หนึ่งกิจกรรมไม่ควรพลาดเมื่อมาญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนรักธรรมชาติ
คงหนีไม่พ้นการเดินไฮกิ้ง (Hiking) /เทรคกิ้ง (Trekking) หรือ การเดินป่า ที่ต้องเดินอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงติดต่อกัน และที่ญี่ปุ่นเองยังสามารถเดินพร้อมชื่นชมดื่มด่ำไปกับธรรมชาติตลอด 4 ฤดูกาล
・ฤดูร้อน จะได้พบกับต้นไม้ที่เขียวขจีตลอดเส้นทางเดิน บางเส้นทางมีสายน้ำไหลเอื่อย ๆ ช่วยให้อากาศเย็นระหว่างที่เดินผ่าน
・ฤดูใบไม้ร่วง จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติตลอดเส้นทาง สีแดงอมส้มของใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยสดทั่วป่า อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป
・ฤดูหนาว จะได้พบกับความงามของผืนป่า และหุบเขาที่ปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ แม้ว่าหลายเส้นทางจะปิดเพื่อป้องกันอันตราย แต่บางเส้นทางก็ยังเปิดให้เดินเล่นในช่วงที่หิมะไม่ตกหนัก
・ฤดูใบไม้ผลิ จะได้พบกับดอกซากุระ และพรรณไม้ตามฤดูกาลที่กำลังบานสะพรั่ง ซึ่งเราจะได้ชมซากุระอย่างใกล้ชิด
การแบ่งระดับความยาก - ง่าย ของการเดินป่า
การเดินไฮกิ้ง (Hiking) /เทรคกิ้ง (Trekking) ของชาวญี่ปุ่นนั้น แบ่งออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน
・ระดับ 1 เป็นการเดินบนพื้นเรียบ ไม่มีระดับความชันขึ้น หรือลง สามารถใส่รองเท้าผ้าใบเดินได้ ให้ความรู้สึกเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติเช่น คามิโคจิ (Kamikochi) บางเส้นทาง, ลุ่มเซนโจงาฮาระ (Senjougahara Marshland), เส้นทางเดินเขาเซนโจจิคิ (Senjojiki Cirque) เป็นต้น
・ระดับ 2 เป็นการเดินขึ้นเขาบนพื้นที่ที่มีการทำเส้นทางไว้ให้ อาจมีทางชันขึ้นเป็นบางจุด แต่ยังถือว่าเดินง่าย ใครที่เป็นมือใหม่ก็สามารถเดินได้สบาย แต่ควรเตรียมรองเท้าสำหรับเทรคกิ้ง (Trekking) หรือแจ๊คเกตสำหรับใส่เดินป่า เส้นทางที่แนะนำคือ เส้นทางภาวนาเขามิตสึมิเนะ (Mitsumine Shrine Okumiya), เส้นทางอุทยานแห่งชาติโอเซะงะฮาระ (Ozegahara), เส้นทางเดินป่าเทือกนิวคาสะ (Mount Nyukasa) เป็นต้น
・ระดับ 3 เป็นการเดินบนพื้นดินที่ขรุขระ แต่ใช้พละกำลังไม่ต่างจากระดับ 2 เท่าไหร่นัก อาจจะมีบางจุดที่อันตราย และต้องระวังในการเดินขึ้นเขา เหมาะกับผู้ที่เดินไฮกิ้ง (Hiking) ชำนาญระดับนึง และควรเตรียมรองเท้าสำหรับเทรคกิ้ง (Trekking) หรือแจ๊คเกตสำหรับใส่เดินป่า เส้นทางที่แนะนำคือ เส้นทางปีนเขาชาอุสุดาเกะ (Mount Chausu), เส้นทางภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เป็นต้น
・ระดับ 4 เป็นการเดินบนพื้นดิน หรือทางหินที่ขรุขระ บางจุดจะมีการปีนเขาที่สูงชัน เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มปืนเขามือใหม่ ควรเตรียมรองเท้าสำหรับเทรคกิ้ง (Trekking) หรือแจ๊คเกตสำหรับใส่เดินป่า เส้นทางที่แนะนำคือ เส้นทางเดินเขามิสึโทเกะ (Mt. Mitsutoge-yama), เส้นทางเดินป่าภูเขาโอยามะ (Mt. Oyama)
・ระดับ 5 เป็นการเดินบนพื้นดิน หรือทางหินที่ขรุขระ แต่จะใช้เวลา และพละกำลังในการเดินขึ้นทางชันมากกว่าระดับ 4 เหมาะกับผู้ที่ชำนาญ หรือเคยปีนเขามาก่อน ควรเตรียมรองเท้าสำหรับเทรคกิ้ง (Trekking) หรือแจ๊คเกตสำหรับใส่เดินป่า เส้นทางที่แนะนำคือ เส้นทางเดินเขากัซซัง (Mount Gassan), เส้นทางภูเขาอนทาเคะ (Mount Ontake)
(อ้างอิงจากเว็บ https://www.shikiclub.co.jp/shikitabi/special_highking/)
เช็คลิสต์อุปกรณ์เดินป่ามีอะไรบ้าง
