุทธเจ้า)
วัดฮาเซะเดะระ (Hasedera) หรือ รู้จักในอีกนามว่า อะจิไซเดะระ (Ajisai Dera) มีการปลูกดอกไฮเดรนเยียจำนวนมากภายในบริเวณวัด ซึ่งสามารถชมความงามของดอกไฮเรนเยียได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกรกฏาคม ถูกปกคลุมไปด้วยสีสันของปลูกต้นไฮเดรนเยียมากกว่า 2,500 ต้นจาก 40 สายพันธุ์อย่างงดงาม
วัดฮาเซะเดะระ (Hasedera) ถูกสร้างขึ้นตามแนวลาดของเนินเขาที่ปกคลุมด้วยป่า อาคารหลักของวัดตั้งตระหง่านอยู่ครึ่งทางบนทางลาด โดยมีระเบียงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองชายฝั่งคะมะคุระ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารขนาดเล็ก ที่ให้บริการขนมญี่ปุ่น อาหาร และเครื่องดื่มอีกด้วย
| ที่อยู่ | Hasedera 3-11-2 Hase, Kamakura-city, Kanagawa |
| การเดินทาง | จากสถานี JR Kamakura โดยสารรถไฟสาย Enoshima ลงที่สถานี Hase แล้วเดิน 5 นาที |
| เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.hasedera.jp/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
http://www.hasedera.jp/en/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.japan.travel/th/spot/1592/ |
คาทะฮาระ อนเซ็น (Katahara Onsen), ไอจิ (Aichi)
คาทะฮาระ อนเซ็น (Katahara Onsen) ตั้งอยู่ที่เมืองกะมะโกะริ (Gamagori) จังหวัดไอจิ (Aichi) เป็นย่านน้ำพุร้อนอันเงียบสงบที่ล้อมรอบด้วยป่าเขาเขียวขจีซึ่งอยู่ในบริเวณเชิงเขามิคาเนะ (Mikane Mt.) โดยน้ำพุร้อนแห่งนี้ให้ผลดีต่อผิวที่เรียบเนียน และมีผลดีต่ออาการปวดเส้นประสาทและอาการปวดในทางเดินอาหาร
ที่นี่เป็นอนเซ็นน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองกะมะโกะริ (Gamagori) โดยที่โรงแรมและเรียวกังทั้ง 3 แห่ง เป็นที่พักขนาดเล็กเแต่มีชื่อเสียงด้านอาหารโดยเครื่องวัตถุดิบที่ประกอบอาหารทำจากอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรือประมงคาทะฮาระนั้นเอง
คาทะฮาระ อนเซ็น (Katahara Onsen) มีจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย บริเวณที่หมู่บ้านไฮเดรนเยียบ่อน้ำพุร้อน (Ajisaino Sato Hydrangea Village) มีการปลูกดอกไฮเดรนเยียจำนวนมากภายในบริเวณ โดยวันที่จัดงานเทศกาลนั้นจะจัดขึ้นทุกปีเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 30 มิถุนายน ถูกปกคลุมไปด้วยสีสันของปลูกต้นไฮเดรนเยียมากกว่า 50,000 ต้นจาก 120 สายพันธุ์อย่างงดงาม และสวนจะสว่างไสวจนถึงเวลา 21:00 น
| ที่อยู่ | Katahara Onsen Ichinosawa-28-1 Kanehiracho, Gamagori, Aichi |
| การเดินทาง | จากสถานี Gamagori โดยสารรถแท็กซี่ ไปที่ Katahara Onsen - Ajisai no Sato ใช้เวลา 15นาที |
| เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
http://katahara-spa.jp/ https://www.gamagori.jp/archives/shun/azisaimaturi2024/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.aichi-now.jp/en/spots/detail/1310/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1310/ https://centrip-japan.com/th/spot/364.html |
วัดซันเซนอิน (Sansen-in Temple), เกียวโต (Kyoto)
วัดซันเซนอิน (Sansen-in Temple) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาทางตอนเหนือของเมืองโอฮาระ (Ohara) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) มีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปี มีสวนที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมมอสส์ที่น่าเยี่ยมชม
สามารถเดินชมวัดได้ตามเส้นทางเดินของวัด โดยระหว่างทางเดินนั้นจะได้ศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ของวัด และงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามไปจนถึงสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเรียกว่าชูเฮคิเอ็น (Shuheki-en Garden) ซึ่งมีลานให้นั่งจิบชาพร้อมทานขนมเพื่อดื่มด่ำความงามของสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่มีสระน้ำ พุ่มไม้ มอสส์และเนินเขาเล็ก ๆ บริเวณถัดมาก็คือ สวนยูเซ (Yusei-en Garden) สามารถเดินผ่านเส้นทางที่มีต้นมอสส์สีเขียวสดเหมือนเป็นพรมอยู่บริเวณสองข้างทาง และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทุกคนจะต้องถ่ายภาพเก็บไว้ก็ บริเวณลานรูปปั้นวาราเบะ จิโซะ (Statues of Warabe-jizo) เป็นไฮไลท์ที่หลายคนได้เห็นตามภาพถ่ายต่างๆ นั้นก็คือ รูปปั้นพระเล็ก ๆ น่ารัก ตั้งอยู่ตามพื้นล้อมรอบไปด้วยต้นมอสส์สีเขียว
บริเวณถัดมาจากสวนยูเซ (Yusei-en Garden) เดินขึ้นไปด้านบน เดินผ่านเบ็นไซเท็น หน้าห้องโถงโกลเด้นฟุโดะ จะพบกับสวนอาจิไซ (Ajisai-en) ที่สามารถชมดอกไฮเดรนเยียรอบๆ บริเวณโดยมีต้นสนซีดาร์ที่สูงตระหง่านใหญ่ปกคลุมแทรกตัวภายในสวนดอกไม้แห่งนี้ด้วย
วัดซันเซนอิน (Sansen-in Temple) มีการปลูกดอกไฮเดรนเยียจำนวนมาก สามารถชมความงามของดอกไฮเรนเยียได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฏาคม ถูกปกคลุมไปด้วยสีสันของปลูกต้นไฮเดรนเยียมากกว่า 3,000 ต้น สายพันธุ์อื่นๆ มากมาย รวมถึงไฮเดรนเยียภูเขาบลูเบิร์ดที่มีลักษณะโดดเด่น, ดอกไฮเดรนเยียรูปดาวหายาก (ดอกไม้เจ็ดชั้น), ไฮเดรนเยียภูเขา และไฮเดรนเยียฝรั่งเศส เป็นต้น
| ที่อยู่ | Sanzen-in Temple 540 Ohararaikoincho, Sakyo, Kyoto, 601-1242 |
| การเดินทาง | จากสถานี Kyoto โดยสารรถ Kyoto Bus หมายเลข 17 ลงป้าย Ohara ใช้เวลา 1 ชั่งโมง เดินต่ออีก 10 นาที |
| เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
http://www.sanzenin.or.jp/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.sanzenin.or.jp/en/ https://www.discoverkyoto.com/places-go/sanzen/ |
| เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
เพจที่เกี่ยวข้อง
- ชื่นฉ่ำใจกับดอกไม้นานาชนิดในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น
- ชื่นชมความงามของ “ไฮเดรนเยีย” – ดอกไม้ที่หาชมได้ในฤดูฝน
- เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อนกับกิจกรรมล่องเรือ
- มาทำความรู้จักกับสตรอว์เบอร์รีหลากสายพันธุ์และไปเก็บสตรอว์เบอร์รีทั่วญี่ปุ่น
- เดินวนที่ตลาดแหล่งรวมของกินแสนอร่อย
- ฤดูร้อนที่สดชื่นพร้อมชมความเขียวของมอสส์ที่เกียวโต (Kyoto)
- รวมเทศกาลทานาบาตะ
