การเดินทางด้วยรถไฟ นอกจากจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศสองข้างทางที่สวยงาม และพักผ่อนในห้องพักสุดหรู พร้อมบริการครบครันแล้ว ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น
รถไฟในประเทศญี่ปุ่นมีให้เลือกโดยสารทั้งรถไฟโดยสารธรรมดา รถไฟท่องกลางคืน และรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งนั่งเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะค้างคืนบนรถไฟก็ล้วนสะดวกสบาย พร้อมกับมอบประสบการณ์เหนือระดับอันยากที่จะลืมเลือน
ครั้งนี้จะมาแนะนำ 4 ขบวนรถไฟสุดหรู
Twilight Express Mizukaze
Twilight Express Mizukaze เป็นขบวนรถไฟของบริษัท JR West ให้บริการแบบโรงแรม 5 ดาว ผ่านคอนเซปต์ที่ว่า “คุณภาพสุดพิเศษ ผ่านการสัมผัสของความคิดถึง” (“Superior quality with a touch of nostalgia”) เริ่มให้บริการครั้งแรกในปีค.ศ. 2017
รถไฟจะวิ่งผ่านเส้นทางตะวันตกของญี่ปุ่นระหว่างโอซาก้า (Osaka) และเกียวโต (Kyoto) ไปยังชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) ในจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) มีทั้งหมด 5 คอร์ส ตั้งแต่ 1 คืน 2 วันถึง 2 คืน 3 วัน
ตารางเดินรถ และเส้นทางให้บริการของรถไฟ Twilight Express Mizukaze
・เส้นทาง Sanin Course (มุ่งหน้าสู่ Shimonoseki)
วิ่งจากโอซาก้า (Osaka) ไปยังชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) ระหว่างทาง พักเที่ยวที่คะสุมิ (Kasumi) และฮากิ (Hagi) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
・เส้นทาง Sanin Course (มุ่งหน้าสู่ Shin-Osaka )
วิ่งจากชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) ไปยังชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ระหว่างทาง แวะที่เมืองอิซูโมะ (Izumo) และโตะโตริ (Tottori) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
・เส้นทาง Sanyo Course (มุ่งหน้าสู่ Shimonoseki)
วิ่งจากชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ไปยังชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) ระหว่างทาง พักเที่ยวที่คุระชิกิ (Kurashiki) และอิวะคุนิ (Iwakuni)ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
・เส้นทาง Sanyo Course (มุ่งหน้าสู่ Osaka)
วิ่งจากชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) ไปยังโอซาก้า (Osaka) ระหว่างทาง พักเที่ยวที่มิยะจิมะ (Miyajima) และโอโนะมิจิ (Onomichi) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
・เส้นทาง Sanyo / Sanin Course (วิ่งวนรอบ)
วิ่งจากชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ไปยังชิโมะโนะเซคิ (Shimonoseki) พักเที่ยวที่โอคายาม่า (Okayama) , มัสสึเอะ (Matsue), โตะโตริ (Tottori) และ ฮิกาชิฮาม่า (Higashihama) และกลับมาที่ชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน
การตกแต่งภายในรถไฟ
ขบวนด้านนอกตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีเขียว MIZUKAZE Green ที่สืบทอดมาจากขบวนรถไฟทไวไลท์เอ็กซ์เพรสในอดีต ให้ดูกลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ และตัดด้วยสีทองให้ดูโดดเด่น