สำหรับการจัดกระเป๋าเดินป่า ควรเน้นที่จำเป็น เบาสบาย และใช้งานจริงเท่านั้น รวมถึงอุปกรณ์ที่พกไปจะต้องเหมาะกับสภาพเส้นทางการเดิน และสภาพอากาศในช่วงเวลานั้น ๆ
1. รองเท้าเดินป่า รองเท้าไฮกิ้ง รองเท้าเทรคกิ้ง จะต้องรับน้ำหนักได้ดี และรองรับการกระแทกได้ด้วย
2. เสื้อผ้าที่ถ่ายเทอากาศได้ดี และเหมาะกับสภาพอากาศในช่วงเวลานั้น ๆ
3. ถุงมือ หากไปที่ที่จะต้องมีการปีนผาหิน หรือปีนเชือก
4. ไฟฉาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง พระอาทิตย์จะตกเร็ว
5. ชุดปฐมพยาบาลพื้นฐาน ที่มียาดม, ยาใส่แผล, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาแก้ปวดที่ครอบคลุมป่วยไข้
6. กระติกน้ำ หรืออาหารแห้งเล็ก ๆ ไว้เติมพลังงานระหว่างการเดินทาง
7. อื่น ๆ เช่น ถุงขยะ ทิชชู่เปียก แผ่นแปะกันหนาว เป็นต้น
ข้อควรรู้สำหรับการเตรียมตัวเดินป่า
1.สำรวจร่างกายตัวเองว่ามีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายระหว่างเดินป่าหรือไม่
2.ศึกษา และหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป เช่น สภาพเส้นทาง จุดเที่ยว จุดชมวิว หรือระยะเวลาการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเดิน
3.เช็คสภาพอากาศว่าช่วงที่ไปตรงกับฤดูอะไร มีฝน หรือลมหนาวหรือไม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
4.ศึกษากฎ กติกา ข้อห้ามของสถานที่ที่เราจะไป
ครั้งนี้จะมาแนะนำ 3 เส้นทางเดินป่ายอดนิยมในญี่ปุ่น ที่เดินทางไม่ไกลจากจังหวัดโตเกียว (Tokyo) อย่าง
เส้นทางคามิโคจิ (Kamikochi) ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano)
เส้นทางภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi)
เส้นทางอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) ในจังหวัดกุนมะ (Gunma)
คามิโคจิ (Kamikochi), นากาโน่ (Nagano)
คามิโคจิ (Kamikochi) ตั้งอยู่ในเมืองมัตสึโมะโตะ (Matsumoto) จังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นที่ราบสูงยาวไปตามแม่น้ำอะซุสะ (Azusa River) เรียกได้ว่าเป็นดินแดนสวรรค์ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ท่ามกลางหุบเขาแสนสวยของเจแปนแอลป์ (Japan Alps)
คามิโคจิ (Kamikochi) เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปภายในระยะเวลาที่กำหนดคือ ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน จนถึงเดือนกลางพฤศจิกายน และเพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อม และลดมลพิษ จึงมีนโยบายห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในอุทยาน จำเป็นต้องนั่งรถบัสประจำทางต่อเข้าไปเท่านั้น
ฤดูกาลเดินป่า
เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคมต้นไม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสด พร้อมกับอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น อากาศเย็นสบายเหมาะกับการเดินเล่น โดยเฉพาะฤดูร้อนช่วงกลางเดือนกรกฎาคม - กลางสิงหาคม จะมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่โตเกียวประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป จึงเป็นฤดูแห่งการปีนเขา หรือเดินไฮกิ้ง (Hiking) /เทรคกิ้ง (Trekking) ตอนกลางวันสามารถใส่เสื้อยืดตัวเดียวได้ แต่ช่วงกลางคืนก็ควรมีเสื้อคลุม หรือใส่เป็นเสื้อแขนยาว
ที่พักที่แนะนำ
ในคามิโคจิ (Kamikochi) มีที่พักให้บริการหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม บ้านไม้ ห้องพักรวม หรือเต๊นท์ ที่พักแต่ละแห่งก็จะมีสไตล์ และบรรยากาศแตกต่างกันไป อาทิ
