ภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku)
ประกอบไปด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) และจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
ภายในภูมิภาคจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ฝั่งทางตอนเหนือเรียกว่า ซันอิน (San’in) มีพื้นที่ติดกับฝั่งทะเลญี่ปุ่น โดดเด่นในเรื่องของธรรมชาติ ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม ประกอบด้วยจังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และตอนเหนือของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
2.ฝั่งอีกอยู่ทางตอนใต้เรียกว่า ซันโย (Sanyo) มีพื้นที่ติดกับฝั่งทะเลเซโตะ บรรยากาศมีความเป็นเมือง โดดเด่นด้านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประกอบไปด้วยจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) และตอนใต้ของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
ครั้งนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมผ่านงานคราฟต์ดื่มด่ำที่แฝงไปด้วยเรื่องราว วัฒนธรรม บางแห่งยังอบอวลไปด้วยความมีชีวิตชีวาของชุมชนท้องถิ่น
จังหวัดทตโตริ (Tottori)
จังหวัดทตโตริ (Tottori) มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) และเป็นจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม ทะเลสีคราม หรือเนินทรายแสนกว้างไกล
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดทตโตริ (Tottori) ได้แก่
・เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
เนินทรายขนาดใหญ่ที่ทอดตัวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ในความยาว 16 กิโลเมตร รอยริ้วที่เกิดจากลมสร้างเสน่ห์ให้กับเนินทรายได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งเต็มไปด้วยกิจกรรมอย่างการขี่อูฐ หรือเล่นแซนด์บอร์ด
・พิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum)
พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานแกะสลักทรายและเปลี่ยนหัวข้อการจัดแสดงผลงานไปเรื่อย ๆ ทุกปี
・ภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen)
หนึ่งในสามยอดเขาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงที่สุดในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ด้วยความสูง 1,729 เมตร ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั่วทั้งภูเขาจะถูกย้อมด้วยสีแดงของใบไม้เปลี่ยนสี สวยงามเป็นพิเศษ และยังมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลาย
・วัดไดเซ็นจิ (Daisenji Temple)
ตั้งอยู่บนภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen) มีความเก่าแก่มากถึง 1,300 ปี เคยมีความสำคัญจากการเป็นสถานที่ฝึกอบรมนักพรตชูเก็นโดะทั้งหลาย
・มิซะซะ อนเซ็น (Misasa Onsen)
หมู่บ้านอนเซ็นที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อนรักษาโรค เพราะมีความเข้มข้นของธาตุสูง พื้นที่รอบนอกมีรีสอร์ท อนเซ็นขนาดเล็กอยู่หลายแห่งท่ามกลางบบรรยากาศธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์
งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ
ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดทตโตริ (Tottori) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ทตโตริคือ คุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) หรือ ผ้าฝ้ายย้อมคราม
เมืองคุระโยะชิ (Kurayoshi) ในจังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมสิ่งทอ มีสินค้าที่เป็นเอกลักษ์คือ ผ้าฝ้าย ซึ่งมีการผลิตฝ้ายมาตั้งแต่สมัยเอโดะเมื่อ 200 ปีก่อน ทำให้พ่อค้าต่างถิ่นเดินทางมาหาซื้อสินค้า และ เผยแพร่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เกิดเป็นศิลปะการทอผ้าด้วยภูมิปัญญาเฉพาะของเมือง เรียกว่าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) หรือผ้าฝ้ายที่ทอด้วยเส้นด้ายฝ้ายย้อมคราม
ลักษณะเด่นที่สุดของผ้าทอคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) คือ มีลวดลายแพทเทิร์นที่ถูกทอขึ้นสวยงามราวกับนำภาพวาดมาใส่ลงในชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นรูปดอกไม้ นก กระดองเต่า ภูเขา สายน้ำ เป็นต้น และนำมาตัดเย็บเป็นกิโมโน หรือสินค้าอื่น ๆ เช่น กระเป๋า ถุงผ้า ผ้ารองแก้ว นับเป็นอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน
สวมกิโมโนคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Kimono) เดินเล่นเมืองเก่า
เมืองคุระโยะชิ (Kurayoshi) เคยเป็นเมืองปราสาทที่มีความเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะไปจนถึงสมัยเมจิ ปัจจุบันยังคงหลงเหลือย่านที่มีทิวทัศน์สวยงาม และเต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุค อย่าง ย่านโกดังกำแพงขาวคุระโยะชิ (Kurayoshi White Wall Warehouses)
ที่นี่คุณสามารถสวมชุดกิโมโนที่ทอขึ้นจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) แบบดั้งเดิม พร้อมรับบริการทำผม ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้าที่แมทช์กับชุดกิโมโน เดินเล่นรอบเมืองเก่า เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพภายใต้บรรยากาศโกดังสีขาวของพ่อค้าที่เรียงรายกันอยู่เป็นแถว ให้ความรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในอดีต และในแพคเกจเดียวกันยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมอย่างโฮโดกิกามิ (Hodoki gami) เป็นการเขียนเรื่องราว หรือความผิดพลาดที่อยากจะลืม ตามด้วยสิ่งที่ปรารถนาลงบนกระดาษ และนำไปลอยในบ่อน้ำฮาโกโรโมะ (Hagoromo Pond) ที่สวนอุทสึบุกิ (Utsubuki Park) ว่ากันว่าสิ่งที่เราอยากลืมจะสลายไปพร้อมกับกระดาษที่ค่อย ๆ จมหายไปในน้ำ และช่วยให้สิ่งที่ปรารถนากลายเป็นจริงขึ้นมา
กิจกรรมทำที่รองแก้วจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Coaster)
ที่ศูนย์หัตถกรรมคุระโยะชิ ฟุรุซาโตะ (Kurayoshi Furusato Kogeikan) จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วิธีใช้เครื่องทอมือ และสานผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) แบบดั้งเดิม และยังจะได้ทดลองทำที่รองแก้วจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Coaster) ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญสอนทักษะการทอให้ แม้ว่าจะไม่เคยทอมาก่อนก็สามารถทอผ้าลวดลายที่สวยงามได้ สามารถเลือกทอได้หลายลาย เช่น ลายผลไม้ ลายนก และลายดอกไม้ เป็นต้น
สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ
ภายในย่านโกดังกำแพงขาวคุระโยะชิ (Kurayoshi White Wall Warehouses) มีจุดถ่ายภาพแนะนำคือ บริเวณศาลเจ้าเบ็นไซเทน (Benzaiten Dori) ที่เป็นตรอกเล็ก ๆ เรียงรายไปด้วยโคมไฟสีแดง หรือถ้าหากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ก็สามารถแวะศูนย์บริการการท่องเที่ยวคุระโยะชิ ชิราคาเบะ โดโซกัน (Kurayoshi Shirakabe Dozogun Information Centre) ได้
**เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน เป็นช่วงอากาศร้อน จะให้บริการเช่าชุดยูกะตะแทน
เมนูที่ไม่ควรพลาด
เบอร์เกอร์ทตโตริ (Tottori Burgers)
จังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นจังหวัดที่มีเมนูเบอร์เกอร์แปลก ๆ มากมาย ส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น เบอร์เกอร์เนื้อวัวชิ้นโตที่ได้จากการเพาะเลี้ยงภายในพื้นที่ ซึ่งเอกลักษณ์ของเนื้อวัววากิว อยู่ที่รสสัมผัสนุ่มลิ้นละลายในปาก หรือเบอร์เกอร์ปูเบนิซุไว ที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งแห่งปูอร่อย เบอร์เกอร์เห็ดออริจิ เบอร์เกอร์นื้อกวาง เบอร์เกอร์ปลามาดาระ เบอร์เกอร์ไก่คาราอาเกะ เบอร์เกอร์ที่เปลี่ยนจากขนมปังเป็นข้าว หรือเส้นราเมง เป็นต้น
เทศกาลที่น่าสนใจคือ “เบอร์เกอร์เฟสต้า” (Tottori Burger Festa) เป็นเทศกาลที่รวบรวม เบอร์เกอร์สุดแปลก และโดดเด่นจากทั่วญี่ปุ่น จัดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมที่ Bakurouza Parking ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะขายเบอร์เกอร์ที่มีวัตถุดิบของแต่ละพื้นที่ของตัวเอง มาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อวัดดวลกันว่าใครจะเป็นเจ้าแห่งเบอร์เกอร์
ที่อยู่ | Kurayoshi White Wall Warehouse Uomachi, Kurayoshi, Tottori |
การเดินทาง | จากสถานี JR Kurayoshi ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Akagawara Shirakabe Dozo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเดินประมาณ 5 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.kurayoshi-kankou.jp/kasuridemachiaruki/ https://www.kurayoshi-kankou.jp/hodokigami/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/792/ https://en.asoview.global/item/activity/360 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)
จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ในเขตที่เรียกว่าซันอิน (Sanin) ติดฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) มีเมืองหลักคือมัตสึเอะ (Matsue) นับเป็นจังหวัดที่หลงเหลือวัฒนธรรมดั้งเดิม และอุดมไปด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามหลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนของเหล่าเทพเจ้า ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่รับพลังเสริมดวงชะตา (Power Spot) หลายแห่ง
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ได้แก่
・ศาลเจ้าอิซุโมะ-ไทฉะ (Izumo Shrine)
ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่คนนิยมเดินทางมาเพื่อขอพรเรื่องความรัก หรือชีวิตแต่งงาน
・ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue-jo)
ปราสาทสีดำ ดูมีมนต์ขลัง ในฤดูใบไม้ผลิยังเป็นแหล่งชมซากุระยอดนิยม
・หมู่เกาะโอกิโนะชิมะ (Okinoshima Islands)
หมู่เกาะที่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในอุทยานธรณีของโลก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ทำให้คนนิยมเช่าจักรยานเพื่อปั่นชมวิวสวย ๆ
・ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji)
ตั้งอยู่ใกล้เมืองมัตสึเอะ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีชื่อเสียง
・พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ (Adaji Museum of Art)
พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลป์จากปรมาจารย์ด้านภาพวาด พร้อมกับสวนญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัล 3 ดาวจาก Michelin Green Guide ไปพร้อม ๆ กัน
งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ
ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ชิมาเนะคือ อิวามิคางุระ (Iwami Kagura) หรือ ระบำหน้ากากคางุระ
อิวามิคางุระ (Iwami Kagura) เป็นรูปแบบของการแสดงคางุระจากพื้นที่อิวามิ (Iwami) เมืองฮามาดะ (Hamada) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัด เริ่มต้นขึ้นในฐานะพิธีกรรมทางศาสนา โดยนักบวชที่เป็นผู้แสดงจะร้องเพลง และร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า ซึ่งได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปตามยุคสมัย เช่นการใช้พลุ แสง เสียง ทำให้คางุระกลายเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ที่ใครมาเที่ยวแล้วไม่ควรพลาดชม
ศิลปะการแสดงของอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) โดดเด่นด้วยเครื่องแต่งกายที่มีสีสันฉูดฉาด ปักลายสามมิติ บทบาทการแสดงออกของอารมณ์ ท่าทางที่หลากลาย เพลงประกอบที่มีจังหวะเร้าใจด้วยเครื่องดนตรี เช่น กลอง ขลุ่ย และที่ขาดไม่ได้คือ หน้ากากคางุระ (Kagura) ที่ทำจากกระดาษด้วยความปราณีตแทนหน้ากากไม้ในสมัยก่อน
การนำเสนอของอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) เป็นการบอกเล่าเรื่องเล่าในอดีตของญี่ปุ่นในรูปแบบการแสดง เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เช่น เรื่องราวของวีรบุรุษกับผู้ร้าย พระเจ้ากับปีศาจ เป็นต้น โดยมีรูปแบบมากกว่า 30 แบบ และแต่ละแบบก็มีการเต้น และเครื่องแต่งกายแตกต่างกันไป
การแสดงที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดีคือ “โอโรจิ” (Orochi) ซึ่งอิงเนื้อเรื่องมาจากพงศาวดารที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีชุดแต่งกายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่
ศูนย์หัตถกรรมโคบะยะชิ โคโบ (Kobayashi Kobo)
เมื่อมาเยือนยังเมืองฮามาดะ (Hamada) แล้ว ที่นี่มี "ศูนย์หัตถกรรมโคบะยะชิ โคโบ (Kobayashi Kobo)" ที่ให้ออกแบบหน้ากากคางุระ (Kagura) ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ และยังช่วยให้เข้าใจถึงเสน่ห์ของงานหัตถกรรมกระดาษญี่ปุ่นเซกิชุ วาชิ (Sekishu Washi) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่อิวามิ (Iwami) และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานถึง 1,300 ปี
นักท่องเที่ยวสามารถทดลองระบายสีหน้ากากคางุระโดยเลือกได้จาก 4 ตัวละครได้แก่ ยักษ์โอนิ (Oni), ปีศาจฮันเนีย (Hannya), มือปราบมารโชกิ (Shoki) และเทพเอบิซุ (Ebisu) เมื่อทำเสร็จแล้วสามารนำไปประดับ แขวนที่บ้านเพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งชั่วร้าย
ชมการแสดงระบำอิวามิคางุระ (Iwami Kagura)
การแสดงอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) มักจัดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันธรรมดาช่วงเย็น ตามสถานที่หลากหลาย อาทิ ศาลเจ้าท้องถิ่น โรงแรม ศูนย์วัฒนธรรม และพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ บางการแสดงก็เปิดให้เข้าชมฟรี
ผู้ชมอยู่ใกล้ชิดกับนักแสดงบนเวที สามารถเห็นรายละเอียดการแสดงได้รอบทิศทาง และยังสามารถดื่มด่ำไปกับอาหารทานเล่น และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ระหว่างการชมได้
ตารางจัดกิจกรรมการแสดง
https://www.all-iwami.com/kagura/schedule/index.html
สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ
เมื่อชมการแสดงจบแล้ว ยังสามารถแวะเที่ยวบาร์ธีมอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Hamada หรือสักการะศาลเจ้าซังกู (Sanku Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าสำหรับการจัดแสดงอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) บรรยากาศตอนกลางคืน ในตอนกลางคืนถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงสลัว ให้อารมณ์พิศวง
เมนูที่ไม่ควรพลาด
Café Kiharu
วัฒนธรรมมัทฉะ และวากาชิ นับเป็นป็นศูนย์กลางของศิลปะชั้นสูงประเภทของชาวเมืองมัตสึเอะ (Matsue) เนื่องจาก มัตสึไดรา ฟูไม (Matsudaira Fumaiji) ไดเมียวผู้ครองเมืองมัตสึเอะองค์ที่ 7 ได้ทรงโปรดปราน และเป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มมัทฉะแก่เมือง จนเป็นความภาคภูมิใจของเมืองมัตสึเอะ (Matsue)
ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองมัตสึเอะ (Matsue History Museum) นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มชาเขียวมัทฉะคู่กับขนมหวานวากาชิชั้นสูงแบบดั้งเดิมที่คาเฟ่คิฮารุ (Café Kiharu) โรงน้ำชาตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับชมสวนญี่ปุ่น และวิวปราสาทที่อยู่เบื้องหลัง
นอกจากจะได้สัมผัสความอร่อยแล้ว ยังจะได้ชมฝีมือการปั้นขนมจากปรมาจารย์ขนมหวานวากาชิชั้นสูงนี้อีกด้วย ซึ่งขนมแต่ละชิ้นถูกปั้นขึ้นด้วยฝีมืออันปราณีต ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกได้ว่าเป็น "ศิลปะที่ลิ้มรสได้" เลยก็ว่าได้
ที่อยู่ | Kobayashi kobo Kohama i 308-2, Yunotsu, Oda, Shimane |
การเดินทาง | จากสถานี Izumoshi โดยสารรถไฟ JR San'in Main Line ลงสถานี Yunotsu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
http://www.kobayashi-kobo.jp/etsuketaiken-2 https://matsu-reki.jp/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.kankou-shimane.com/en/highlights/9637 https://www.kankou-shimane.com/en/destinations/11924 https://matsu-reki.jp/kiharu/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.japan.travel/th/spot/932/ |
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama)
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ตั้งอยู่ติดกับทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีขนาดใหญ่อันดับสองรองจากจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้แสนอร่อย จึงถูกเรียกกันว่าเป็น "ดินแดนแห่งผลไม้ และเป็นบ้านเกิดของตำนานนิทานพื้นบ้านโมโมทาโร่
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ได้แก่
・สวนโคระคุเอ็น (Korakuen)
มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น สามารถมองเห็นปราสาทโอคายาม่าได้จากสวนแห่งนี้
・เขตอนุรักษ์คุระชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
ย่านจัตุรัสเมืองเก่าที่ถูกอนุรักษ์มายาวนานกว่า 300 ปี จุดเด่นอยู่ที่อาคารบ้านเรือนดั้งเดิม ที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นย้อนยุค
・ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu Shrine)
ศาลเจ้าที่มีทางเดินไม้ยาวไปตามเนินเขา ดูลึกลับ และยังเป็นศาลเจ้าเชื่อกันว่าเป็นต้นแบบของตำนานพื้นบ้านเรื่องดังอย่าง “โมโมทาโร่”
・ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)
มีอีกชื่อเรียกว่าปราสาทอีกาดำ เนื่องด้วยตัวอาคารปราสาทนั้นเป็นสีดำคล้ายอีกา จากปราสาทเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติในสวนโคระคุเอ็น (Korakuen)
・หมู่บ้านฟุคิยะ (Fukiya Furusato)
เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่สร้างด้วยไม้และมีหลังคาเป็นสีน้ำตาลแดงจากดิน “เบนกะระ” ทำให้ดูเป็นแบบเดียวกันทั่วทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นเอกลักษณ์เด่น
งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ
ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่โอคายาม่าคือ ประวัติความเป็นมาของแหล่งผลิตยีนส์ที่มีคุณภาพ และมีชื่อเสียง "โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street)
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) เป็นจังหวัดที่ให้ความสนใจกับการงานฝีมือ มากกว่าการเกษตกรรม จึงมีการปลูกฝ้าย และมีเมืองโคจิมะ (Kojima) ที่ รู้จักกันในฐานะเมืองแห่งเส้นใยทอผ้าได้ผลิตยีนส์เป็นที่แรกในปี ค.ศ. 1960 จนสามารถสร้างชื่อเสียงในการเป็นแหล่งผลิตยีนส์คุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น และได้กลายหนึ่งในวัฒนธรรมที่คงกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมสมัยโบราณเอาไว้
"โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street) เรียงรายไปด้วยร้านกางเกงยีนส์กว่า 40 ร้าน มียีนส์คุณภาพให้เลือกซื้อกันหลากหลายแบรนด์ บางร้านที่เป็นบริษัทผลิตยีนส์เก่าแก่ได้เปิดให้เข้าชมกระบวนการทอ ย้อม และจัดแสดงคอลเลคชั่นต่าง ๆ
พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum)
พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) ตั้งอยู่ที่"โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street) ก่อตั้งขึ้นโดย Betty Smith ผู้ผลิตยีนส์ชื่อดังที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปีค.ศ. 1962 โดยเริ่มจากการผลิตยีนส์สำหรับผู้หญิงก่อน และได้พัฒนาสินค้าให้โดดเด่นติดท้องตลาดมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเครื่องจักร เครื่องทอผ้าที่ใช้เย็บกางเกงยีนส์ในสมัยเริ่มก่อตั้ง รวมถึงยังมีการเล่าถึงความเป็นมาของยีนส์ที่ได้เดินทางมาจากอเมริกาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ให้นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงการพัฒนาของยีนส์ในแต่ละยุค
กิจกรรมทำกางเกงยีนส์ของตัวเอง
ที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปเพื่อออกแบบกางเกงยีนส์ให้เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ตั้งแต่การเลือกเนื้อผ้า เลือกสี ทรงไปจนถึงกระดุม หมุด ตัวตะเข็บ และโลโก้
สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ
ใกล้กันยังมีเบ็ตตี้สมิธเอาท์เลต (Betty Smith Factory Outlet) รวบรวมสินค้าเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ เครื่องประดับมากมายให้ได้เลือกซื้อ หรือใครที่ยังช้อปไม่จุใจ ก็ยังมีห้างสรรพสินค้ามิตสึอิเอาท์เล็ตคุระชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki) มีร้านค้าหลายร้อยร้านให้ ได้เพลิดเพลินไปกับส่วนลดมากมาย และการช้อปปิ้งแบบปลอดภาษี
เมนูที่ไม่ควรพลาด
โอคายาม่า บาระซูชิ (Okayama Bara-zushi)
อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) คือ บาระซูชิ (Barazushi) เป็นซูชิดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จะไม่ได้มีลักษณะเป็นคำ ๆ แต่จะเสิร์ฟมาเป็นข้าวจานเดียว เพราะในสมัยนั้นได้มีกฎหมายออกมาว่าบนโต๊ะอาหารควรมีแค่ข้าวหนึ่งชาม และซุปหนึ่งถ้วย เพื่อเป็นการควบคุมการใช้จ่ายของประชาชน และเพื่อสนับสนุนให้คนใช้ชีวิตอย่างประหยัด
ในชามจะประกอบด้วยข้าวหมักน้ำส้มสายชู ด้านบนเต็มไปด้วยปลาสดจากทะเลเซโตะอาทิ กุ้ง กั้ง ปลาหมึก ปลาไหลอานาโกะ ปลาซาวาระ หรือที่รู้จักว่าปลาอินทรีย เป็นต้น และผักหลากสีหลายชนิดตามฤดูกาล อาทิ แคแรท ถั่วลันเตา เห็ด รากไม้โกโบ
โดยปัจจุบันเมนูบาระซูชิ (Okayama Bara-zushi) จะทานในวันเทศกาล หรือวันเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษเท่านั้น
ที่อยู่ | Betty Smith Jeans Museum 5 Chome-2-70 Kojimashimonocho, Kurashiki, Okayama |
การเดินทาง | จากสถานี Okayama โดยสารรถไฟ Limited Express Shiokaze ลงสถานี Kojima ใช้เวลา 20 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสประจำทาง ลงป้าย Jeans Museum Entrance ใช้เวลา 15 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://betty.co.jp/ https://www.okayama-kanko.jp/gourmet/11993 |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.okayama-japan.jp/en/spot/908 http://kyoudo-ryouri.com/en/food/1509.html |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.okayama-japan.jp/th/spot/908 http://kyoudo-ryouri.com/th/food/1509.html |
จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)
จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) เป็นจังหวัดเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ติดกับทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย และยังมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่าง โดมปรมาณูฮิโรชิม่า (Atomic Bomb Dome) หรือศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาหารขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอย่างโอโคโนะมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า (Okomiyaki Hiroshima) หรือหอยนางรม
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)ได้แก่
・สวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park)
สวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) สร้างขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1954 เพื่อระลึกถึงเหยื่อจากความสูญเสียของระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงโดมปรมาณูฮิโรชิม่า (Atomic Bomb Dome) ด้วยเช่นกัน
・ สวนชุคเคเอ็น (Shukkei-en Garden)
สวนญี่ปุ่นเก่าแก่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) สร้างขึ้นในช่วงยุคเอโดะ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากทะเลสาบซีหูในประเทศจีนย่อส่วนและผสมความเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยกัน
・ วัดบันไดจิ (Bandai-ji Temple)
วัดที่ตั้งอยู่บนผาหินปลายสุดของคาบสมุทรนุมะคุมะ (Namakuma Peninsula) เชื่อกันว่าวัดสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 992 เป็นวัดที่สามารถชมวิวทะเลที่สวยงามและยังเป็นจุดที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรในเรื่องของการคลอดลูกให้ปลอดภัยและแข็งแรง
・ชิมะนะมิไคโด (Shimanami Kaido)
เส้นทางและสะพานเชื่อมเกาะน้อยใหญ่บริเวณทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีระยะทางรวมกันมากถึง 70 กิโลเมตร เหมาะแก่การขับรถกินลมชมวิว โดยเฉพาะคนที่ชอบปั่นจักรยานจะชื่นชอบเส้นทางนี้กันเป็นพิเศษ
・เกาะกระต่ายโอคุโนะชิมะ (Okunoshima)
เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 3.5 กิโลเมตร เป็นสวรรค์ของคนรักกระต่ายอย่างแท้จริง มีกระต่ายกว่าพันตัวอาศัยอยู่ในบริเวณเกาะแห่งนี้
งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ
ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของฮิโรชิม่า (Hiroshima) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ ฮิโรชิม่า คือ เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของหัตกรรมพื้นเมืองของเกาะมิยะจิมะ (Miyajima)
เกาะมิยะจิมะ (Miyajima) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) เป็นแลนด์มาร์คเบอร์หนึ่งของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแวะเวียนมาชมทั้งศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ที่มีเสาสีแดงกลางทะเล และหาทำกิจกรรมหัตกรรมต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วบนเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากมายให้เที่ยว เช่น เขามิเซน (Mount Misen) หรือวัดไดโชอิน (Daisho-in Temple)
ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ศาลเจ้าเริ่มสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 593 มีจุดเด่นจากอาคารสีแดงสดที่สร้างยื่นลงไปในทะเลจนเป็นเหมือนกับศาลเจ้าลอยน้ำ มีห้องและอาคารมากมายเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินและสะพานจนกลายเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ และอีกจุดเด่นสำคัญคือประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลห่างออกไปจากศาลเจ้า เป็นจุดที่คนทั่วโลกจะรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีหากพูดถึงฮิโรชิม่า (Hiroshima) หากไปเที่ยวในช่วงน้ำลงก็สามารถเดินไปถ่ายรูปกับเสาโทริอิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ศูนย์ศิลปะหัตถกรรมพื้นเมืองมิยะจิมะ (Miyajima Traditional Crafts Center)
ภายในศูนย์ศิลปะหัตถกรรมพื้นเมืองมิยะจิมะ (Miyajima Traditional Crafts Center) สามารถทดลองแกะสลักจานไม้ซึ่งเป็นงานศิลปะดั้งเดิมของมิยะจิมะ (Miyajima) โดยการแกะสลักลงไปบนจานไม้เป็นรูปต่าง ๆ และลงสีโดยงานแกะสลักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่ามิยะจิมะ โบริ (Miyajima-bori) นอกจากนี้ยีงสามารถลองทำทัพพีไม้ชาคุชิ (Shakushi) หรือทำขนมโมมิจิมันจู (Momiji Manju)
สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ
บริเวณรอบศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) มีถนนช้อปปิ้งมิยะจิมะ โอโมเตะซันโด (Miyajima Omotesando Shopping Street) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (Miyajima Aquarium) วัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) หรือเขาเขามิเซน (Mount Misen) ที่สามารถเดินเทรคกิ้งขึ้นไปได้หรือจะนั่งกระเช้าไฟฟ้าได้เช่นกัน
เมนูที่ไม่ควรพลาด
โอโคโนะมิยากิ ฮิโรชิม่า (Okomiyaki Hiroshima)
โอโคโนะมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่าเป็นอีกหนึ่งเมนูไม่ควรพลาด ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับเมนูนี้แล้วก็ตามเพราะสามารถหาทานได้ทั่วไป แต่สไตล์ฮิโรชิม่านั้นจะมีความแตกต่างในเรื่องของขั้นตอนการทำ โดยการลงแป้งบาง ๆ บนแผ่นกระทะเทปัน จากนั้นใส่ผักกะหล่ำปลีเยอะ ๆ เนื้อสัตว์ กับเส้นโซบะวางซ้อนเป็นชั้นๆ ราดด้วยซอส โป๊ะด้วยต้นหอมและขิงดอง โดยแต่ละร้านก็อาจจะมีวิธีและขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป
ที่อยู่ | Miyajima Traditional Crafts Center 1165-9 Miyajimacho, Hatsukaichi, Hiroshima 739-0588 |
การเดินทาง | จากสถานี Miyajimaguchi โดยสารเรือ JR Miyajima Ferry ไปที่เกาะ Miyajima ใช้เวลา 10 นาที เดินต่ออีก 2 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
http://miyajimazaiku.com/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://miyajimazaiku.com/mtcc/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.japan.travel/th/spot/887/ https://www.jnto.or.th/japantransportation/railwaypass/hiroshima.html |
จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันตกริมสุดของเกาะฮอนชู (Honshu) ทางผ่านสู่เกาะคิวชู (Kyushu) มีภูมิประเทศแบบภูเขาและมีชายฝั่งทะเล 3 ด้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายทั้งเชิงประวัติศาสาตร์ และธรรมชาติ
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ได้แก่
・สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge)
สะพานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1637 เป็นสะพานไม้ที่มีโค้งของสะพานมากถึง 5 โค้ง ตั้งอยู่ในเมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) โดดเด่นมากในช่วงดอกซากุระบาน เป็นหนึ่งในสะพานที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมกันมากที่สุด
・ศาลเจ้าโฮฟุเท็นมังกู (Hofu Tenmangu Shrine)
หนึ่งในสามศาลเจ้าเท็นมังกูเก่าแก่และยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 904 เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้อย่างสุกะวาระ โนะ มิจิซาเนะ (Sugawara no Michizane) ผู้คนเลยนิยมมาขอพรในเรื่องการเรียนนั่นเอง
・ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ จิงจะ (Motonosumi Shrine)
ศาลเจ้าที่มีความโดดเด่นจากประตูโทริอิสีแดงสดเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งมากถึง 123 ต้น ตัดกับสีครามของท้องฟ้าและทะเล จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยวมากมาย ศาลเจ้าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955
・สะพานทสึโนะชิมะ โอฮาชิ (Tsunoshima Ohashi Bridge)
สะพานสึโนะชิมะ โอฮาชิ สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2000 เป็นสะพานที่เชื่อต่อระหว่างเกาะใหญ่กับเกาะทสึโนะชิมะ (Tsunoshima) มีความยาวมากถึง 1,780 กิโลเมตร สามารถถ่ายรูปสะพานที่เป็นเส้นตรงนี้ได้ผ่านจุดชมวิว สามารถเดินหรือปั่นจักรยานข้ามสะพานนี้ได้เช่นกัน
・ถ้ำหินปูนอะคิโยะชิโดะ (Akiyoshido Cave)
ถ้ำหินปูนขนาดใหญอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น มีความสูงของเพดานมากสุดถึง 40 เมตร และสูงมากถึง 80 เมตรที่จุดสูงสุด เชื่อกันว่าถ้ำมีความลึกมากถึง 10 กิโลเมตร แต่สามารถเดินชมได้เพียง 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้น ภายในจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยคงที่ประมาณ 17 องศาเท่านั้น
งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ
ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ยามากุจิคือ โคมไฟปลาทองแห่งเมืองยะนะอิ (Yanai)
เมืองยะนะอิ (Yanai) ซึ่งในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองของเหล่าพ่อค้าวาณิชย์ จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนของเหล่าพ่อค้าที่งดงามโดดเด่นด้วยกำแพงสีขาวและหลังคามุงกระเบื้องแบบฮงงะวะระ (Hongawara) ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายหลังจากที่มีการนำกระเบื้องมาใช้ในญี่ปุ่น อาชีพหลักแต่เดิมของเมืองยะนะอิ (Yanai) เป็นหมู่บ้านที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการประมงเป็นหลัก เนื่องด้วยเป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเล ทำให้มีแนวคิดของการทำโคมไฟที่เป็นเอกลักษณ์นั้นก็มาจากพ่อค้าภายในเมืองยะนะอิ (Yanai) โดยมีแรงบันดาลใจจากโคมไฟเทศกาลเนบุตะ (Nebuta Festival) ในอาโอโมริ (Aomori) ทำให้เกิดนำไอเดียต่างๆมาหล่อร่วมกันจนมาสร้างเป็นโคมไฟรูปปลาทองนั่นเอง
ถนนกำแพงโบราณเมืองยะนะอิ (White wall townscape)
เมืองยะนะอิ (Yanai) เมืองท่าการประมงและค้าขายที่สำคัญของอิวะคุนิ (Iwakuni) ร้านค้า และโกดังต่าง ๆ ถูกตกแต่งด้วยสีขาว และกระเบื้องหลังคาตั้งแต่ช่วงปลายยุคเอโดะ (Edo period) จนถึงต้นยุคเมจิ (Meiji period) จนกลายเป็นภาพจำของเมือง และยังถูกเรียกกันว่าถนนกำแพงสีขาวเมืองยะนะอิ (White wall townscape) โดยเฉพาะโคมไฟรูปปลาทองที่ตกแต่งอยู่หน้าบ้านและร้านค้าต่าง ๆ ตลอดเส้นทางเดินเป็นส่วนสำคัญที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาท่องเที่ยวที่เมืองแห่งนี้
ทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคมของทุกปีเมืองยะนะอิ (Yanai) จะจัดงานเทศกาลฤดูร้อนประจำเมืองอย่างเทศกาลโคมไฟปลาทองเมืองยะนะอิ (Yanai Goldfish Lartern Festival) โดยจะมีการตกแต่งโคมไฟปลาทองกระจายอยู่ทั่วเมือง มีการเต้นรำ แสดงดนตรี และขบวนพาเรดโคมไฟปลาทองยักษ์กว่า 30 ตัวเลยทีเดียว หรือใครอยากลองทำโคมไฟปลาทอง สามารถทดลองทำโคมไฟปลาทองที่ได้ยะนะอิ นิชิกุระ (Yanai-nishigura)
กิจกรรมทดลองทำโคมไฟปลาทอง
ที่ยะนะอิ นิชิกุระ (Yanai-nishigura) สามารถทดลองทำโคมไฟปลาทองได้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยการลงสีกระดาษ ติดครีบ ติดหาง และประกอบรวมกันจนเป็นโคมไฟปลาทองที่น่ารักได้ นอกจากนี้ยังสามารถทดลองการทอผ้ายะนะอิ (Yanai) และย้อมสีได้เช่นกัน
สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ
บริเวณถนนกำแพงสีขาวเมืองยะนะอิ (White wall townscape) มีร้านค้าร้านอาหารกระจายอยู่หลายแห่ง สามารถเช่าชุดยูกะตะมาเดินเล่นในเมืองพร้อมถ่ายรูปกับโคมไฟปลาทองได้ หรือจะไปชมโรงผลิตซอสถั่วเหลืองสูตรดั้งเดิมของเมืองได้ที่โรงงานผลิตโชยุ ซากะวะ (Sagawa Shoyu-gura) หรือเรียนรู้เรื่องราวของเมืองยะนะอิ (Yanai) ที่พิพิธภัณฑ์ทิวทัศน์เมืองยะนะอิ (Yanai City Townscape Museum)
เมนูที่ไม่ควรพลาด
เมนูปลาปักเป้ารสเด็ด
ปลาปักเป้า (Fugu) เป็นเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) นิยมนำมาแร่บาง ๆ เป็นซาชิมิ โดยปกติแล้วปลาปักเป้าจะมีพิษ แต่ถ้าหากเชฟคนนั้นได้สอบใบอนุญาตการแร่ปลาปักเป้าแล้วล่ะก็มั่นใจในฝีมือและคุณภาพได้อย่างแน่นอน นับเป็นเมนูที่หาทานได้ยากและควรค่าแก่การลิ้มลอง
ที่อยู่ | Yanai-nishigura 3700-8 Yanai, Yamaguchi 742-0021 |
การเดินทาง | จากสถานี Yanai เดิน 10 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.city-yanai.jp/site/kanko-shisetsu/yanainishigura-taikemmenu.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.visit-jy.com/en/spots/17554 |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.visit-jy.com/th/spots/17554 |
เพจที่เกี่ยวข้อง