HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

เหนือสุดของญี่ปุ่น สัมผัสห้วงเวลาบริสุทธิ์

 

เมืองวักกะไน (Wakkanai) ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น

บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) โอบล้อมด้วยทะเลโอค็อตสค์ (Okhotsk) สภาพอากาศเมืองวักกะไน (Wakkanai) มีอากาศหนาวเย็น ในฤดูร้อนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 17° C และในฤดูหนาวอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ -5° C แนะนำให้ใส่เสื้อกันหนาว หรือเสื้อกันลมช่วยให้อบอุ่น

 

สถานที่เที่ยวน่าสนใจ

เมืองวักกะไน (Wakkanai) เป็นเมืองที่เงียบสงบ รายล้อมด้วยธรรมชาติ และทะเลอันสมบูรณ์ และมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย อาทิเช่น
・แหลมโซยะ (Soya Cape) เป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเหนือสุดของญี่ปุ่น หากวันไหนอากาศดีก็สามารถมองเห็นถึงเกาะซาฮาลิน (Sakhalin) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียจากตรงนี้ได้เลย
・เนินเขาโรลลิ่งโซยะ (The Rolling Soya Hills) เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่มีกังหันลมขนาดใหญ่กว่า 57 ตัวตั้งตระหง่านโดดเด่น ส่วนหนึ่งของพื้นที่ มี “ถนนสีขาว” (Soya Kyuryo) ที่เรียงรายไปด้วยเศษเปลือกหอย ทอดยาวตรงไปสู่ทะเล ระยะทางประมาณ 3 กม.
・แนวกำแพงกั้นลม (Wakkanai North Break water Dome) สร้างเป็นโดมสำหรับกันคลื่น และลมเข้ามาบริเวณท่าเรือ
・ถ้ำนาคะโทมเบ็ทสึ (Nakatombetsu Cave) ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว ภายในถ้ำจะมีน้ำแข็งห้อยย้อยลงมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ เป็นต้น

 

อาหารท้องถิ่นชื่อดัง

กระแสน้ำจากทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea) และทะเลโอค็อตสค์ (Okhotsk) ของรัสเซียที่มาบรรจบกัน ทำให้เมืองวักกะไน (Wakkanai) อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลนานาชนิด สด รสชาติดี แถมยังราคาถูก มีทั้งไข่หอยเม่น ปลาฮอกเกะ ปลาหมึกทาโกะ ฯลฯ รวมถึงเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ และภูมิอากาศที่เย็น จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งทำเกษตรกรรมชั้นดีของญี่ปุ่น อาหารทะเล และเนื้อวัวจึงเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เมนูที่แนะนำอาทิเช่น
・ข้าวหน้าปลาดิบ หรือข้าวหน้าไข่หอยเม่น
・ชาบูปลาหมึกยักษ์และอูนิ
・เสต็กเนื้อวัวดำโซยะ
・ชาเมง เป็นเมนูคล้ายกับราดหน้ายากิโซบะใส่ผัก ผสมผสานมาจากคำว่า ชาฮั่ง ที่แปลว่าข้าวผัด และราเมง)
・ไอสึริชิริซัง (愛す利尻山) เป็นไอศครีมวนิลลาโรยอุนิตากแห้ง และเกลือที่ได้จากสาหร่ายคอมบุ ให้ความหอมทะเล ความพิเศษอยู่ตรงที่ใช้คอมบุตากแห้งเป็นช้อนในการตัก

 

วิธีการเดินทาง

・เครื่องบิน : วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางจากแถบเกาะฮอนชูไปยังเมืองวักกะไน (Wakkanai) คือการเดินทางโดยเครื่องบินจาก Haneda Airpot ไปลงยังสนามบิน New Chitose Airport ในเมืองซัปโปโร (Sapporo) จากนั้นสามารถขึ้นเครื่องบินไปลง Wakkanai Airport
・รถบัส : การเดินทางด้วยรถบัส จากเมืองซัปโปโร (Sapporo) ไปยังเมืองวักกะไน (Wakkanai) โดยรถบัส Soya Bus ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ขึ้นรถที่ Odori Bus Terminal รถจะออกจากป้ายทุกๆ 3 ชั่วโมง
รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.soyabus.co.jp/highway/wakkanai-hamanasu
・รถไฟ JR : การเดินทางด้วยรถไฟ JR จากสถานี Sapporo ไปยังสถานี Wakkanai สามารถเดินทางได้ด้วย Limited express "Super Soya" ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง

 

นอกจากนี้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองวัคคะไน (Wakkanai) ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษ คือ เกาะเรบุน (Rebun Island) และเกาะริชิริ (Rishiri Island) ที่โอบล้อมด้วยดอกไม้ป่า พืชอัลไพน์ เนินเขาเขียว และชายฝั่งทะเลอันกว้างขวางที่สวยราวกับว่าหลุดมาจากนิยายแฟนตาซี สามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จากเมืองวักกะไน (Wakkanai)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.hankyu-travel.com/guide/hokkaido/rishiri.php
https://www.north-hokkaido.com/spot/index.html
http://www.welcome.wakkanai.hokkaido.jp/birdwatching/en/toppage-en

 

เกาะริชิริ (Rishiri Island)


 

เกาะริชิริ (Rishiri Island) เกิดจากภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วกลายเป็น 2 เกาะ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติริชิริ-เรบุน-ชะโระเบ็ทสึ (Rishiri Rebun Sarobetsu National Park) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของฮอกไกโด คำว่าริชิริ หมายถึง "เกาะสูง" ในภาษาไอนุ

บนเกาะริชิริ (Rishiri Island) อุดมไปด้วยพืชอัลไพน์ ซึ่งเป็นพืชที่เจริญเติบโตในสภาพที่เฉพาะเจาะจงมาก อาทิ ดอกป๊อปปี้ป่า (Rishiri hinageshi) ดอกฟูจิ (Rishiri buji) ดอกเกงเกะ (Rishiri genge) ดอกธิสเซิล (Rishiri Azami) ดอกลิลลี่ป่าสีเหลือง หรือ ดอกกล้วยไม้ป่า เป็นต้น สามารถหาดูได้ที่พื้นที่ป่ารอบภูเขาริชิริ (Mt. Rishiri) จุดชมวิวโมโมะอิวะ (Momoiwa Observatory)

สัตว์เฉพาะถิ่นพบได้บนเกาะ ไม่ใช่หมี หรืองู แต่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก อาทิ วีเซล (weasel) กระรอกชิปมังก์ (chipmunk) นกเขนน้อยพันธุ์ญี่ปุ่น นกหัวขวานดำ นกอินทรีหางขาว นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ เป็นต้น
https://www.rishiri-plus.jp/shima-no-susume/animal/

 

กิจกรรมกลางแจ้ง

บนเกาะริชิริ (Rishiri Island) มีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกทำมากมาย อาทิ
・ปั่นจักยานบนเส้นทาง Rishiri Cycling Road ซึ่งเป็นเส้นทางยาว 60 กิโลเมตรที่ล้อมรอบเกาะ เชื่อมต่อถนนปั่นจักรยานยาว 25 กิโลเมตร และถนนสาธารณะยาว 35 กิโลเมตร ระหว่างทางจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สถาปัตยกรรมต่างๆ และยังแวะพักชมวิวในบางจุด

มีเส้นทางให้เลือกปั่นตามระดับความยากง่าย ตั้งแต่ เส้นทางรอบเกาะ ระยะทาง 63.5 ก.ม. ใช้เวลา 7 ชั่วโมง, เส้นทางปั่นสบาย ระยะทาง 18 ก.ม.ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง และเส้นทางปั่นสำหรับมือใหม่ ระยะทาง 6.5 ก.ม. ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.rishiri-plus.jp/3845/

・เดินเทรล หรือเดินไฮกิ้ง มีให้เลือกเดินหลากหลายคอร์สตามระดับความยากง่าย บางเส้นทางเป็นทางเรียบเดินสบาย หรือบางเส้นทางเป็นเนินขึ้นลงเขา มีความท้าทายในบางจุด อาทิ คอร์สสำหรับมือใหม่ ใช้เวลา 1-1.5 ชั่วโมง มีให้เลือกเดินเส้นทาง รอบทะเลสาบฮิเมะนุมะ (Himenuma Pond) รอบบ่อน้ำโอตะโทมาริ (Otatomari Pond) รอบบ่อน้ำพุคันโร (Kanro spring) เป็นต้น แต่ละเส้นทางระยะทางประมาณ 1-1.5 ก.ม.

