เพื่อนๆ อาจจะคิดว่าหน้าร้อนของญี่ปุ่นนั้น อากาศน่าจะร้อนเหมือนกับที่ไทย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับฮอกไกโด (Hokkaido) เพราะถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศก็ยังเย็นสบาย แถมมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย อาทิ
1. ถ่ายรูปกับทุ่งดอกไม้สวยๆ มากกว่าล้านดอก!
ฤดูร้อนของฮอกไกโดเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้นานาชนิดจะบานสะพรั่งสวยงาม และบางที่มีบริการให้เช่าจักรยานปั่นตระเวนชมวิวโดยรอบด้วย สถานที่แนะนำในการชมดอกไม้ เช่น
เนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha)
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นส่วนหนึ่งของสุสานมาโคะมะไนทาคิโนะ (Makomanai Takino Cemetery) โดดเด่นด้วยพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ทำจากหินมีความสูงถึง 13.5 เมตร น้ำหนัก 1,500 ตัน
โดยเฉพาะในฤดูร้อน ช่วงเดือนกรกรฎาคม ทั่วบริเวณจะละลานตาไปด้วยความงามของลาเวนเดอร์กว่า 150,000 ดอก รายล้อมเนินเขาที่ตั้งองค์พระพุทธรูปนี้
รายละเอียดเพิ่มเติม https://visit.sapporo.travel/discover/art-culture/hill-of-the-buddha/
หมู่บ้านดอกทานตะวันที่เมืองโฮคุริว (Hokuryu Himawari no Sato)
ทุ่งดอกทานตะวันขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ดอกทานตะวันกว่า 2 ล้านต้นจะบานสะพรั่งแน่นขนัดเต็มพื้นที่ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี
สามารถเข้าไปเดินเล่นในทุ่งดอกทานตะวันตามเส้นทางที่จัดเตรียม หรือจะเช่าจักรยานปั่นเพลินๆ และยังมีให้บริการรถแทรกเตอร์พานั่งชมวิวโดยรอบอีกด้วย แนะนำให้มาช่วงเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกทานตะวันจะชูช่อรับแสงอาทิตย์สวยสุดๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม http://hokuryu-kankou.com/
2. นั่งรถไฟขบวนพิเศษ “ฟุระโนะ บิเอ โนรกโคะ (Furano Biei Norokko Train)”
รถไฟขบวนนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน – เดือนกันยายนของทุกปี โดยวิ่งระหว่างสถานีอาซาฮิคะวะ (Asahikawa Station) จนถึงสถานีฟุระโนะ (Furano Station) ซึ่งจะได้เพลินตากับทิวทัศน์ธรรมชาติสวยๆ ตลอดทาง ผ่านหน้าต่างรถไฟบานใหญ่ที่เปิดโล่งไม่มีกระจก ทำให้ได้สัมผัสอากาศอันสดชื่นอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.jrhokkaido.co.jp/global/english/train/guide/norokkko.html
และเฉพาะในช่วงที่รถไฟขบวนนี้ให้บริการ จะแวะจอดที่ “สถานีทุ่งลาเวนเดอร์ (Lavender Farm Station)” ซึ่งเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึง “โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm)” อันโด่งดังเรื่องทุ่งลาเวนเดอร์และวิวทุ่งดอกไม้ 7 สี (Irodori Field) ในฤดูร้อน โดยดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งสวยงามราวๆ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายไอศกรีมรสลาเวนเดอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากลาเวนเดอร์ให้ซื้อกลับเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.farm-tomita.co.jp/en/
3. ชมวิวทะเลหมอกสุดอลังการที่ “โฮชิโนะ รีสอร์ต โทมามุ (Hoshino Resorts TOMAMU)”
เดินทางมาเที่ยวได้สะดวกมากๆ เพราะมีกระเช้าลอยฟ้าพาขึ้นไปถึงยัง “อุงไค เทอเรส (Unkai Terrace)” จุดชมวิวทะเลหมอกบนเขา โดยมีระเบียงชมวิวในหลากหลายมุม ให้ได้ถ่ายภาพอย่างจุใจ สามารถชมความงามทะเลหมอกยามเช้าได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคม (เวลาเปิดให้ชมจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา)
และยังมี “คุโมะคาเฟ่ (KUMO Café)” ให้ได้แวะทานขนมหวานน่ารักๆ อาทิ ซอฟท์ครีมก้อนเมฆ เครื่องดื่มโซดาปุยเมฆ และมาร์ชแมลโลว์รูปก้อนเมฆ เป็นต้น
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.snowtomamu.jp/summer/en/unkai/
4. สนุกสนานกับงานเทศกาลฤดูร้อน
ในช่วงฤดูร้อนมีการจัดงานเทศกาลอันน่าตื่นตาตื่นใจมากมายในฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็น ขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ เทศกาลดอกไม้ไฟ ไปจนถึงงานไฟประดับยามค่ำคืน ตัวอย่างเช่น
เทศกาลสะดือ (Hokkai Heso Festival) เมืองฟุราโนะ (Furano)
จัดขึ้นในวันที่ 28 – 29 กรกฏาคมของทุกปี โดยมีไฮไลต์เด่นไม่เหมือนใครคือ ผู้เข้าร่วมเต้นในขบวนพาเหรดจะวาดใบหน้าต่างๆ ไว้ที่บริเวณท้องและสะดือของตัวเอง โดยมีหมวกใบใหญ่ปิดซ่อนใบหน้า ส่วนท่อนล่างสวมชุดที่ดูเหมือนเสื้อและกางเกง พร้อมกับเต้นระบำหน้าท้องส่ายสะโพกกันสุดฤทธิ์
สถานที่จัดงาน : บริเวณถนนช้อปปิ้ง ชินอะอิโออิ (Shin Aioi Shopping Street)
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.furanotourism.com/en/spot/spot_D.php?id=450
5. ลิ้มลองอาหารแสนอร่อยที่มีเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
เมลอน ผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะฮอกไกโด ซึ่งพันธุ์ที่มีชื่อเสียงจนได้ฉายาว่าเป็นราชาแห่งเมลอนคือ “เมลอนยูบะริ (Yubari Melon)” ที่มีเนื้อสีส้มเป็นเอกลักษณ์ รสชาติหอมหวานชุ่มฉ่ำ ฤดูเก็บเกี่ยวผลเมลอนราวๆ เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม
ข้าวโพดนมสดฮอกไกโด เป็นข้าวโพดสีขาวสายพันธุ์ Pure White ที่มีต้นกำเนิดในฮอกไกโด สามารถทานได้ทั้งแบบดิบ หรือจะนำไปทำให้สุกก่อนทานก็ได้ รสชาติหวาน ราวกับน้ำนมสดของฮอกไกโด
บทความใน Facebook : https://www.facebook.com/visitjapanth/posts/hokkaido-summer-2024