・บริเวณบึงไทโช (Taisho)
โรงแรมไทโชอิเคะ (Taisho Ike Hotel)
https://www.taisyoike.co.jp/en/
・บริเวณสะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge)
โรงแรมคามิโกจิอิมพีเรียล (Kamikochi Imperial Hotel)
https://www.imperialhotel.co.jp/e/kamikochi/
โรงแรมเดอะ ปาร์คลอดจ์ คามิโคจิ (The Parklodge Kamikochi)
https://lodge.gosenjaku.co.jp/english/
โรงแรม ชิระคะบะโซ คามิโคจิ (Hotel Shirakabaso Kamikochi)
https://www.shirakabaso.com/en/
・บริเวณบึงเมียวจิน (Myojin Pond)
คามนจิโกยะ (Kamonjigoya)
https://kamonjigoya.jp/
・บริเวณโทคุซาวะ (Tokusawa)
โทคุซาวะเอ็น (Tokusawa En)
https://www.tokusawaen.com/english/english.html
โทคุซาวะลอดจ์ (Tokusawa lodge)
https://www.m-kamikouchi.jp/tokuzawalodge/
・บริเวณโยะโกซันโซ (Yokoo Sanso)
โยะโกซันโซ (Yokoo Sanso)
https://www.yokoo-sanso.co.jp/english/
・บริเวณคาราซาว่าเซิร์ก (Karasawa Cirque)
คาราซาว่าฮัทท์ (Karasawa Hutte)
https://karasawa-hyutte.com/
เส้นทางเดินป่าที่แนะนำ
สำหรับเส้นทางเดินป่าที่คามิโคจิ (Kamikochi) มีให้เลือกเดินหลายระดับ ทั้งแบบเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืน ตอบโจทย์ตั้งแต่ผู้เดินมือใหม่ ไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
เส้นทาง 1 : เส้นทางสะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) -บึงเมียวจิน (Myojin Pond)
เส้นทางนี้จะเริ่มเดินจากสะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ไปบึงเมียวจิน (Myojin Pond) มีให้เลือกเดิน 2 ฝั่งคือ เลียบแม่น้ำอะซุสะฝั่งซ้าย (Azusa River Left Bank) ระยะทาง 2.5 ก.ม. และเลียบแม่น้ำอะซุสะฝั่งขวา (Azusa River Right Bank) ระยะทาง 3 ก.ม. จากจุดเริ่มต้น สามารถชมวิวอันตระการตาของเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka) ได้อย่างเต็มตา
เส้นทางนี้มีบรรยากาศเงียบสงบศักดิ์สิทธิ์เพราะบริเวณบึงเมียวจิน (Myojin Pond) ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะชั้นใน (Hotaka Okumiya) ในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกๆ ปี จะมีเทศกาลเรียกว่า “โอะฟุเนะมัตสึริ” (Ofune Matsuri) เป็นการนำเรือ 2 ลำที่ประดับด้วยหัวนกฟีนิกซ์ และมังกรที่หัวเรือออกมาเพื่อเป็นการสักการะต่อเทพเจ้า
สำหรับเส้นทางเดินนี้ จะมีบ้านพัก และร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ คามนจิโกยะ (Kamonjigoya) สามารถแวะเติมพลังระหว่างทางได้
เส้นทาง 2 : เส้นทางภูเขายาเกะดาเกะ (Yakedake Hike)
ภูเขายาเกะดาเกะ (Yakedake) มีความสูง 2,455 เมตร เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุนอยู่ ในและปี 1915 เคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ่จนเกิดเป็นบึงไทโช (Taisho) นับเป็นจุดปีนภูเขาเจแปนแอลป์สำหรับผู้เริ่มต้น เพราะไม่ยากจนเกินไป สามารถปีนแบบเช้า-เย็นกลับได้ โดยไม่ต้องค้างคืนอยู่บนเขา
เส้นทางนี้เริ่มเดินจาก Kamikochi Bus Terminal ไปยอดเขายาเกะดาเกะ (Yakedake) ระยะทางประมาณ 8.8 ก.ม. ในการเดินช่วงแรกจะเดินผ่านป่าเขียว ระหว่างทางมีบันไดลิงให้ไต่ผา และเมื่อเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นพื้นหินขรุขระ เมื่อเดินจนใกล้จะถึงยอดก็จะพบกับทะเลสาบปล่องภูเขาไฟเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางนี้ จากบนยอดเขายาเกะดาเกะ (Yakedake) สามารถมองเห็นวิวมุมสูงทั่วคามิโคจิได้อย่างสวยงาม
เส้นทาง 3 : เส้นทางคาราซาว่าเซิร์ก (Karasawa Cirque)
คาราซาว่าเซิร์ก (Karasawa Cirque) ตั้งอยู่ใจกลางยอดเขาโฮทากะ (Hotaka) มีความสูงถึง 2,350 เมตร โดยจะเริ่มเดินตั้งแต่สะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ผ่านบึงเมียวจิน (Myojin Pond) เดินเลียบแม่น้ำอะซุสะ (Azusa River) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนไฮไลต์ของคามิโคจิ ไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณโทคุซาวะ (Tokusawa)
จากบริเวณโทคุซาวะ (Tokusawa) สามารถพักกางเต๊นท์ก่อนเริ่มเดินต่อไปยังโยะโกซันโซ (Yokoo Sanso) ซึ่งเป็นจุดที่มีที่พักเช่นเดียวกัน และจากโยะโกซันโซ (Yokoo Sanso) จะเดินเข้าป่า บนเส้นทางหินชันไปยังจุดหมายสุดท้าย คือคาราซาว่าเซิร์ก (Karasawa Cirque) คุณจะเห็นใบไม้สีเหลือง ส้ม แดงมากขึ้นตามระดับความสูงที่ไต่ขึ้นไป เส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินขาละ 6 ชั่วโมง แนะนำให้นอนเต๊นท์ที่ Karasawa Hutte สักคืนก่อนกลับลงมา
ระหว่างทางจะผ่านจุดชมวิวชื่อดังที่ไม่ควรพลาดแก่การถ่ายรูปคือ สะพานฮอนดะนิ (Hondani Bridge) เป็นสะพานแขวนลอยอยู่บนโขดหินเล็กใหญ่ และจุด S Gare ที่สามารถเห็นวิวหลากสีสันของใบไม้ที่ผลัดใบรอบคาราซาว่า (Karasawa) และแนวภูเขาโฮทากะ (Hotaka)
เส้นทางนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเดินป่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในคามิโคจิ (Kamikochi) เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกันยายน จนถึงต้นเดือนตุลาคม ต้นไม้ใบหญ้ารอบ ๆ จะไล่เฉดสีสวยงามทั้งเหลือง ส้ม แดง สวยงามให้เราได้ชมตลอดทาง ซึ่งจะเปลี่ยนสีเร็วกว่าด้านล่างบริเวณสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ประมาณ 2-3 สัปดาห์
ที่อยู่ | Kamikochi Matsumoto, Nagano |
การเดินทาง |
จากสถานีรถบัส Shinjuku Expressway Bus Terminal โดยสารรถบัสด่วนพิเศษสาย Sawayaka Shinshu Line ที่วิ่งตรงไปยังสถานีรถบัส Kamikochi Bus Terminal ใช้เวลา 5 ชั่วโมง
|
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.kamikochi.or.jp/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.kamikochi.org/plan/trekking |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
https://www.alpico.co.jp/th/ |
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji), ยามานาชิ (Yamanashi)
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เป็นภูเขาไฟที่มีความสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว (Tokyo) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 จังหวัดประกอบไปด้วยพื้นที่ตอนเหนืออยู่ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) และพื้นที่ตอนใต้ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ซึ่งภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เป็นหนึ่งในวิวทิวทัศน์ที่ทุกคนอยากที่จะได้เห็นมากที่สุด แต่เรายังสามารถเดินขึ้นไปบนยอดภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ได้ด้วยเช่นกัน
และด้านบนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในเส้นทางในฝันของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะการขึ้นไปชมดวงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่จากยอดของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ที่สามารถพบเห็นได้ในช่วงเวลาประมาณ 4:30 น.
ฤดูกาลเดินป่า
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) จะเปิดให้เดินขึ้นไปได้เฉพาะช่วงฤดูร้อน หรือระหว่างต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน โดยจะเริ่มเดินตั้งแต่สถานีที่ 5 เป็นต้นไป ด้วยความที่ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) นั้นมีความสูงมากถึง 3,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้สภาพอากาศ หรืออุณหภูมิของควางสูงที่ต่างกันนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยบริเวณสถานีที่ 5 อาจจะมีอากาศที่สบาย ๆ ที่ประมาณ 20 องศา แต่ด้านบนนั้นอาจจะหนาวเย็นลงไปจนถึง 0 องศาในเวลากลางคืน
ฤดูพิชิตภูเขาฟูจิเวียนมาถึงอีกครั้งแล้ว!
https://www.jnto.or.th/newsletter/fuji/
ที่พักที่แนะนำ
ตลอดเส้นทางของการขึ้นเขาจะมีที่พักตั้งอยู่ตามสถานีชั้นต่าง ๆ จนถึงชั้นบนสุดของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เองก็มีเช่นกัน ที่พักทั้งหมดจะเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ที่เน้นสำหรับการพักผ่อนแบบชั่วคราวหรืองีบมากกว่าการค้างคืนแบบโรงแรมทั่วไป โดยอาจจะเป็นห้องนอนรวม ซึ่งการเลือกพักนั้นหลัก ๆ จะขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางไหวในระดับความสูงเท่าไร หรืออยากจะพักเผื่อเวลาเดินทางตอนในตอนมืด โดยอาจจะเป็นการเข้าพักเวลาประมาณ 2 ทุ่ม แล้วตื่นเพื่อเดินทางต่อในเวลาตี 2 เป็นต้น
・เส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail)
โรงแรมฟูจิซัง โฮเทล (Fujisan Hotel)
https://www.fujisanhotel.com/
โรงแรมไทชิคัง (Taishi-kan)
https://www.mfi.or.jp/~taisikan/index_en.html
・เส้นทางฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya Trail)
โรงแรมมันเนน ยูคิ ซันโซ (Mannen-yuki Sanso)
https://mannnennyuki.wixsite.com/mannennyuki
・เส้นทางโกะเทมบะ (Gotemba Trail)
โรงแรมอะไควะ ฮะจิโกะคัง (Akaiwa 8gokan)
https://www.fujisan-akaiwa8go.jp/
เส้นทางเดินป่าที่แนะนำ
สำหรับเส้นทางเดินป่าที่ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) มีให้เลือกเดินหลายเส้นทาง เหมาะกับนักเดินมือใหม่ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญ
คำแนะนำ ไม่ควรเดินแบบรวดเดียวจากสถานีที่ 5 ไปจนถึงยอดเขา เพราะอาจจะเกิดอาการที่ร่างกายปรับออกซิเจนบนพื้นที่สูงได้ไม่ทัน (Altitude Sickness) ควรเลือกพักในโรงแรมต่าง ๆ ในเส้นทาง
เส้นทาง 1 : เส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail)
เส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail) เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่สถานีที่ 5 เส้นทางฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station) ที่ความสูง 2,300 เมตร ใช้เวลาเดินทางขาขึ้นประมาณ 6 ชั่วโมง และขาลงประมาณ 4 ชั่วโมง เปิดให้เดินตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 10 กันยายน เส้นทางนี้สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ได้หากฟ้าเปิด และยังสามารถชมดวงอาทิตย์ขึ้นได้ในตอนเช้ามืดประมาณตี 4 ได้อย่างสวยงามอีกด้วย
เส้นทางนี้เหมาะกับนักเดินทางทุกคนตั้งแต่ระดับมือใหม่ที่อยากลองเดินขึ้นสู่จุดสูงสุดของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ไปจนถึงระดับมืออาชีพ เพราะตลอดการเดินทางขาขึ้นนั้นจะมีจุดอำนวยความสะดวกตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นที่พักหรือร้านค้าต่าง ๆ ทางเดินบนเส้นทางนี้จะเป็นการเดินแบบซิกแซกแต่ก็เป็นพื้นที่ค่อนข้างเรียบทำให้เดินง่ายและไม่เหนื่อยจนเกินไป
เส้นทาง 2 : เส้นทางฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya Trail)
เส้นทางฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya Trail) เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมอับดับที่สองของทั้ง 4 เส้นทาง อีกทั้งยังมีจุดเริ่มต้นที่ความสูง 2,400 เมตร ทำให้ใช้เวลาในการเดินขึ้นลดลงเหลือเพียงประมาณ 5 ชั่วโมงสำหรับขาขึ้น และ 4 ชั่วโมงสำหรับขาลง โดยเส้นทางนี้จะอยู่ฝั่งทิศใต้ของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) โดยจะเปิดระหว่างวันที่ 10 กรกฎาคม ถึงวันที่ 10 กันยายน
ถึงแม้เส้นทางนี้จะใช้เวลาดูน้อยลง แต่ทางเดินนั้นถือว่าค่อนข้างลำบาก เพราะจะเป็นเส้นทางที่มีหินค่อนข้างเยอะ และยังมีความชันที่มาก ทำให้อาจจะต้องใช้กำลังกายค่อนข้างสูง แต่วิวด้านบนของเส้นทางนี้ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะเราสามารถมองเห็นอ่าวสุรุกะ (Suruga Bay) คาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) ไปจนถึงอ่าวซะกะมิ (Sagami Bay) ในช่วงที่ฟ้าเปิดได้
เส้นทาง 3 : เส้นทางโกะเทมบะ (Gotemba Trail)
เส้นทางโกะเทมบะ (Gotemba Trail) เป็นเส้นทางที่ยากที่สุดของ 4 เส้นทาง เริ่มเดินทางบนความสูง 1,450 เมตร ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 7 ชั่วโมง และขาลงประมาณ 4 ชั่วโมง และยังมีที่พักน้อยอีกด้วย อาจจะไม่เหมาะกับนักเดินเขามือใหม่เท่าไรนัก แต่ก็แลกกับการที่จะได้รับความสงบของการเดินเขาเข้าไปแทนที่ เส้นทางนี้จะเดินขึ้นเขาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขา
ระหว่างเดินขึ้นบนเส้นทางนี้ หากโชคดีฟ้าเปิดก็อาจจะเมืองได้ไกลไปจนถึงเมืองโตเกียว (Tokyo) เลยทีเดียว และที่สำคัญหากว่ายังเดินทางไม่ถึงยอดเขาในเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นประมาณ 4:30 น. เส้นทางนี้ก็จะสามารถเห็นดวงอาทิตย์ได้สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง
-
ที่อยู่ | Mt. Fuji Kitayama, Fujinomiya, Shizuoka |
การเดินทาง | เส้นทาง Yoshida จากสถานี Shinjuku โดยสารรถบัสลง Fuji Subaru Line 5th Station ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที เส้นทาง Fujinomiya จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Tokaido Shinkansen ลงสถานี Mishima ใช้เวลา 50 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสลง Fujinomiya 5th Station ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เส้นทาง Gotemba จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Ueno-Tokyo Line ลงสถานี Kozu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ Gotemba Line ลงสถานี Gotemba ใช้เวลา 52 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสลง Gotemba 5th Station ใช้เวลา 44 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
http://www.fujisan-climb.jp/index.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
http://www.fujisan-climb.jp/en/index.html |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park), กุนมะ (Gunma)
อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำบนภูเขาที่ใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ กุนมะ (Guna) ฟุกุชิมะ (Fukushima) โทชิงิ (Tochigi) และนีงาตะ (Niigata) นับเป็นจุดหมายในการเดินป่าอันงดงามอีกแห่ง เพราะสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่หลากหลาย ทั้งแนวเทือกเขาสูงที่รายล้อม บึง น้ำตก และพืชอัลไพล์ที่มีให้ชมตลอดเส้นทางเดิน
อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปภายในระยะเวลาที่กำหนดคือ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนพฤศจิกายน และจะปิดตั้งแต่ช่วงปลายปี เพราะการทับถมของหิมะจำนวนมหาศาลที่ตกโปรยปรายตลอดช่วงฤดูหนาว
ฤดูกาลเดินป่า
ฤดูที่เหมาะแก่การเดินไฮกิ้ง (Hiking) หรือเทรคกิ้ง (Trekking) มากที่สุดคือช่วงเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง โดยทัศนียภาพในอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) จะเปลี่ยนสีตามฤดูกาล อุณหภูมิต่ำกว่าที่โตเกียวประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะหน้าร้อน จะอุณภูมิสูงไม่เกิน 25 องศา ทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป เดินไฮกิ้งได้ง่าย
ที่พักที่แนะนำ
บริเวณอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) มีที่พักให้บริการหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม กระท่อม สกีรีสอร์ท ที่พักแต่ละแห่งก็จะมีสไตล์ และบรรยากาศแตกต่างกันไป อาทิ
・บริเวณฮาโตมาจิโทเกะ (Hadomachitoge)
สโนว์ปาร์ค โอเซะ โทคุระ (Snow Park Oze Tokura)
https://www.ozetokura.co.jp/snowpark/
คะตะชินะ โคเก็น สกีรีสอร์ท (Katashina Kogen Ski Resort)
https://www.katashinakogen.co.jp/
・บริเวณบึงโอเซะนุมะ (Ozenuma)
โอเซะนุมะ ฮัทท์ (Ozenuma Hutte)
https://ozejin-yamagoya.yado6.net/book/
โอเซะนุมะซันโซ (Ozenuma Sanso)
https://www.tokyo-pt.co.jp/oze/mountain-villa/ozenuma
เส้นทางเดินป่าที่แนะนำ
สำหรับเส้นทางเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) มีให้เลือกเดินหลายระดับ ทั้งแบบเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืน ตอบโจทย์ตั้งแต่ผู้เดินมือใหม่ ไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
เส้นทาง 1 : เส้นทางบึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond)
บึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond) ตั้งอยู่สูง 1,660 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากจุดนี้จะมองเห็นเทือกเขาชิบุตสึ (Mt. Shibutsusan) และเทือกเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake) ตั้งตะหง่านอยู่เคียงกัน
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่เหมาะมือใหม่ สามารถเดินได้ง่าย มีกระดานไม้ยกระดับพาดที่ลุ่ม และรอบบึง โดยจะเริ่มเดินเข้ามาทางทิศเหนือของอุทยานฯ จากนุมายะมะโทเกะ (Numayamatoge) มุ่งหน้าสู่บึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond) ระยะทาง 6.5 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง สามารถเดินเช้า-เย็นกลับได้ โดยไม่ต้องค้างคืน
เส้นทาง 2 : เส้นทางฮาโตมาจิโทเกะ (Hatomachitoge) - ลุ่มโอเซะกาฮาระ (Ozegahara Marshland) -โอเซะนุมะ (Ozenuma Pond)
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางยอดนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือผู้มีประสบการณ์ แม้จะมีทางเดินกระดานไม้ยกระดับ ทำให้ไม่ต้องใช้ทักษะในการเดินมาก แต่จะมีช่วงที่เข้าป่า ขึ้นลงเขา และมีระยะทางยาวถึง 25.8 ก.ม. จึงใช้พละกำลังกว่าเส้นทางแรก โดยจะเริ่มเดินจากฮาโตมาจิโทเกะ (Hatomachitoge) มุ่งหน้าสู่ลุ่มโอเซะกาฮาระ (Ozegahara Marshland) ไปยังบึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond) ใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง *ต้องจอดรถยนต์ไว้ที่โทคุระ (Tokura)
ไฮไลท์ของเส้นทางนี้คือ ที่ลุ่มโอเซะกาฮาระ (Ozegahara Marshland) รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่อย่างเทือกเขาชิบุตสึ (Mt. Shibutsusan) และเทือกเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake) ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานฯ เลยก็ว่าได้ ระหว่างทางจะได้ชมพรรณไม้อย่างใกล้ชิด อย่าง "ดอกมิสุบะโช" (Mizubasho) หรือดอกกะหล่ำสีขาวนวลจะแย้มโฉมผลิบานในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม หรือ “ดอกลิลลี่ป่า” สีเหลืองสดจะบานสะพรั่งช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และต้นเดือนกันยายนไปไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีทองอราม เกิดเป็นทัศนียภาพสวยงาม เป็นต้น
บริเวณบึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond) สามารถเข้าพักแรมหนึ่งคืนที่กระท่อมกลางป่าได้ และ ระหว่างทางจะมีจุดแวะพัก ทานอาหาร เข้าห้องน้ำอยู่เป็นระยะ
เส้นทาง 3 : เส้นทางเทือกเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake)
อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) มีเส้นทางเดินขึ้นยอดเขาทั้งหมด 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางเทือกเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake), เส้นทางเทือกเขาชิบุตสึ (Mt. Shibutsusan) สามารถเดินแบบเช้า-เย็นกลับได้ และเส้นทางเทือกเขาไอซุ โคมะกาทาเคะ (Mt. Aizu-Komagatake) , เส้นทางเทือกเขาทะชิโระ (Mt. Tashiro) ที่จะต้องแวะพักค้างหนึ่งคืนที่กระท่อมบนเขา
สำหรับเทือกเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake) มีความสูงถึง 2,356 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ และเป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียง จากยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ตระการตาของอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) ได้อย่างทั่ว และหากวันที่อากาศดียังมองเห็นได้ไกลถึงภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
เส้นทางขึ้นยอดเขาฮิอุจิกาทาเคะ (Mt. Hiuchigatake) สามารถเริ่มเดินได้หลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่ไม่ยากจนเกินไป และเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปมากที่สุด คือเริ่มเดินจาก มิอิเคะ (Mi-ike) มีระยะทางทั้งหมด 9 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง
ช่วงปีนเขาที่ดีที่สุดคือ ช่วงฤดูร้อน ในเดือนกรกฎาคม หลังจากที่หิมะละลาย
ที่อยู่ | Oze National Park Katashina, Tone District, Gunma |
การเดินทาง | จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Joetsu Shinkansen ลงสถานี Jomokogen ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสไปลงป้าย Tokura และต่อรถไปยัง Hatomachitoge |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://env.go.jp/park/oze/ https://mountain-guide.jp/course.html |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://visit-gunma.jp/en/spots-oze-national-park/ https://env.go.jp/en/nature-nps-park-oze-guide-view.html https://japan.travel/national-parks-parks-oze/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
visit-gunma.jp/th/spots/oze-national-park/ |
เพจที่เกี่ยวข้อง
- แนะนำเส้นทางเดินป่าในฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่น
- สนุกสนานกับการเดินป่าพิศวงของเกาะยะคุชิมะ (Yakushima)
- เดินไปตามที่แสนเร้นลับ ลัดเลาะตามวัดศาลเจ้าที่ลึกลับที่ญี่ปุ่น
- ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติจาก 5 แกลมปิ้ง (Glamping) ทั่วญี่ปุ่น
- เดินป่าฮะจิมันไต
- เดินป่าที่คามิโคจิ
- เดินป่ากลางหิมะ
- คู่มือการปีนภูเขาไฟฟูจิ — เส้นทางโยชิดะ
- อุทยานแห่งชาติโอเซะ
- เดินป่าที่เส้นทางซึ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในญี่ปุ่นคูมะโนะโคะโด ( Kumano kodo) พร้อมไกด์