ส่วนการออกแบบภายในได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะแนว Art Deco (อลังการศิลป์) ที่ได้รับความนิยมในช่วงปี ค.ศ.1920 และ 1930 องค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์จะถูกตกแต่งให้อย่างหรูหราสวยงาม ราวกับว่าได้พักอยู่ในโรงแรมห้าดาวเคลื่อนที่ อีกทั้งยังกว้างขวางด้วยหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบเต็มตา
Twilight Express Mizukaze ประกอบโดยตู้รถไฟทั้งหมด10 ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมดประมาณ 30 ท่าน ได้แก่
ตู้หมายเลข 1 และตู้หมายเลข 10 : จุดชมวิว (Observation cars) ที่อยู่บริเวณหัวขบวน และท้ายขบวน ให้ผู้โดยสารได้เห็นวิวธรรมชาติแบบพาโนราม่าผ่านกระจกใสบานใหญ่
ตู้หมายเลข 2 -4 และตู้หมายเลข 8-9 : ห้องพักคู่/เดี่ยว (Twin/Single rooms) ที่ใช้วัสดุไม้จาก 5 จังหวัดในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) สร้างบรรยากาศความอบอุ่น
ตู้หมายเลข 7 : ห้องสวีท (Suite) มาพร้อมอ่างอาบน้ำให้แช่ และระเบียงส่วนตัว ด้านในตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตา
ตู้หมายเลข 5 : เลาจน์ (Lounge car) ที่สามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรืองจิบเครื่องดื่ม ได้ที่เคาน์เตอร์บาร์ การตกแต่งเน้นใช้วัสดุไม้เป็นให้เอกลักษณ์ มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ตู้หมายเลข 6 : ห้องอาหาร (Dining car) ที่ผู้โดยสารสามารถอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารที่ทำสดใหม่บนขบวนรถไฟ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่เคลื่อนไหว และเปลี่ยนไปตลอดเวลา
*ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเดินทาง กรุณาเช็คที่เว็บไซต์โดยตรง
อาหารบนรถไฟ
เมนูอาหารถูกแพลนโดยนักเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารชื่อดังอย่างคุณทาเคชิ คาโดคามิ (Takeshi Kadokami) ประกอบด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลจากท้องถิ่นที่รถไฟแล่นผ่าน และปรุงกันสด ๆ บนขบวนรถไฟ เพื่อให้ผู้โดยสารได้เชื่อมโยงความเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นตะวันตกผ่าน “อาหาร” นั่นเอง
อาหารแต่ละจานจะถูกรังสรรค์ และปุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟจากร้านอาหารชื่อดังมากมาย มีทั้งเมนูอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม เมนูอาหารญี่ปุ่นแบบฟิวชั่น อาหารอิตาเลี่ยน เมนูเนื้อ ข้าวหน้าปลาไหล เป็นต้น โดยจะเสิ์ฟเป็นคอร์ส ให้ทุกคนได้รื่นรมย์กับรสชาติ พลางเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามจากหน้าต่างของรถไฟ
*อาหารของเชฟแต่ละคน จะถูกเสิร์ฟแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละเที่ยว สามารถตรวจสอบว่าเชฟท่านไหน เสิร์ฟอาหารเที่ยวใดบ้างทางหน้าเว็บไซต์
https://www.twilightexpress-mizukaze.jp/en/about/dining.html
วิวที่สามารถเห็นได้จากบนรถไฟ
ระหว่างการเดินทางจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea), ภูเขาไดเซ็น (Mt. Daisen) และทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea islands) รวมถึงยังได้สัมผัสประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของเมืองเกียวโต (Kyoto),เมืองมัตสึเอะ (Matsue), เมืองอิซุโมะ (Izumo) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และ เมืองมิยะจิมะ (Miyajima) ผ่านหน้าต่างบานใหญ่
สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ที่รถไฟจะจอดให้แวะลงไปเดินเล่นได้แก่
・เส้นทาง Sanin Course (มุ่งหน้าสู่ Shimonoseki)
จะแวะวัดไดโจ (Daijo-ji Temple) ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) และศาลเจ้าโชอิน (Shoin Shrine) ในจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
・เส้นทาง Sanin Course (มุ่งหน้าสู่ Shin-Osaka )
จะแวะศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine) ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane), เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum)ในจังหวัดทตโทริ (Tottori)
・เส้นทาง Sanyo Course (มุ่งหน้าสู่ Shimonoseki)
จะแวะเขตอนุรักษ์คุระชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ในจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) และสะพานคินไตเคียว ในจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
・เส้นทาง Sanyo Course (มุ่งหน้าสู่ Osaka)
จะแวะศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) บนเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) และพิพิธภัณฑ์เส้นทางสายไหมฮิรายามะอิกูโอ (Hirayama Ikuo Museum of Art) ในเมืองโอโนมิจิ (Onomichi) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)
・เส้นทาง Sanyo / Sanin Course (วิ่งวนรอบ)
จะแวะเนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum)ในจังหวัดทตโทริ (Tottori), เขตอนุรักษ์คุระชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter), สวนโอคายาม่าโคระคุเอ็ง (Okayama Korakuen) ในจังหวัดโอคายาม่า (Okayama)
ชื่อรถไฟ | ทไวไลท์ เอ็กซ์เพรส มิซุคาเซะ (Twilight Express Mizukaze) |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.twilightexpress-mizukaze.jp |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.twilightexpress-mizukaze.jp/en/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
Train Suite Shikishima
Train Suite Shikishima เป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยวสุดหรูของบริษัท JR East ที่จะพาไปยังดินแดนภาคตะวันออกของญี่ปุ่น เริ่มให้บริการครั้งแรกในปีค.ศ. 2017 ภายใต้แนวคิด “การเดินทางเพื่อสัมผัสกับเสน่ห์ของไฮไลท์ที่ซ่อนอยู่” (Shinyu-Tanbo / 深遊探訪) ระหว่างการเดินทาง ผู้โดยสารจะได้ดื่มด่ำกับ 4 ฤดูกาลของญี่ปุ่นที่งดงามแตกต่างกัน ตามชื่อรถไฟ “Shiki-shima” ที่หมายความว่า “เกาะแห่ง 4 ฤดู” ไปพร้อมๆ กับการบริการแบบโอโมเทะนาชิ (Omotenashi) จากลูกเรือ
รถไฟจะวิ่งผ่านเส้นทางโตเกียว (สถานี Ueno) ไปยังภูมิภาคโทโฮคุ ภูมิภาคฮอกไกโดตอนใต้ และอื่น ๆ โดยจะมีทั้งหมดหลายคอร์สให้เลือก ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล ตั้งแต่ 1 คืน 2 วัน ถึง 3 คืน 4 วัน
ตารางเดินรถ และเส้นทางให้บริการของรถไฟ Train Suite Shikishima
・เส้นทาง 2-Day/1-Night Trip (Yamanashi)
วิ่งจากสถานี Ueno ในโตเกียว ไปยังจังหวัดนีงาตะ (Niigata) – จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
(สำหรับฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง : เดือนเมษายน พฤษภาคม ตุลาคมและพฤศจิกายน)
・เส้นทาง 2-Day/1-Night Trip (Nagano)
วิ่งจากสถานี Ueno ในโตเกียว ไปยังจังหวัดนีงาตะ (Niigata) – จังหวัดนากาโนะ (Nagano) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
(สำหรับฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง : เดือนมิถุนายน-กันยายน)
・เส้นทาง 4-Day/3-Night Trip (Southern Hokkaido)
วิ่งจากสถานี Ueno ในโตเกียว ไปยังฮาโกะดาเตะ (Hakodate) จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) – ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน
(สำหรับฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง : เดือนเมษายน ถึงพฤศจิกายน)
・เส้นทาง 2-Day/1-Night Trip (สำหรับฤดูหนาว)
วิ่งจากสถานี Ueno ในโตเกียว ไปยังจังหวัดชิบะ (Chiba) – จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
เส้นทางอื่นๆ กรุณาเช็คที่หน้าเว็บไซต์
ชานชลาจะอยู่ที่สถานี Ueno ใจกลางโตเกียว ผู้โดยสารสามารถมานั่งรอที่ห้องรับรองส่วนตัว Prologue Shiki-shima ซึ่งเป็นพื้นที่ตกแต่งสไตล์หรูหรา และผ่อนคลายชวนสร้างอารมณ์ สุดพิเศษให้ผู้โดยสารก่อนที่จะก้าวออกเดินทาง และเมื่อถึงเวลา บัทเลอร์จะพาผู้โดยสารเดินไปยังชานชลา Platform 13.5 ตั้งอยู่ระหว่างชานชลา 13 และ 14 ติดกับห้องรับรอง Prologue Shiki-shima และถูกสร้างมาเพื่อรถไฟ Train Suite Shiki-shima โดยเฉพาะ
การตกแต่งภายในรถไฟ
การตกแต่งภายนอกขบวนรถ เน้นใช้สีแชมเปญโกลด์ให้ความรู้สึกหรูหรา ส่วนภายในตู้โดยสารได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้โดยสารได้นั่งชมวิวทิวทัศน์ในชนบทที่งดงามของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเลาจน์ ห้องพัก หรือห้องอาหาร ก็จะตกแต่งด้วยวัสดุชั้นเลิศ ผสมผสานกับการใช้เทคนิคงานฝีมือของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออกเข้าด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นฝาผนังที่ใช้ลวดลายญี่ปุ่น งานไม้ดัดโค้ง เครื่องเคลือบต่างๆ ก็สามารถพบได้โดยรอบรถไฟ ซึ่งสะท้อนถึงงานหัตถศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
Train Suite Shiki-shima ประกอบโดยตู้รถไฟทั้งหมด10 ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมดประมาณ 34 ท่าน ได้แก่
ตู้หมายเลข 1 และตู้หมายเลข 10 : จุดชมวิว (View Terrace Kizashi) และ (View Terrace Ibuki) ที่อยู่บริเวณหัวขบวน และท้ายขบวน ตกแต่งด้วยกำแพงสีขาว ตัดกับพรมสีเขียวที่ชวนให้นึกถึงหญ้ามอส ที่นั่งโซฟาถูกจัดให้หันหน้าเข้าหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เพื่อให้ผู้โดยสารได้ชมวิวอันตระการตาข้างนอกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ตู้หมายเลข 5 : เลาจน์ (Lounge Komorebi) ห้องสังสรรค์ที่เป็นประตูสู่ Train Suite Shiki-shima อยู่บริเวณกลางขบวน ออกแบบให้ดูเหมือนอยู่ในป่าอันเงียบสงบ ตกแต่งด้วยงานฝีมือที่ใช้เทคนิคแบบดั้งเดิมที่ถูกส่งผ่านต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น อย่างงานไม้ดัดโค้งที่สื่อถึงกิ่งไม้ ผสมผสานกับหน้าต่างที่มีรูปร่างแปลกตา นอกจากนี้ภายในตู้โดยสารนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์ มีการแสดงเปียโนสด และมีค็อกเทล (Cocktail) สูตรพิเศษไว้บริการอีกด้วย
ตู้หมายเลข 6 : ห้องอาหาร (Dining car) ให้บริการอาหารฝรั่งเศสที่ใส่ใจในวัตถุดิบตามฤดูกาลจากท้องถิ่นต่างๆ ของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก
ตู้หมายเลข 7 : ห้องสวีทชิกิชิมะ (Shiki-shima Suite Room) ห้องพักแบบสองชั้น ที่มีห้องนั่งเล่นแบบเสื่อทาทามิอยู่ชั้นบนติดกับหน้าต่างชมวิว และด้านล่างเป็นเตียงนอน และห้องดีลักซ์ (Deluxe Suite Room) ที่ออกแบบดูทันสมัย หรูหรา มาพร้อมกับหน้าต่างบานใหญ่ ทั้งสองห้องมีอ่างอาบน้ำทำด้วยไม้ไซเปรส
ตู้หมายเลข 2-4 และตู้หมายเลข8-9 : ห้องพัก (Suite room) มีทั้งหมด 15 ห้องนอน ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำขึ้นจากความปราณีต อย่างผนังไม้ใช้น้ำมันเคลือบเงาโจโบจิ ซึ่งเป็นเทคนิคของจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) หรือตู้ไม้ที่ถูกออกแบบให้เหมือนกับหีบโบราณของเมืองเซนได (Sendai)
*ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเดินทางกรุณาเช็คที่เว็บไซต์โดยตรง
อาหารบนรถไฟ
อาหารทุกมื้อบนรถไฟถูกเตรียมอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลจากภาคตะวันออกของญี่ปุ่น และฮอกไกโดโดยหัวหน้าเชฟซาโตะ ชิเกะรุ (Sato Shigeru) นอกจากอาหารฝรั่งเศสแล้ว ยังได้เชฟจากร้านชื่อดังที่อยู่ระหว่างเส้นทาง ขึ้นรถไฟเพื่อมาโชว์ลีลาทำอาหาร และเสิร์ฟความอร่อยให้ผู้โดยสารได้ลิ้มลองระหว่างเพลิดเพลินวิวด้านนอก
วิวที่สามารถเห็นได้จากบนรถไฟ
ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันสวยงามตลอดชายฝั่งแปซิฟิค และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของญี่ปุ่น รวมถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่แทรกซึมอยู่ตามชีวิตประจำวันของผู้คนท้องถิ่น
สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่รถไฟจะจอดให้แวะลงไปเดินเล่นได้แก่ สถานี Obasute ที่มีห้องรับรองเฉพาะสำหรับแขกของ Train Suite Shiki-shima สามารถมองลงมายังที่ราบเซนโคจิ, โรงบ่มไวน์ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) หรือจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะจังหวัดผลิตไวน์, เกาะมัตสึชิมะ (Matsushima) หนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น, เมืองนิเซโกะ (Niseko)ในฮอกไกโด (Hokkaido)เป็นต้น
*เนื่องจากเส้นทางของ Train Suite Shiki-shima มีให้เลือกหลากหลาย ทำให้ทัศนียภาพที่สามารถเห็นได้จากบนรถไฟ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และสถานที่ที่รถไฟหยุดแล่น
ชมวิดิโอ
ชื่อรถไฟ | เทรนสวีท ชิกิชิมะ (Train Suite Shikishima) |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.jreast.co.jp/shiki-shima/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.jreast.co.jp/shiki-shima/en/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.jnto.or.th/newsletter/train-suite-shikishima/ |
THE ROYAL EXPRESS
The Royal Express รถไฟท่องเที่ยวสุดหรูของบริษัท Tokyu Railway ที่วิ่งให้บริการระหว่างสถานีโยโกฮามะ (Yokohama) กับสถานีอิซุคิว ชิโมดะ (Izukyu-Shimoda) ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) วิ่งเลียบไปตามชายฝั่งทะเลแปซิฟิกตลอดการเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง
The Royal Express มีบริการอาหารชั้นเลิศ 3 สไตล์ให้เลือกทั้ง อาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก อาหารฝรั่งเศส หรือเมนูพิเศษสำหรับบางแพลนการเดินทางซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเดินทางเที่ยวเดียว และแพลน 2 วัน 1 คืนโดยการนอนค้างคืนที่เรียวกังชื่อดังให้เลือกเข้าพัก
การตกแต่งภายในรถไฟ
The Royal Express ใช้สีน้ำเงินเป็นสีหลักของสีภายนอกรถ มีเส้นสีทองคาดยาวตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงอีกด้านหนึ่งของขบวน พร้อมตัวอักษรและโลโก้สีทองที่ไม่ว่าจะมองเห็นจากที่ไกลหรือใกล้ก็จะรับรู้ได้ทันทีว่ารถไฟขบวนนี้หรูหรา และพิเศษกว่ารถไฟขบวนไหน ๆ
The Royal Express ได้รับการออกแบบโดย เออิจิ มิโตโอกะ (Eiji Mitooka) นักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ฝากผลงานการออกแบบรถไฟในญี่ปุ่นกว่าหลายสิบรุ่น ภายใต้คอนเซปท์ Beauty, Sparkling Journey
การตกแต่งภายในจะเป็นการตกแต่งในสไตล์ Victorian ผสมผสานกับความเป็นญี่ปุ่นของการใช้ไม้เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการบรรเลงเปียโน และไวโอลินสด ๆ ให้ได้เพลิดเพลินในระหว่างการเดินทางอีกด้วย
The Royal Express ประกอบไปด้วยตู้รถไฟ 8 ตู้ ได้แก่ตู้โดยสารมากมายที่สามารถเพลิดเพลินกับคอร์สอาหารสุดหรู ไปพร้อมๆ ฟังการบรรเลงเปียโน, ตู้อเนกประสงค์ที่ไว้สำหรับจัดอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงยังมีตู้รถไฟทั้งตู้ที่เป็นส่วนของห้องครัวไว้สำหรับเตรียมอาหารบริการผู้โดยสารอีกด้วย
ราคาสำหรับ 1 เที่ยว เริ่มต้น 39,000 เยน ต่อ 1 คน พร้อมอาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก หรืออาหารฝรั่งเศส
สำหรับแพลน 2 วัน 1 คืน เริ่มต้น 170,000 เยน ต่อ 1 คน 1 สำหรับห้องพักแบบ 2-4 คน สามารถเลือกโรงแรมหรือเรียวกังได้จากในลิสท์ พร้อมอาหารตามแพลนที่ได้เลือกไว้
อาหารบนรถไฟ
อาหารที่บริการบนรถไฟสามารถเลือกได้ 3 ประเภท - อาหารญี่ปุ่น จากร้าน Rakan ร้านอาหารยอดนิยมที่ให้บริการอาหารแบบโอมาคาเสะเท่านั้น มีการนำเสนอเมนูในรูปแบบพิเศษแบบฉบับของทางร้านไม่เหมือนที่ไหน ๆ
- อาหารตะวันตก จากร้าน Shunko-Tei ที่ได้หยิบวัตถุดิบท้องถิ่นมาทั้งพืชผลและอาหารทะเลมาปรุงในสไตล์ตะวันตกจนเกิดเป็นเมนูอาหารในรูปแบบใหม่
- อาหารฝรั่งเศส จากร้าน Hermïon ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูในอิซุ (Izu) ที่นำเสนออาหารฝรั่งเศสที่นำวัตถุดิบท้องตามฤดูกาลมาเป็นส่วนผสมหลัก แต่ยังคงรสชาติและสัมผัสของอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมได้
*แต่ละเที่ยวจะมีอาหารให้เลือกเพียง 1 ประเภทเท่านั้น
สามารถตรวจสอบตารางได้ทางหน้าเว็บไซต์
https://www.the-royalexpress.jp.e.ajm.hp.transer.com/calendar/
วิวที่สามารถเห็นได้จากบนรถไฟ
ระหว่างการเดินทางสามารถมองเห็นทะเลแปซิฟิกได้อย่างกว้างขวาง เพราะเส้นทางรถไฟที่เดินทางไปสถานีอิซุคิว ชิโมดะ (Izukyu-Shimoda) นั้น จะวิ่งเลียบไปกับแนวชายฝั่งของคาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) และยังผ่านเมืองต่าง ๆ ระหว่างทางอีกด้วย
ที่อยู่ | เดอะรอยัล เอ็กซ์เพรส (The Royal Express) |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.the-royalexpress.jp/ https://www.izukyu.co.jp/train/royal.php |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.japan.travel/en/luxury/detail/royal-express/ https://www.japanstation.com/the-royal-express-japans-newest-luxury-cruise-train-begins-tours-of-the-izu-peninsula/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
“36+3” (Sanjyu-Roku plus San)
36+3 (Sanjyu-Roku plus San) รถไฟท่องเที่ยวที่จะมอบประสบการณ์แบบเฟิร์สคลาสให้กับผู้โดยสารตลอดการเดินทางผ่านความสวยงาม และหรูหราของการออกแบบ และตกแต่งภายในรถไฟ
เลข “36” ที่อยู่ในชื่อของรถไฟ มาจากอันดับขนาดของเกาะคิวชู (Kyushu) ที่อยู่ในอันดับที่ 36 ของโลก ส่วน “+3” มาจากการรวมกันของสามคำนิยาม “ความตื่นเต้น” “ความประทับใจ” และ “ความสุข” ที่จะได้รับระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วยังได้ใกล้ชิดกับชาวบ้านท้องถิ่นที่จะออกมาต้อนรับพร้อมขายขนม ของว่าง หรือของฝากในสถานีรถไฟบางแห่งที่รถจะหยุดจอดในระหว่างทาง
นอกจากนี้ 36+3 = “39” หรือในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า “ซังคิว” ก็ยังพ้องเสียงกับคำว่า Thank you ด้วยเช่นกัน
36+3 (Sanjyu-Roku plus San) เริ่มให้บริการครั้งแรกในปีค.ศ. 2020 บริหารโดย JR Kyushu Railway Company วิ่งรอบเกาะคิวชู (Kyushu) ตั้งแต่สถานีฮากาตะ (Hakata) ไปตามเมืองหลักของจังหวัดต่าง ๆ และวนกลับมาที่สถานีฮากาตะ (Hakata) อีกครั้งระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันจันทร์
ตารางเดินรถ และเส้นทางให้บริการของรถไฟ 36+3
วันพฤหัสบดี: ฮากาตะ (Hakata) - คุมะโมโตะ (Kumamoto) - คาโกชิม่า-ชูโอ (Kagoshima-Chuo)
วันศุกร์: คาโกชิม่า-ชูโอ (Kagoshima-Chuo) - มิยาซากิ (Miyazaki)
วันเสาร์: สนามบินมิยาซากิ (Miyazaki Airport) - เบปปุ (Beppu)
วันอาทิตย์: โออิตะ (Oita) - ฮากาตะ (Hakata)
วันจันทร์: ฮากาตะ (Hakata) - นางาซากิ (Nagasaki) *ไปและกลับ
การตกแต่งภายในรถไฟ
ด้านนอกขบวนใช้สีดำเป็นสีหลักของรถไฟ ได้เออิจิ มิโตโอกะ (Eiji Mitooka) ซึ่งเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชื่อดัง เป็นคนออกแบบรถไฟขบวนนี้อีกเช่นเดียวกับขบวน The Royal Express
การตกแต่งภายในเน้นไม้เป็นส่วนประกอบหลัก มีทั้งห้องส่วนตัว และที่นั่งแบบปกติ และพิเศษยิ่งกว่าด้วยตู้รถไฟที่ปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิที่ตู้หมายเลข 1 และ 6 ซึ่งจำเป็นจะต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไป
รถไฟ 36+3 หนึ่งขบวนประกอบไปด้วย 6 ตู้ (Green Car ทั้งหมด) โดยแบ่งออกเป็น
ตู้หมายเลข 1 : กรีนคาร์ (Green Car/Private room type) พื้นรถไฟปูด้วยเสื่อตาตามิ ห้องส่วนตัวสำหรับ 3 - 4 คน จำนวน 4 ห้อง
ตู้หมายเลข 2 : กรีนคาร์ (Green Car/Private room type) ห้องส่วนตัวสำหรับ 3 - 6 คน จำนวน 3 ห้อง และห้องสำหรับรถวีลแชร์ 2 ที่นั่ง
ตู้หมายเลข 3 : บาร์ (Bar counter / Drink) บาร์ขนม และเครื่องดื่ม พร้อมห้องส่วนตัวแบบ 2 คน จำนวน 6 ห้อง
ตู้หมายเลข 4 : เลาจน์ (Lounge Car ) ตู้อเนกประสงค์
ตู้หมายเลข 5 : กรีนคาร์ (Green Car/Nomal seat type) ที่นั่งจำนวน 30 ที่
ตู้หมายเลข 6 : กรีนคาร์ (Green Car/Nomal seat type) พื้นรถไฟปูด้วยเสื่อตาตามิ ที่นั่งจำนวน 27 ที่
ค่าเดินทางราคาเริ่มต้นประมาณ 10,000 เยนต่อคน โดยราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเส้นทางและวันที่เลือก
อาหารบนรถไฟ
บนรถไฟจะมีการเสิร์ฟเบนโตะให้สำหรับคนที่จองล่วงหน้าแบบ Meal Plan โดยเมนูอาหารจะเปลี่ยนไปตามเส้นทางต่าง ๆ โดยการรังสรรค์เมนูจากเชฟท้องถิ่นของแต่ละเส้นทาง นำเสนอเมนูชั้นเลิศจากวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันมาพร้อมกับผ้าห่อเบนโตะที่สามารถเก็บไว้เป็นของที่ละลึกได้อีกด้วย โดยมีให้สะสมถึง 5 สี ตามเส้นทางต่าง ๆ ที่เดินทางนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีของว่าง และเครื่องดื่มมากมายให้ได้เลือกซื้อบริเวณบาร์ตู้หมายเลข 3 ด้วยเช่นกัน
วิวที่สามารถเห็นได้จากบนรถไฟ
36+3 เป็นรถไฟที่วิ่งบนสาย JR รอบเกาะคิวชู (Kyushu) วิ่งผ่านป่า เขา และบางส่วนอาจจะเห็นวิวทะเลได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากเดินทางเส้นทางสีดำประจำวันศุกร์ ก็จะสามารถเห็นภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakurajima) ได้จากภายในรถไฟ เป็นต้น และในระหว่างการเดินทาง รถไฟจะแวะพักระหว่าง 10 ถึง 30 นาที ในบางสถานีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะซื้อหรือชิมสินค้าท้องถิ่นที่ชาวบ้านนำมาตั้งขายบริเวณสถานีเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย รวมถึงบางสถานีก็จะออกไปเดินชมเมืองได้ในระยะเวลาหนึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งรถไฟก็จะจอดพักประมาณ 50 ถึง 60 นาที
สามารถตรวจสอบแพลนการเดินทางของแต่ละเส้นทางได้ทางเว็บไซต์
https://www.jrkyushu-36plus3.jp/about/dia/
ที่อยู่ | 36+3 (Sanjyu-Roku plus San) |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.jrkyushu-36plus3.jp/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.jrkyushu.co.jp/english/booking/pdf/00_363_201016.pdf |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.jnto.or.th/enjoy-more-of-japan/article/spot17/ |
เพจที่เกี่ยวข้อง
- 5 ขบวนรถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีทั่วประเทศญี่ปุ่น
- 5 เส้นทางรถไฟสายสีขาว ชมวิวฤดูหนาวสุดโรแมนติกที่ญี่ปุ่น
- ทริป 2 วัน 1 คืน นั่งรถไฟ GENBI SHINKANSEN ไปชมงานคราฟท์เหล็กสุดประณีต และชมซากุระที่ ทสึบะเมะซันโจ (Tsubame Sanjo), จังหวัดนีงะตะ (Niigata)
- รถไฟออเร้นจ์ โชคุโดะ (Orange Shokudo Train) ห้องอาหารเคลื่อนที่แห่งคิวชู (Kyushu)
- เที่ยวเมืองไอซุด้วยสายรถไฟท้องถิ่นสุดโรแมนติกทะดะมิ (JR Tadami Line)
- นั่งรถไฟฟรุทเทียฟุคุชิมะ (FruiTea Fukushima) เที่ยวเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizu-Wakamatsu)