หรือคอร์สสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง มีให้เลือกเดินเส้นทางบ่อน้ำพุคันโร (Kanro spring) 〜เทือกเขาปง (Pon Yama) / เทือกเขาปง (Pon Yama)〜ทะเลสาบฮิเมะนุมะ (Himenuma Pond) เป็นต้น แต่ละเส้นทางระยะทางประมาณ 2.5-7 ก.ม. แตกต่างกันไป

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.rishiri-hanaguide.com/もっと詳しく/コースmap/

 

สถานที่เที่ยวแนะนำ

 

บ่อน้ำโอตะโทมาริ (Otatomari Pond)
บ่อน้ำโอตะโทมาริ (Otatomari Pond) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะริชิริ (Rishiri Island) มีจุดเด่นตรงที่เราสามารถมองเห็นภูเขาริชิริ (Mt. Rishiri) เป็นฉากหลังสะท้อนผิวน้ำอย่างสวยงาม มีทางเดินริมน้ำรอบบ่อให้เดินเที่ยวชม และเป็นจุดพักยอดนิยมของคนที่ปั่นจักรยานเที่ยวเกาะริชิริ (Rishiri Island) มีทั้งอาหารและของว่างให้เลือกซื้อ

 

 

ภูเขาริชิริ (Mt. Rishiri)
เป็นภูเขาไฟที่สงบแล้ว ตั้งอยู่ใจกลางเกาะริชิริ มีความสูงอยู่ที่ 1,721 เมตร หรือที่รู้จักในชื่อริชิริ-ฟูจิ (Rishiri Fuji) เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายคลึงกับภูเขาไฟฟูจิ ในช่วงฤดูร้อน (เดือนมิ.ย. จนถึง ต้นเดือนต.ค.) สามารถปีนภูเขาพลางชมหิมะละลายได้ และจากบนยอดเขาที่ไม่มีอะไรบดบัง สามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศาของพื้นที่ชุ่มน้ำ และป่าไม้ของเกาะ รวมถึงทิวทัศน์ของเกาะเรบุน (Rebun Island) ที่อยู่ข้างเคียง

บนเขาเต็มไปด้วยพรรณไม้แบบป่าอัลไพน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ สามารถพบได้แค่ที่ภูเขาริชิริเท่านั้น เช่นดอกป๊อปปี้ป่า (Rishiri hinageshi) ดอกเก้งเกะ ดอกกล้วยไม้ป่า เป็นต้น

 

 

เซ็นโฮะชิ มิซากิ ปาร์ค (Senhoshimisaki Park)
อุทยานธรรมชาติตั้งอยุ่ที่ปลายใต้สุดของเกาะริชิริ (Rishiri Island) และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลใส ภูเขาริชิริ (Mt. Rishiri) อันยิ่งใหญ่ และยังมีร่องรอยของลาวาที่แข็งตัวแล้ว กลายเป็นก้อนหินสีดำรูปร่างแปลกๆ กระจายอยู่โดยรอบ เนื่องจากบริเวณแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ภูเขาไฟมาก่อน

ความใสของน้ำทะเลมองทะลุลงไปเห็นหอยเม่น และสาหร่ายคอมบุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังมีกิจกรรมป้อนอาหารให้แมวน้ำด้วยมือของคุณเอง ซึ่งแมวน้ำเหล่านี้จะถูกเลี้ยงไว้ที่ฟาร์มในทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน

 

อาหารที่แนะนำ

 

 

ริชิริคอมบุราเมง (Rishiri Kombu Ramen)
เกาะริชิริ (Rishiri Island) มีสาหร่ายคอมบุที่เชื่อว่าคุณภาพดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เมนูเด่นของที่นี่ทำจากคอมบุเป็นส่วนใหญ่ และริชิริคอมบุราเมง (Rishiri Kombu Ramen) ก็เป็นราเมงที่ได้น้ำซุปจากการเคี้ยวคอมบุกับโชยุเป็นเวลานาน มีรสชาติอุมามิ เค็มกำลังดี เส้นราเมงผสมคอมบุ ให้ทั้งรสชาติ และกลิ่นหอมของทะเล ด้านบนท้อปปิ้งด้วยหมูชาชู สาหร่าย ต้นหอม ไข่ต้ม และลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ เป็นเมนูเรียกได้ว่า ไม่ว่าจะซดน้ำซุป หรือเคี้ยวเส้น ก็ได้รสชาติของคอมบุในทุกคำ

 

 

ที่อยู่ Rishiri Island
Rishiri District, Hokkaido, Japan
การเดินทาง จากท่าเรือ Wakkanai โดยสารเรือเฟอร์รี่ Heart Land Ferry ลงท่าเรือ Oshidomari Ferry Terminal ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.rishiri-plus.jp/
https://www.hankyu-travel.com/guide/hokkaido/rishiri.php
https://www.visit-hokkaido.jp/feature/rishiri
https://www.north-hokkaido.com/spot/index.html/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.japan.travel/en/spot/2150/
https://hokkaido-treasure.com/column/023/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/2150/
https://www.japan.travel/th/spot/1880/

 

เกาะเรบุน (Rebun Island)


 

เกาะเรบุน (Rebun Island) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "เกาะลอยนํ้าแห่งดอกไม้" เพราะเสน่ห์ของเกาะเรบุนคือ พรรณไม้แบบอัลไพน์กว่า 300 ชนิด โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงที่ดอกไม้เบ่งบานมากที่สุด เหมาะแก่การมาเที่ยวชม

บบนเกาะเรบุน (Rebun Island) เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ทางธรรมชาติเลยก็ว่าได้ เพราะคุณจะเห็นบรรดาดอกไม้หายาก ที่มีให้เห็นเฉพาะที่นี่เท่านั้น อาทิ ดอกโคลัมบายน์ (Miyamaodamaki) ดอกจาค็อบส์ แลดเดอร์ (Rebun hanashinobu) ดอกเอเดลไวส์ (Rebun usuyukisou) ดอกชมพูเชียงดาว (Rebun shiogama) ดอกเจอราเนียม (Chishimafuro) เป็นต้น พื้นที่ที่หาชมได้คือ เรบุน อุซุยุคิโซะ (Rebun Usuyukiso Area) โมโตจิ (Motochi) และโมโมอิวะ (Momoiwa)

 

กิจกรรมกลางแจ้ง

บนเกาะเรบุน (Rebun Island) มีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกทำมากมาย อาทิ
・เดินเทรคกิ้ง หรือเดินไฮกิ้ง มีให้เลือกทั้งหมด 7 เส้นทางตามความยากง่าย
คอร์ส Cape Tour Course เดินรอบแหลมสุโคทอน (Cape Sukoton) ไปยังแหลมโกะโระตะ (Gorota Cape) ระยะทาง 13 ก.ม.
คอร์ส The 8-hour Trail เดินจากฝั่งตะวันตกตั้งแต่พื้นที่อุเอ็นไน (Uennai Pass) ไปยังพื้นที่คุฟุไค (Kafukai) ฝั่งตะวันออก ระยะทาง 17 ก.ม.
คอร์ส Momoiwa Observatory Course เป็นคอร์สที่นิยมมากที่สุด เพราะจะเดินชมพืชอัลไพน์ที่อยู่บนเขา เริ่มต้นเดินจากทางเข้า Momoiwa Observatory Trailhead ไปจนสุดทาง ระยะทาง 5.3 ก.ม.
คอร์ส Mount Rebun Course คอร์สเดินขึ้นเขาเรบุน ที่ความสูง 490 เมตร ระยะทาง 4.5 ก.ม. (ขาเดียว)
คอร์ส Rebun Forest Course เดินป่าจากทางเข้าแถบโมโตจิ (Motoji)  ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ไปจนถึงทางเข้าของฝั่งคุฟุไค (Kafukai) ระยะทาง 8 ก.ม. ช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. จะได้เห็นทุ่งดอกเอเดลไวส์ ซึ่งเป็นราชินีดอกไม้แห่งเทือกเขาแอลป์เลยก็ว่าได้
คอร์ส Rebun Fall Course เป็นเส้นทางสั้น ๆ ที่อยู่ในคอร์ส Rebun Forest Course อีกที ระยะทาง 4 ก.ม. (ไปกลับ)
คอร์ส Kushu Lake Course เป็นคอร์สเดินรอบทะเลสาบคุชู (Kushu Lake) เริ่มเดิน และจบที่ Kushu lakeside campsite ระยะทาง 4.2 ก.ม.

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.rebun-island.jp/en/trekking/

 

สถานที่เที่ยวแนะนำ

 

 

แหลมซุโคะตง (Cape Sukoton)
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดและเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะเรบุน (Rebun Island) บริเวณโดยรอบจะประกอบไปด้วยผาหิน และที่ราบริมผา สามารถมองเห็นทะเลได้เกือบรอบทิศ ที่สำคัญยังสามารถมองเห็นเกาะโทโดะ (Todo Island) ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ไม่ไกลกันกับแหลมสุโคทอน (Cape Sukoton) ที่มีประภาคารตั้งตระหง่านอยู่เบื่องหน้า มีโรงแรมขนาดเล็ก และร้านค้า นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิต์ขึ้นและตกที่สวยงามด้วยเช่นกัน

 

 

แหลมสุไค (Cape Sukai)
ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือฝั่งตะวันตกของเกาะเรบุน (Rebun Island) มีจุดเด่นจากความสวยงามของภูมิประเทศที่แปลกตาจนเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทุกคน โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีความโค้งเว้าตามแนวเขาสีเขียวน้ำตาลตัดกับสีน้ำทะเลที่ใสจนเห็นกลุ่มหินใต้น้ำ ในช่วงฤดูร้อนก็จะสามารถพบเห็นดอกไม้นานาพันธุ์ออกดอกไปทั่วผืนหญ้าสร้างความสวยงามน่าประทับใจยิ่งขึ้น สายถ่ายภาพยิ่งไม่ควรพลาด

ไม่ไกลกันนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่บริเวณศาลเจ้าเล็ก ๆ ปลายแหลมใกล้กันกับแหลมสุไค (Cape Sukai) ที่นั่นก็เป็นอีกหนึกจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

 

 

จุดชมวิวโมโมอิวะ (Momoiwa Observatory)
จุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงตอนใต้ของเกาะเรบุน (Rebun Island) สามารถชมวิวของเกาะได้โดยรอบ เช่น แนวผาหิน และท้องทะเลแบบ 360 องศา นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินเขาที่เป็นที่นิยมของเหล่านักเดินเขา เพราะจะได้ซึมซับกับบรรยากาศสุดพิเศษและแสนสบายได้อย่างเต็มที่ แถมยังมีโอกาสได้พบกับดอกไม้กว่า 20 สายพันธุ์ที่ออกดอกกระจายกันไปทั่วบริเวณอีกด้วย

 

อาหารที่แนะนำ

 

 

ข้าวหน้าอูนิ (Uni-don)
เมนูขึ้นชื่อประจำเกาะเรบุน (Rebun Island) สามารถหาทานได้ระหว่างเดือนมิถุยายนถึงเดือนสิงหาคมตามฤดูการทำประมง จุดเด่นของไข่หอยเม่นหรืออูนิของที่นี่คือความหวานมัน ความเค็มจากน้ำทะเล และกลิ่นของน้ำทะเลที่สดใหม่จากแหล่ง ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของเกาะ ใครได้ไปเที่ยวก็ไม่ควรพลาด

 

 

ที่อยู่ Rebun Island
Rebun, Rebun District, Hokkaido, Japan
การเดินทาง จากท่าเรือ Wakkanai โดยสารเรือเฟอร์รี่ Heart Land Ferry ลงท่าเรือ Kafukakou Ferry Terminal ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.rebun-island.jp/
https://www.club-t.com/sp/special/japan/rishiri-rebun/rishiri/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.rebun-island.jp/en/
https://hokkaido-treasure.com/column/023/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/2150/
https://www.japan.travel/th/spot/1880/

 

เพจที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages