HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

รู้จักภูมิภาคชูโงะคุ ผ่านงานคราฟท์

ภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku)

ประกอบไปด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) และจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)

 

ภายในภูมิภาคจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1.ฝั่งทางตอนเหนือเรียกว่า ซันอิน (San’in) มีพื้นที่ติดกับฝั่งทะเลญี่ปุ่น โดดเด่นในเรื่องของธรรมชาติ ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม ประกอบด้วยจังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และตอนเหนือของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
2.ฝั่งอีกอยู่ทางตอนใต้เรียกว่า ซันโย (Sanyo) มีพื้นที่ติดกับฝั่งทะเลเซโตะ บรรยากาศมีความเป็นเมือง โดดเด่นด้านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประกอบไปด้วยจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) และตอนใต้ของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)

 

ครั้งนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมผ่านงานคราฟต์ดื่มด่ำที่แฝงไปด้วยเรื่องราว วัฒนธรรม บางแห่งยังอบอวลไปด้วยความมีชีวิตชีวาของชุมชนท้องถิ่น 

 

จังหวัดทตโตริ (Tottori)


จังหวัดทตโตริ (Tottori) มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) และเป็นจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม ทะเลสีคราม หรือเนินทรายแสนกว้างไกล

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดทตโตริ (Tottori) ได้แก่
・เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
เนินทรายขนาดใหญ่ที่ทอดตัวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ในความยาว 16 กิโลเมตร รอยริ้วที่เกิดจากลมสร้างเสน่ห์ให้กับเนินทรายได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งเต็มไปด้วยกิจกรรมอย่างการขี่อูฐ หรือเล่นแซนด์บอร์ด

・พิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum)
พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานแกะสลักทรายและเปลี่ยนหัวข้อการจัดแสดงผลงานไปเรื่อย ๆ ทุกปี

・ภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen)
หนึ่งในสามยอดเขาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงที่สุดในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ด้วยความสูง 1,729 เมตร ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั่วทั้งภูเขาจะถูกย้อมด้วยสีแดงของใบไม้เปลี่ยนสี สวยงามเป็นพิเศษ และยังมีเส้นทางเดินเขาที่หลากหลาย

・วัดไดเซ็นจิ (Daisenji Temple)
ตั้งอยู่บนภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen) มีความเก่าแก่มากถึง 1,300 ปี เคยมีความสำคัญจากการเป็นสถานที่ฝึกอบรมนักพรตชูเก็นโดะทั้งหลาย

・มิซะซะ อนเซ็น (Misasa Onsen)
หมู่บ้านอนเซ็นที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อนรักษาโรค เพราะมีความเข้มข้นของธาตุสูง พื้นที่รอบนอกมีรีสอร์ท อนเซ็นขนาดเล็กอยู่หลายแห่งท่ามกลางบบรรยากาศธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์

 

งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดทตโตริ (Tottori) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ทตโตริคือ คุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) หรือ ผ้าฝ้ายย้อมคราม

 

เครื่องทอผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) ©Kurayoshi Tourism Mice Association

 

เมืองคุระโยะชิ (Kurayoshi) ในจังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมสิ่งทอ มีสินค้าที่เป็นเอกลักษ์คือ ผ้าฝ้าย ซึ่งมีการผลิตฝ้ายมาตั้งแต่สมัยเอโดะเมื่อ 200 ปีก่อน ทำให้พ่อค้าต่างถิ่นเดินทางมาหาซื้อสินค้า และ เผยแพร่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เกิดเป็นศิลปะการทอผ้าด้วยภูมิปัญญาเฉพาะของเมือง เรียกว่าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) หรือผ้าฝ้ายที่ทอด้วยเส้นด้ายฝ้ายย้อมคราม

ลักษณะเด่นที่สุดของผ้าทอคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) คือ มีลวดลายแพทเทิร์นที่ถูกทอขึ้นสวยงามราวกับนำภาพวาดมาใส่ลงในชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นรูปดอกไม้ นก กระดองเต่า ภูเขา สายน้ำ เป็นต้น และนำมาตัดเย็บเป็นกิโมโน หรือสินค้าอื่น ๆ เช่น กระเป๋า ถุงผ้า ผ้ารองแก้ว นับเป็นอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน

 

สวมชุดกิโมโนที่ทอขึ้นจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) พร้อมกับลอยกระดาษโฮโดกิกามิ (Hodoki gami) ©Kurayoshi Tourism Mice Association

 

สวมกิโมโนคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Kimono) เดินเล่นเมืองเก่า

เมืองคุระโยะชิ (Kurayoshi) เคยเป็นเมืองปราสาทที่มีความเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะไปจนถึงสมัยเมจิ ปัจจุบันยังคงหลงเหลือย่านที่มีทิวทัศน์สวยงาม และเต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุค อย่าง ย่านโกดังกำแพงขาวคุระโยะชิ (Kurayoshi White Wall Warehouses)

ที่นี่คุณสามารถสวมชุดกิโมโนที่ทอขึ้นจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) แบบดั้งเดิม พร้อมรับบริการทำผม ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้าที่แมทช์กับชุดกิโมโน เดินเล่นรอบเมืองเก่า เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพภายใต้บรรยากาศโกดังสีขาวของพ่อค้าที่เรียงรายกันอยู่เป็นแถว ให้ความรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในอดีต และในแพคเกจเดียวกันยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมอย่างโฮโดกิกามิ (Hodoki gami) เป็นการเขียนเรื่องราว หรือความผิดพลาดที่อยากจะลืม ตามด้วยสิ่งที่ปรารถนาลงบนกระดาษ และนำไปลอยในบ่อน้ำฮาโกโรโมะ (Hagoromo Pond) ที่สวนอุทสึบุกิ (Utsubuki Park) ว่ากันว่าสิ่งที่เราอยากลืมจะสลายไปพร้อมกับกระดาษที่ค่อย ๆ จมหายไปในน้ำ และช่วยให้สิ่งที่ปรารถนากลายเป็นจริงขึ้นมา

 

เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวิธีใช้เครื่องทอผ้าคุระโยะชิ กะสึริ (Kurayoshi Gasuri) ©Kurayoshi Tourism Mice Association

 

กิจกรรมทำที่รองแก้วจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Coaster)

ที่ศูนย์หัตถกรรมคุระโยะชิ ฟุรุซาโตะ (Kurayoshi Furusato Kogeikan) จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วิธีใช้เครื่องทอมือ และสานผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri) แบบดั้งเดิม และยังจะได้ทดลองทำที่รองแก้วจากผ้าคุระโยะชิ คะสุริ (Kurayoshi Gasuri Coaster) ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญสอนทักษะการทอให้ แม้ว่าจะไม่เคยทอมาก่อนก็สามารถทอผ้าลวดลายที่สวยงามได้ สามารถเลือกทอได้หลายลาย เช่น ลายผลไม้ ลายนก และลายดอกไม้ เป็นต้น

 

สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ

ภายในย่านโกดังกำแพงขาวคุระโยะชิ (Kurayoshi White Wall Warehouses) มีจุดถ่ายภาพแนะนำคือ บริเวณศาลเจ้าเบ็นไซเทน (Benzaiten Dori) ที่เป็นตรอกเล็ก ๆ เรียงรายไปด้วยโคมไฟสีแดง หรือถ้าหากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ก็สามารถแวะศูนย์บริการการท่องเที่ยวคุระโยะชิ ชิราคาเบะ โดโซกัน (Kurayoshi Shirakabe Dozogun Information Centre) ได้

**เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน เป็นช่วงอากาศร้อน จะให้บริการเช่าชุดยูกะตะแทน

 

เมนูที่ไม่ควรพลาด

เบอร์เกอร์ไก่ทอดจากร้าน YAZU ที่เคยได้รับรางวัลจากงานเบอร์เกอร์เฟสต้า (Tottori Burger Festa) ใช้ไก่ และผักจากฟาร์มตัวเอง ©️Oenosato natural farm

 

เบอร์เกอร์ทตโตริ (Tottori Burgers)

จังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นจังหวัดที่มีเมนูเบอร์เกอร์แปลก ๆ มากมาย ส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น เบอร์เกอร์เนื้อวัวชิ้นโตที่ได้จากการเพาะเลี้ยงภายในพื้นที่ ซึ่งเอกลักษณ์ของเนื้อวัววากิว อยู่ที่รสสัมผัสนุ่มลิ้นละลายในปาก หรือเบอร์เกอร์ปูเบนิซุไว ที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งแห่งปูอร่อย เบอร์เกอร์เห็ดออริจิ เบอร์เกอร์นื้อกวาง เบอร์เกอร์ปลามาดาระ เบอร์เกอร์ไก่คาราอาเกะ เบอร์เกอร์ที่เปลี่ยนจากขนมปังเป็นข้าว หรือเส้นราเมง เป็นต้น

เทศกาลที่น่าสนใจคือ “เบอร์เกอร์เฟสต้า” (Tottori Burger Festa) เป็นเทศกาลที่รวบรวม เบอร์เกอร์สุดแปลก และโดดเด่นจากทั่วญี่ปุ่น จัดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมที่ Bakurouza Parking ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะขายเบอร์เกอร์ที่มีวัตถุดิบของแต่ละพื้นที่ของตัวเอง มาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อวัดดวลกันว่าใครจะเป็นเจ้าแห่งเบอร์เกอร์

 

 

ที่อยู่ Kurayoshi White Wall Warehouse
Uomachi, Kurayoshi, Tottori
การเดินทาง จากสถานี JR Kurayoshi ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Akagawara Shirakabe Dozo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.kurayoshi-kankou.jp/kasuridemachiaruki/
https://www.kurayoshi-kankou.jp/hodokigami/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/792/
https://en.asoview.global/item/activity/360
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)


จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ในเขตที่เรียกว่าซันอิน (Sanin) ติดฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) มีเมืองหลักคือมัตสึเอะ (Matsue) นับเป็นจังหวัดที่หลงเหลือวัฒนธรรมดั้งเดิม และอุดมไปด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามหลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนของเหล่าเทพเจ้า ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่รับพลังเสริมดวงชะตา (Power Spot) หลายแห่ง

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ได้แก่
・ศาลเจ้าอิซุโมะ-ไทฉะ (Izumo Shrine)
ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่คนนิยมเดินทางมาเพื่อขอพรเรื่องความรัก หรือชีวิตแต่งงาน

・ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue-jo)
ปราสาทสีดำ ดูมีมนต์ขลัง ในฤดูใบไม้ผลิยังเป็นแหล่งชมซากุระยอดนิยม

・หมู่เกาะโอกิโนะชิมะ (Okinoshima Islands)
หมู่เกาะที่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในอุทยานธรณีของโลก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ทำให้คนนิยมเช่าจักรยานเพื่อปั่นชมวิวสวย ๆ

・ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji)
ตั้งอยู่ใกล้เมืองมัตสึเอะ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีชื่อเสียง

・พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ (Adaji Museum of Art)
พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลป์จากปรมาจารย์ด้านภาพวาด พร้อมกับสวนญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัล 3 ดาวจาก Michelin Green Guide ไปพร้อม ๆ กัน

 

งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ชิมาเนะคือ อิวามิคางุระ (Iwami Kagura) หรือ ระบำหน้ากากคางุระ

 

การแสดงชุด “โอโรจิ (Orochi)” มีชุดแต่งกายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม ©️Shimane Prefecture

 

อิวามิคางุระ (Iwami Kagura) เป็นรูปแบบของการแสดงคางุระจากพื้นที่อิวามิ (Iwami) เมืองฮามาดะ (Hamada) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัด เริ่มต้นขึ้นในฐานะพิธีกรรมทางศาสนา โดยนักบวชที่เป็นผู้แสดงจะร้องเพลง และร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า ซึ่งได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปตามยุคสมัย เช่นการใช้พลุ แสง เสียง ทำให้คางุระกลายเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ที่ใครมาเที่ยวแล้วไม่ควรพลาดชม

ศิลปะการแสดงของอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) โดดเด่นด้วยเครื่องแต่งกายที่มีสีสันฉูดฉาด ปักลายสามมิติ บทบาทการแสดงออกของอารมณ์ ท่าทางที่หลากลาย เพลงประกอบที่มีจังหวะเร้าใจด้วยเครื่องดนตรี เช่น กลอง ขลุ่ย และที่ขาดไม่ได้คือ หน้ากากคางุระ (Kagura) ที่ทำจากกระดาษด้วยความปราณีตแทนหน้ากากไม้ในสมัยก่อน

การนำเสนอของอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) เป็นการบอกเล่าเรื่องเล่าในอดีตของญี่ปุ่นในรูปแบบการแสดง เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เช่น เรื่องราวของวีรบุรุษกับผู้ร้าย พระเจ้ากับปีศาจ เป็นต้น โดยมีรูปแบบมากกว่า 30 แบบ และแต่ละแบบก็มีการเต้น และเครื่องแต่งกายแตกต่างกันไป

การแสดงที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดีคือ “โอโรจิ” (Orochi) ซึ่งอิงเนื้อเรื่องมาจากพงศาวดารที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีชุดแต่งกายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่

 

ระบายสีหน้ากากคางุระ (Kagura) มีให้เลือกหลายแบบ ©️Shimane Prefecture

 

ศูนย์หัตถกรรมโคบะยะชิ โคโบ (Kobayashi Kobo)

เมื่อมาเยือนยังเมืองฮามาดะ (Hamada) แล้ว ที่นี่มี "ศูนย์หัตถกรรมโคบะยะชิ โคโบ (Kobayashi Kobo)" ที่ให้ออกแบบหน้ากากคางุระ (Kagura) ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ และยังช่วยให้เข้าใจถึงเสน่ห์ของงานหัตถกรรมกระดาษญี่ปุ่นเซกิชุ วาชิ (Sekishu Washi) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่อิวามิ (Iwami) และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานถึง 1,300 ปี

นักท่องเที่ยวสามารถทดลองระบายสีหน้ากากคางุระโดยเลือกได้จาก 4 ตัวละครได้แก่ ยักษ์โอนิ (Oni), ปีศาจฮันเนีย (Hannya), มือปราบมารโชกิ (Shoki) และเทพเอบิซุ (Ebisu) เมื่อทำเสร็จแล้วสามารนำไปประดับ แขวนที่บ้านเพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งชั่วร้าย

 

ชมการแสดงระบำอิวามิคางุระ (Iwami Kagura)แบบติดขอบเวที ©️Shimane Prefecture

 

ชมการแสดงระบำอิวามิคางุระ (Iwami Kagura)

การแสดงอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) มักจัดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันธรรมดาช่วงเย็น ตามสถานที่หลากหลาย อาทิ ศาลเจ้าท้องถิ่น โรงแรม ศูนย์วัฒนธรรม และพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ บางการแสดงก็เปิดให้เข้าชมฟรี

ผู้ชมอยู่ใกล้ชิดกับนักแสดงบนเวที สามารถเห็นรายละเอียดการแสดงได้รอบทิศทาง และยังสามารถดื่มด่ำไปกับอาหารทานเล่น และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ระหว่างการชมได้

ตารางจัดกิจกรรมการแสดง
https://www.all-iwami.com/kagura/schedule/index.html

 

สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ

เมื่อชมการแสดงจบแล้ว ยังสามารถแวะเที่ยวบาร์ธีมอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Hamada หรือสักการะศาลเจ้าซังกู (Sanku Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าสำหรับการจัดแสดงอิวามิคางุระ (Iwami Kagura) บรรยากาศตอนกลางคืน ในตอนกลางคืนถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงสลัว ให้อารมณ์พิศวง

 

เมนูที่ไม่ควรพลาด

เซ็ตมัทฉะ และขนมวากาชิจากร้าน Café Kiharu

 

Café Kiharu

วัฒนธรรมมัทฉะ และวากาชิ นับเป็นป็นศูนย์กลางของศิลปะชั้นสูงประเภทของชาวเมืองมัตสึเอะ (Matsue) เนื่องจาก มัตสึไดรา ฟูไม (Matsudaira Fumaiji) ไดเมียวผู้ครองเมืองมัตสึเอะองค์ที่ 7 ได้ทรงโปรดปราน และเป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มมัทฉะแก่เมือง จนเป็นความภาคภูมิใจของเมืองมัตสึเอะ (Matsue)

ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองมัตสึเอะ (Matsue History Museum) นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มชาเขียวมัทฉะคู่กับขนมหวานวากาชิชั้นสูงแบบดั้งเดิมที่คาเฟ่คิฮารุ (Café Kiharu) โรงน้ำชาตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับชมสวนญี่ปุ่น และวิวปราสาทที่อยู่เบื้องหลัง

นอกจากจะได้สัมผัสความอร่อยแล้ว ยังจะได้ชมฝีมือการปั้นขนมจากปรมาจารย์ขนมหวานวากาชิชั้นสูงนี้อีกด้วย ซึ่งขนมแต่ละชิ้นถูกปั้นขึ้นด้วยฝีมืออันปราณีต ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกได้ว่าเป็น "ศิลปะที่ลิ้มรสได้" เลยก็ว่าได้

 

 

ที่อยู่ Kobayashi kobo
Kohama i 308-2, Yunotsu, Oda, Shimane
การเดินทาง จากสถานี Izumoshi โดยสารรถไฟ JR San'in Main Line ลงสถานี Yunotsu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.kobayashi-kobo.jp/etsuketaiken-2
https://matsu-reki.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.kankou-shimane.com/en/highlights/9637
https://www.kankou-shimane.com/en/destinations/11924
https://matsu-reki.jp/kiharu/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/932/

 

จังหวัดโอคายาม่า (Okayama)


จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ตั้งอยู่ติดกับทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีขนาดใหญ่อันดับสองรองจากจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้แสนอร่อย จึงถูกเรียกกันว่าเป็น "ดินแดนแห่งผลไม้ และเป็นบ้านเกิดของตำนานนิทานพื้นบ้านโมโมทาโร่

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ได้แก่
・สวนโคระคุเอ็น (Korakuen)
มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น สามารถมองเห็นปราสาทโอคายาม่าได้จากสวนแห่งนี้

・เขตอนุรักษ์คุระชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
ย่านจัตุรัสเมืองเก่าที่ถูกอนุรักษ์มายาวนานกว่า 300 ปี จุดเด่นอยู่ที่อาคารบ้านเรือนดั้งเดิม ที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นย้อนยุค

・ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu Shrine)
ศาลเจ้าที่มีทางเดินไม้ยาวไปตามเนินเขา ดูลึกลับ และยังเป็นศาลเจ้าเชื่อกันว่าเป็นต้นแบบของตำนานพื้นบ้านเรื่องดังอย่าง “โมโมทาโร่”

・ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)
มีอีกชื่อเรียกว่าปราสาทอีกาดำ เนื่องด้วยตัวอาคารปราสาทนั้นเป็นสีดำคล้ายอีกา จากปราสาทเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติในสวนโคระคุเอ็น (Korakuen)

・หมู่บ้านฟุคิยะ (Fukiya Furusato)
เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่สร้างด้วยไม้และมีหลังคาเป็นสีน้ำตาลแดงจากดิน “เบนกะระ” ทำให้ดูเป็นแบบเดียวกันทั่วทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นเอกลักษณ์เด่น

 

งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่โอคายาม่าคือ ประวัติความเป็นมาของแหล่งผลิตยีนส์ที่มีคุณภาพ และมีชื่อเสียง "โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street)

 

กางเกงยีนส์มากมายที่แขวนอยู่บนถนน และป้ายร้านค้าที่ทำออกมาเป็นลวดลายกางเกงยีนส์ ©岡山県観光連盟

 

จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) เป็นจังหวัดที่ให้ความสนใจกับการงานฝีมือ มากกว่าการเกษตกรรม จึงมีการปลูกฝ้าย และมีเมืองโคจิมะ (Kojima) ที่ รู้จักกันในฐานะเมืองแห่งเส้นใยทอผ้าได้ผลิตยีนส์เป็นที่แรกในปี ค.ศ. 1960 จนสามารถสร้างชื่อเสียงในการเป็นแหล่งผลิตยีนส์คุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น และได้กลายหนึ่งในวัฒนธรรมที่คงกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมสมัยโบราณเอาไว้

"โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street) เรียงรายไปด้วยร้านกางเกงยีนส์กว่า 40 ร้าน มียีนส์คุณภาพให้เลือกซื้อกันหลากหลายแบรนด์ บางร้านที่เป็นบริษัทผลิตยีนส์เก่าแก่ได้เปิดให้เข้าชมกระบวนการทอ ย้อม และจัดแสดงคอลเลคชั่นต่าง ๆ

 

พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) ©岡山県観光連盟

 

พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum)

พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) ตั้งอยู่ที่"โคจิมะยีนส์สตรีท" (Kojima Jeans Street) ก่อตั้งขึ้นโดย Betty Smith ผู้ผลิตยีนส์ชื่อดังที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปีค.ศ. 1962 โดยเริ่มจากการผลิตยีนส์สำหรับผู้หญิงก่อน และได้พัฒนาสินค้าให้โดดเด่นติดท้องตลาดมาจนถึงปัจจุบัน

ภายในพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเครื่องจักร เครื่องทอผ้าที่ใช้เย็บกางเกงยีนส์ในสมัยเริ่มก่อตั้ง รวมถึงยังมีการเล่าถึงความเป็นมาของยีนส์ที่ได้เดินทางมาจากอเมริกาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ให้นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงการพัฒนาของยีนส์ในแต่ละยุค

 

เวิร์คช็อปออกแบบกางเกงยีนส์ในสไตล์ของตัวเอง ©️Betty Smith Jeans Museum

 

กิจกรรมทำกางเกงยีนส์ของตัวเอง

ที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปเพื่อออกแบบกางเกงยีนส์ให้เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ตั้งแต่การเลือกเนื้อผ้า เลือกสี ทรงไปจนถึงกระดุม หมุด ตัวตะเข็บ และโลโก้

 

สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ

ใกล้กันยังมีเบ็ตตี้สมิธเอาท์เลต (Betty Smith Factory Outlet) รวบรวมสินค้าเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ เครื่องประดับมากมายให้ได้เลือกซื้อ หรือใครที่ยังช้อปไม่จุใจ ก็ยังมีห้างสรรพสินค้ามิตสึอิเอาท์เล็ตคุระชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki) มีร้านค้าหลายร้อยร้านให้ ได้เพลิดเพลินไปกับส่วนลดมากมาย และการช้อปปิ้งแบบปลอดภาษี

 

เมนูที่ไม่ควรพลาด

โอคายาม่า บาระซูชิ (Okayama Bara-zushi) เต็มไปด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล สีสันน่าทาน ©岡山県観光連盟

 

โอคายาม่า บาระซูชิ (Okayama Bara-zushi)

อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) คือ บาระซูชิ (Barazushi) เป็นซูชิดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จะไม่ได้มีลักษณะเป็นคำ ๆ แต่จะเสิร์ฟมาเป็นข้าวจานเดียว เพราะในสมัยนั้นได้มีกฎหมายออกมาว่าบนโต๊ะอาหารควรมีแค่ข้าวหนึ่งชาม และซุปหนึ่งถ้วย เพื่อเป็นการควบคุมการใช้จ่ายของประชาชน และเพื่อสนับสนุนให้คนใช้ชีวิตอย่างประหยัด

ในชามจะประกอบด้วยข้าวหมักน้ำส้มสายชู ด้านบนเต็มไปด้วยปลาสดจากทะเลเซโตะอาทิ กุ้ง กั้ง ปลาหมึก ปลาไหลอานาโกะ ปลาซาวาระ หรือที่รู้จักว่าปลาอินทรีย เป็นต้น และผักหลากสีหลายชนิดตามฤดูกาล อาทิ แคแรท ถั่วลันเตา เห็ด รากไม้โกโบ

โดยปัจจุบันเมนูบาระซูชิ (Okayama Bara-zushi) จะทานในวันเทศกาล หรือวันเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษเท่านั้น

 

 

ที่อยู่ Betty Smith Jeans Museum
5 Chome-2-70 Kojimashimonocho, Kurashiki, Okayama
การเดินทาง จากสถานี Okayama โดยสารรถไฟ Limited Express Shiokaze ลงสถานี Kojima ใช้เวลา 20 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสประจำทาง ลงป้าย Jeans Museum Entrance ใช้เวลา 15 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://betty.co.jp/
https://www.okayama-kanko.jp/gourmet/11993
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.okayama-japan.jp/en/spot/908
http://kyoudo-ryouri.com/en/food/1509.html
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.okayama-japan.jp/th/spot/908
http://kyoudo-ryouri.com/th/food/1509.html

 

จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)


จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) เป็นจังหวัดเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ติดกับทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย และยังมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่าง โดมปรมาณูฮิโรชิม่า (Atomic Bomb Dome) หรือศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาหารขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอย่างโอโคโนะมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า (Okomiyaki Hiroshima) หรือหอยนางรม

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)ได้แก่
・สวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park)
สวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) สร้างขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1954 เพื่อระลึกถึงเหยื่อจากความสูญเสียของระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงโดมปรมาณูฮิโรชิม่า (Atomic Bomb Dome) ด้วยเช่นกัน

・ สวนชุคเคเอ็น (Shukkei-en Garden)
สวนญี่ปุ่นเก่าแก่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) สร้างขึ้นในช่วงยุคเอโดะ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากทะเลสาบซีหูในประเทศจีนย่อส่วนและผสมความเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยกัน

・ วัดบันไดจิ (Bandai-ji Temple)
วัดที่ตั้งอยู่บนผาหินปลายสุดของคาบสมุทรนุมะคุมะ (Namakuma Peninsula) เชื่อกันว่าวัดสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 992 เป็นวัดที่สามารถชมวิวทะเลที่สวยงามและยังเป็นจุดที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรในเรื่องของการคลอดลูกให้ปลอดภัยและแข็งแรง

・ชิมะนะมิไคโด (Shimanami Kaido)
เส้นทางและสะพานเชื่อมเกาะน้อยใหญ่บริเวณทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) มีระยะทางรวมกันมากถึง 70 กิโลเมตร เหมาะแก่การขับรถกินลมชมวิว โดยเฉพาะคนที่ชอบปั่นจักรยานจะชื่นชอบเส้นทางนี้กันเป็นพิเศษ

・เกาะกระต่ายโอคุโนะชิมะ (Okunoshima)
เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 3.5 กิโลเมตร เป็นสวรรค์ของคนรักกระต่ายอย่างแท้จริง มีกระต่ายกว่าพันตัวอาศัยอยู่ในบริเวณเกาะแห่งนี้

 

งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของฮิโรชิม่า (Hiroshima) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่                 ฮิโรชิม่า คือ เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของหัตกรรมพื้นเมืองของเกาะมิยะจิมะ (Miyajima)

 

 

กวางที่สามารถพบได้ทั่วไปในเกาะมิยาจิม่า (Miyajima)

 

เกาะมิยะจิมะ (Miyajima) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) เป็นแลนด์มาร์คเบอร์หนึ่งของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแวะเวียนมาชมทั้งศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ที่มีเสาสีแดงกลางทะเล และหาทำกิจกรรมหัตกรรมต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วบนเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากมายให้เที่ยว เช่น เขามิเซน (Mount Misen) หรือวัดไดโชอิน (Daisho-in Temple)

 

ประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล

 

ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine)

ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ศาลเจ้าเริ่มสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 593 มีจุดเด่นจากอาคารสีแดงสดที่สร้างยื่นลงไปในทะเลจนเป็นเหมือนกับศาลเจ้าลอยน้ำ มีห้องและอาคารมากมายเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินและสะพานจนกลายเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ และอีกจุดเด่นสำคัญคือประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลห่างออกไปจากศาลเจ้า เป็นจุดที่คนทั่วโลกจะรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีหากพูดถึงฮิโรชิม่า (Hiroshima) หากไปเที่ยวในช่วงน้ำลงก็สามารถเดินไปถ่ายรูปกับเสาโทริอิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

 

แกะสลักจานไม้มิยะจิมะ โบริ (Miyajima-bori) ©️Miyajima Traditional Crafts Center

 

ศูนย์ศิลปะหัตถกรรมพื้นเมืองมิยะจิมะ (Miyajima Traditional Crafts Center)

ภายในศูนย์ศิลปะหัตถกรรมพื้นเมืองมิยะจิมะ (Miyajima Traditional Crafts Center) สามารถทดลองแกะสลักจานไม้ซึ่งเป็นงานศิลปะดั้งเดิมของมิยะจิมะ (Miyajima) โดยการแกะสลักลงไปบนจานไม้เป็นรูปต่าง ๆ และลงสีโดยงานแกะสลักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่ามิยะจิมะ โบริ (Miyajima-bori) นอกจากนี้ยีงสามารถลองทำทัพพีไม้ชาคุชิ (Shakushi) หรือทำขนมโมมิจิมันจู (Momiji Manju)

 

สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ

บริเวณรอบศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) มีถนนช้อปปิ้งมิยะจิมะ โอโมเตะซันโด (Miyajima Omotesando Shopping Street) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (Miyajima Aquarium) วัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) หรือเขาเขามิเซน (Mount Misen) ที่สามารถเดินเทรคกิ้งขึ้นไปได้หรือจะนั่งกระเช้าไฟฟ้าได้เช่นกัน

 

เมนูที่ไม่ควรพลาด

โอโคโนะมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า (Okomiyaki Hiroshima)

 

โอโคโนะมิยากิ ฮิโรชิม่า (Okomiyaki Hiroshima)

โอโคโนะมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่าเป็นอีกหนึ่งเมนูไม่ควรพลาด ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับเมนูนี้แล้วก็ตามเพราะสามารถหาทานได้ทั่วไป แต่สไตล์ฮิโรชิม่านั้นจะมีความแตกต่างในเรื่องของขั้นตอนการทำ โดยการลงแป้งบาง ๆ บนแผ่นกระทะเทปัน จากนั้นใส่ผักกะหล่ำปลีเยอะ ๆ เนื้อสัตว์ กับเส้นโซบะวางซ้อนเป็นชั้นๆ ราดด้วยซอส โป๊ะด้วยต้นหอมและขิงดอง โดยแต่ละร้านก็อาจจะมีวิธีและขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป

 

 

ที่อยู่ Miyajima Traditional Crafts Center
1165-9 Miyajimacho, Hatsukaichi, Hiroshima 739-0588
การเดินทาง จากสถานี  Miyajimaguchi โดยสารเรือ JR Miyajima Ferry ไปที่เกาะ Miyajima ใช้เวลา 10 นาที เดินต่ออีก 2 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
http://miyajimazaiku.com/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://miyajimazaiku.com/mtcc/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/887/
https://www.jnto.or.th/japantransportation/railwaypass/hiroshima.html

 

จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)


จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันตกริมสุดของเกาะฮอนชู (Honshu) ทางผ่านสู่เกาะคิวชู (Kyushu) มีภูมิประเทศแบบภูเขาและมีชายฝั่งทะเล 3 ด้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายทั้งเชิงประวัติศาสาตร์ และธรรมชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ได้แก่
・สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge)
สะพานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1637 เป็นสะพานไม้ที่มีโค้งของสะพานมากถึง 5 โค้ง ตั้งอยู่ในเมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) โดดเด่นมากในช่วงดอกซากุระบาน เป็นหนึ่งในสะพานที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมกันมากที่สุด

・ศาลเจ้าโฮฟุเท็นมังกู (Hofu Tenmangu Shrine)
หนึ่งในสามศาลเจ้าเท็นมังกูเก่าแก่และยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 904 เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้อย่างสุกะวาระ โนะ มิจิซาเนะ (Sugawara no Michizane) ผู้คนเลยนิยมมาขอพรในเรื่องการเรียนนั่นเอง

・ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ จิงจะ (Motonosumi Shrine)
ศาลเจ้าที่มีความโดดเด่นจากประตูโทริอิสีแดงสดเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งมากถึง 123 ต้น ตัดกับสีครามของท้องฟ้าและทะเล จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยวมากมาย ศาลเจ้าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955

・สะพานทสึโนะชิมะ โอฮาชิ (Tsunoshima Ohashi Bridge)
สะพานสึโนะชิมะ โอฮาชิ สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2000 เป็นสะพานที่เชื่อต่อระหว่างเกาะใหญ่กับเกาะทสึโนะชิมะ (Tsunoshima) มีความยาวมากถึง 1,780 กิโลเมตร สามารถถ่ายรูปสะพานที่เป็นเส้นตรงนี้ได้ผ่านจุดชมวิว สามารถเดินหรือปั่นจักรยานข้ามสะพานนี้ได้เช่นกัน

・ถ้ำหินปูนอะคิโยะชิโดะ (Akiyoshido Cave)
ถ้ำหินปูนขนาดใหญอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น มีความสูงของเพดานมากสุดถึง 40 เมตร และสูงมากถึง 80 เมตรที่จุดสูงสุด เชื่อกันว่าถ้ำมีความลึกมากถึง 10 กิโลเมตร แต่สามารถเดินชมได้เพียง 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้น ภายในจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยคงที่ประมาณ 17 องศาเท่านั้น

 

งานคราฟท์ และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ประเพณีที่สะท้อนถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) และกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาที่ยามากุจิคือ โคมไฟปลาทองแห่งเมืองยะนะอิ (Yanai)

 

โคมไฟรูปปลาทองที่ติดอยู่ตามทางเดินในเวลากลางคืน

 

เมืองยะนะอิ (Yanai) ซึ่งในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองของเหล่าพ่อค้าวาณิชย์ จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนของเหล่าพ่อค้าที่งดงามโดดเด่นด้วยกำแพงสีขาวและหลังคามุงกระเบื้องแบบฮงงะวะระ (Hongawara) ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายหลังจากที่มีการนำกระเบื้องมาใช้ในญี่ปุ่น อาชีพหลักแต่เดิมของเมืองยะนะอิ (Yanai) เป็นหมู่บ้านที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการประมงเป็นหลัก เนื่องด้วยเป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเล ทำให้มีแนวคิดของการทำโคมไฟที่เป็นเอกลักษณ์นั้นก็มาจากพ่อค้าภายในเมืองยะนะอิ (Yanai) โดยมีแรงบันดาลใจจากโคมไฟเทศกาลเนบุตะ (Nebuta Festival) ในอาโอโมริ (Aomori) ทำให้เกิดนำไอเดียต่างๆมาหล่อร่วมกันจนมาสร้างเป็นโคมไฟรูปปลาทองนั่นเอง

 

โคมไฟปลาทองที่ตกแต่งบริเวณถนนกำแพงสีขาวเมืองยะนะอิ (White wall townscape)

 

ถนนกำแพงโบราณเมืองยะนะอิ (White wall townscape)

เมืองยะนะอิ (Yanai) เมืองท่าการประมงและค้าขายที่สำคัญของอิวะคุนิ (Iwakuni) ร้านค้า และโกดังต่าง ๆ ถูกตกแต่งด้วยสีขาว และกระเบื้องหลังคาตั้งแต่ช่วงปลายยุคเอโดะ (Edo period) จนถึงต้นยุคเมจิ (Meiji period) จนกลายเป็นภาพจำของเมือง และยังถูกเรียกกันว่าถนนกำแพงสีขาวเมืองยะนะอิ (White wall townscape) โดยเฉพาะโคมไฟรูปปลาทองที่ตกแต่งอยู่หน้าบ้านและร้านค้าต่าง ๆ ตลอดเส้นทางเดินเป็นส่วนสำคัญที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาท่องเที่ยวที่เมืองแห่งนี้

ทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคมของทุกปีเมืองยะนะอิ (Yanai) จะจัดงานเทศกาลฤดูร้อนประจำเมืองอย่างเทศกาลโคมไฟปลาทองเมืองยะนะอิ (Yanai Goldfish Lartern Festival) โดยจะมีการตกแต่งโคมไฟปลาทองกระจายอยู่ทั่วเมือง มีการเต้นรำ แสดงดนตรี และขบวนพาเรดโคมไฟปลาทองยักษ์กว่า 30 ตัวเลยทีเดียว หรือใครอยากลองทำโคมไฟปลาทอง สามารถทดลองทำโคมไฟปลาทองที่ได้ยะนะอิ นิชิกุระ (Yanai-nishigura)

 

ทดลองทำ และลงสีโคมไฟปลาทอง

 

กิจกรรมทดลองทำโคมไฟปลาทอง

ที่ยะนะอิ นิชิกุระ (Yanai-nishigura) สามารถทดลองทำโคมไฟปลาทองได้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยการลงสีกระดาษ ติดครีบ ติดหาง และประกอบรวมกันจนเป็นโคมไฟปลาทองที่น่ารักได้ นอกจากนี้ยังสามารถทดลองการทอผ้ายะนะอิ (Yanai) และย้อมสีได้เช่นกัน

 

สถานที่เที่ยวใกล้เคียงอื่นๆ

บริเวณถนนกำแพงสีขาวเมืองยะนะอิ (White wall townscape) มีร้านค้าร้านอาหารกระจายอยู่หลายแห่ง สามารถเช่าชุดยูกะตะมาเดินเล่นในเมืองพร้อมถ่ายรูปกับโคมไฟปลาทองได้ หรือจะไปชมโรงผลิตซอสถั่วเหลืองสูตรดั้งเดิมของเมืองได้ที่โรงงานผลิตโชยุ ซากะวะ (Sagawa Shoyu-gura) หรือเรียนรู้เรื่องราวของเมืองยะนะอิ (Yanai) ที่พิพิธภัณฑ์ทิวทัศน์เมืองยะนะอิ (Yanai City Townscape Museum)

 

เมนูที่ไม่ควรพลาด

ซาชิมิปลาปักเป้า

 

เมนูปลาปักเป้ารสเด็ด

ปลาปักเป้า (Fugu) เป็นเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) นิยมนำมาแร่บาง ๆ เป็นซาชิมิ โดยปกติแล้วปลาปักเป้าจะมีพิษ แต่ถ้าหากเชฟคนนั้นได้สอบใบอนุญาตการแร่ปลาปักเป้าแล้วล่ะก็มั่นใจในฝีมือและคุณภาพได้อย่างแน่นอน นับเป็นเมนูที่หาทานได้ยากและควรค่าแก่การลิ้มลอง

 

 

ที่อยู่ Yanai-nishigura
3700-8 Yanai, Yamaguchi 742-0021
การเดินทาง จากสถานี  Yanai  เดิน 10 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.city-yanai.jp/site/kanko-shisetsu/yanainishigura-taikemmenu.html
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.visit-jy.com/en/spots/17554
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.visit-jy.com/th/spots/17554

 

เพจที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages