HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

เปิดพิกัดชมใบไม้แดงแถบคิวชู (Kyushu)

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกช่วงหนึ่งในการเดินทางมาท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพราะทัศนียภาพ และสภาพอากาศในประเทศเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว

ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) เองส่วนใหญ่จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-23 องศา ถือเป็นภูมิภาคที่ใบไม้เปลี่ยนสีช้าที่สุด เหมาะสำหรับคนที่เดินทางไปเที่ยวปลายปี สามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ลงสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) ได้สะดวก

อากาศช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเย็นสบาย โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่อุณหภูมิ อาจจะเหลือเลขตัวเดียว ควรเตรียมเครื่องแต่งกายที่สามารถกันหนาวอย่าง แจ๊คเกตคลุมทับอีกตัว หรือ ผ้าพันคอ เป็นต้น โทนสีที่เข้ากับฤดูใบไม้ร่วงที่ชาวญี่ปุ่นนิยมก็คือโทนสีน้ำตาล

 

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีแถบคิวชู
ประกาศครั้งที่ 1 จาก JMC เมื่อ 4 กันยายน 2023

ในแต่ละปีทางสมาคมพยากรณ์อากาศญี่ปุ่น หรือ Japan Meteorological Corporation (JMC) จะอัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณช่วงเดือน กันยายน-พฤศจิกายน สามารถเช็คพยากรณ์ได้ที่เว็บ
https://n-kishou.com/corp/news-contents/autumn/

https://tenki.jp/kouyou/

https://weathernews.jp/koyo/

 

กิจกรรมที่แนะนำในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

นอกจากการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงยังมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น รวมถึงเทศกาลต่าง ๆ และปาร์ตี้ฮาโลวีน อาทิ
・การเดินป่า หรือปีนเขา เพราะอากาศกำลังดีเย็นสบาย อุณหภูมิปานกลาง
・ใช้ชีวิตท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีอย่าง Camping หรือ Glamping
・สนุกกับกิจกรรมในเทศกาลฮาโลวีน
・ปั่นจักยานชมใบไม้เปลี่ยนสี
・ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บผลไม้ทานกันสด ๆ ได้
・ชมการแข่งขันมวยปล้ำ แกรนด์ ซูโม่ ทัวร์นาเมนต์ (Grand Sumo Tournament)

 

ครั้งนี้จะมาแนะนำ 7 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีทั่วพื้นที่แถบคิวชู (Kyushu)

 

สวนคิโยมิซุเดะระ ฮนโบ (Kiyomizudera Honbo Garden), ฟุกุโอกะ (Fukuoka)


 

สวนคิโยมิซุเดะระ ฮนโบ (Kiyomizudera Honbo Garden)

 

สวนคิโยมิซุเดะระ ฮนโบ (Kiyomizudera Honbo Garden) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) สร้างขึ้นโดยนักบวชในยุคมุโรมาจิ (Muromachi Period) ได้นำเทคนิคการจัดสวนแบบจีนที่ได้ศึกษามาทำการสร้างสวนแห่งนี้ขึ้น โดยการนำหินมาวางประกอบกันรอบบ่อน้ำเป็นรูปทรงหัวใจ กลางบ่อน้ำยังมีเกาะเล็ก ๆ รูปร่างเหมือนเต่ากับนกกระเรียนอยู่ตรงกลางอีกด้วย พื้นดินโดยรอบยังถูกปกคลุมไปด้วยต้นมอสส์ และยังมีต้นเมเปิ้ลกระจายตัวอยู่รอบสวน ส่วนวิวทิวทัศน์ที่เห็นนั้นก็ได้ยืมมาจากเขาอะงะโตะ (Mt. Agato) เมื่อถึงช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง จะสามารถเห็นพระจันทร์ขึ้นสะท้อนผิวน้ำ จนเป็นหนึ่งในจุดชมจันทร์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนคิโยมิซุเดะระ ฮนโบ (Kiyomizudera Honbo Garden) ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด สร้างความงดงามดึงดูนักท่องเที่ยวให้มายังสวนแห่งนี้ โดยเฉพาะเวลาที่ใบเมเปิ้ลสีแดงร่วงไปอยู่บนพื้นต้นมอสส์สีเขียว
ค่าเข้าชม 300 เยน เปิดเวลา 09:00 น. ถึง 17:00 น.

กิจกรรมอื่นๆ

เที่ยวชมวัดคิโยมิซุเดะระ (Kiyomizudera Temple) วัดเก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นในยุคเฮอัน (Heian Period) โดยนักบวชนิกายเทนไดที่ได้กลับมาจากการศึกษาพุทธศาสนาจากประเทศจีนในระหว่างปี ค.ศ. 804 ถึง 805 เมื่อกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้มีนกนำทางจนไปพบกับต้นเนมุกลางป่า จากนั้นเขาได้สร้างพระโพธิสัตว์ขึ้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดคิโยมิซุเดะระ (Kiyomizudera Temple) ในเกียวโต (Kyoto) และอีกองค์หนึ่งประดิษฐานไว้ที่วัดชื่อเดียวกันแห่งนี้

อาหารที่แนะนำ

ไม่ไกลกันกับสวนคิโยมิซุเดะระ ฮนโบ (Kiyomizudera Honbo Garden) สามารถแวะไปทานอาหารได้ที่ร้าน TaKeYa ร้านเล็ก ๆ ที่เสิร์พเมนูอาหารง่าย ๆ เช่น ข้าวหรืออูด้งที่เสิร์พมาบนจานไม้ทำมือหรือกระบอกไม้ไผ่ทำมือเป็นต้น หรือ Cafe Restaturant HARU ที่อยู่ติดกับสวนที่เสิร์พเมนูหลากหลาย ทั้งอาหารคาว และหวาน

 

 

ที่อยู่ Kiyomizudera Honbo Garden
1117-4 Setakamachi Motoyoshi, Miyama, Fukuoka
การเดินทาง จากสถานี Hakata นั่ง Kyushu Shinkansen ลงสถานี Chikugo-Funagoya ใช้เวลา 25 นาที จากนั้นโดยสารรถ Taxi อีก 15 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.crossroadfukuoka.jp/spot/12762
https://www.fukuoka-bunkazai.jp/frmDetail.aspx?db=4&id=69
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.japan.travel/en/au/news-blog/autumn-leaves-of-kiyomizu-temple-honbo-teien-garden/
https://www.crossroadfukuoka.jp/en/spot/11664
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

หุบเขาคิวซุยเค (Kyusuikei Valley), โออิตะ (Oita)


 

หุบเขาคิวซุยเค (Kyusuikei Valley)

 

หุบเขาคิวซุยเค (Kyusuikei Valley) เป็นหน้าผาสูงชันทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามแม่น้ำคุสุ (Kusu River) 2 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโคโคโนเอะ (Kokonoe) จังหวัดโออิตะ (Oita) ห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์อันอุดมสมบูรณ์ ทั้งต้นสนโมมิ (Momi) ต้นซึกะ (Tsuga) ต้นคะซึระ (Katsura) และน้ำตกที่สวยงาม เส้นทางบนหุบเขานั้นคดเคี้ยว มีโค้งหักซอกหลายจุด จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หุบเขาสิบสามโค้ง (Jusan Magari)

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

ท่ามกลางธรรมชาติ และขุนเขาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปลายเดือนตุลาคม ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน บริเวณโดยรอบถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดง ส้ม เหลือง สดใสละลานตา จุดชมวิวใบไม้แดงที่นิยมคือ สะพานแขวนโคโคโนเอะ ยุเมะ (Kokonoe Yume Grand Suspension Bridge) ที่พาดผ่านระหว่างหุบเขา ได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนที่“สูงมากที่สุดในญี่ปุ่น” มีความสูง 173 เมตร ยาว 390 เมตร กว้าง 1.5 เมตร สามารถมองเห็นน้ำตกชินโด (Shindou falls) และป่าคิวซุยเค (Kyusuikei Valley) ได้จากบนสะพาน จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนพรมสีสัน

กิจกรรมอื่นๆ

รอบ ๆ สะพานแขวนโคโคโนเอะ ยุเมะ (Kokonoe Yume Grand Suspension Bridge) ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอนเซ็นคิวซุยเค (Kyusuikei Onsen) ทำเลที่ตั้งที่อยู่กลางหุบเขา ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามตลอด 4 ฤดูกาล ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมในการเดินทางมาพักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสามารถแช่อนเซ็นพร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงสลับเหลืองรายล้อมอยู่รอบตัวได้อย่างผ่อนคลาย

ภายในหมู่บ้านอนเซ็นมีที่พักที่ให้บริการแช่อนเซ็นอยู่มากมาย และในหลายระดับราคา อุณหภูมิของแหล่งน้ำแร่สูงถึง 50 องศาเซลเซียส และน้ำจะมีสีน้ำตาล เกิดจากแร่ธาตุไฮโดรเจนคาร์บอเนตที่ผสมอยู่ มีความเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น บรรเทาอาการของโรคไขข้อให้ดีขึ้น

อาหารที่แนะนำ

เมืองโคโคโนเอะ (Kokonoe) เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับเมืองซาเซโบะ (Sasebo) ในจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) ที่มีฐานทัพอเมริกาตั้งอยู่ จึงมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก แฮมเบอร์เกอร์จึงกลายเป็นของดีของเมืองนี้ จึงทำให้เมืองโคโคโนเอะ (Kokonoe) ก็มีเมนูเด่น ๆ ที่คล้ายกันคือโคโคโนเอะ ยูเมะ เบอร์เกอร์ (Kokonoe Yume Burger) เป็นเบอร์เกอร์ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อาทิ เนื้อวัว เนื้อหมู มะเขือเทศ ผักต่าง ๆ มีให้ลิ้มลองเฉพาะร้านที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น (ปัจจุบันมีประมาณ 8 ร้านทั่วเมือง)

ไส้ของแฮมเบอร์เกอร์มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ไส้เนื้อวัวบุงโกะ (bungo beef) พร้อมผักกาดขาว และมะเขือเทศ ไส้ยากิโซบะ ไส้ชิกเก้นนัมบัง ไส้แฮมเบิร์กเต้าหู้ เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม http://kokonoe.oita-shokokai.or.jp/pdf/berger.pdf

 

 

ที่อยู่ Kokonoe Yume Grand Suspension Bridge
1208 Tano, Kokonoe, Kusu District, Oita
การเดินทาง จากสถานีรถบัส Tenjin Expressway Bus Terminal โดยสารรถบัสที่มุ่งหน้าสู่สถานี Yufuin ลงป้าย Kokonoe Interchange ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที จากนั้นต่อรถบัส Kokonoe community bus ลงป้าย Otsurihashi Nakamura Guchi ใช้เวลา 20 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.visit-oita.jp/spots/detail/4738
https://kyusuikei.com/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://en.visit-oita.jp/onsen/spots/detail/4761
http://oitaisan.com/english/heritage/kokonoe-y ume-otsurihashi-and-kyusuikei-valley/
http://www.yumeooturihashi.com/download/english_version.pdf
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
http://th.visit-oita.jp/spots/detail/4738

 

สวนคุเน็นอัน (Kunenan Gardens), ซากะ (Saga)


 

สวนคุเน็นอัน (Kunenan Gardens)
photo credit : 佐賀県観光連盟

 

สวนคุเน็นอัน (Kunenan Gardens) ตั้งอยู่ที่เมืองคันซะคิ (Kanzaki) จังหวัดซากะ (Saga) เดิมทีเป็นบ้านพักวิลล่าของอิตามิ ยาทาโร่ (Itami Yataro) นักธุรกิจผู้มั่งคั่งในจังหวัดซากะเมื่อสมัยเมจิ ที่สวนแห่งนี้ถูกเรียกว่าคุเน็นอัน (Kunenan) เนื่องจากใช้เวลาสร้างนานถึง 9 ปี และถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามระดับชาติเมื่อปีค.ศ. 1995

พื้นที่ภายในสวนกว่า 68,000 ตร.ม. จะมีอาคารบ้านพักโบราณสไตล์ Sukiya zukuri ที่โดดเด่นด้วยมุงหลังคาทรงสูงจากหญ้าคายะ (Kaya) และผนังโคลน รายล้อมด้วยดอกอาซาเลีย หรือดอกสึสึจิ (Tsutsuji), ต้นเมเปิ้ล และพืชพรรณอื่น ๆ อย่างแน่นขนัด ทำให้รู้สึกถึงความเป็นสวนญี่ปุ่นได้จากความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติ กับตัวสถาปัตยกรรม

โดยจะเปิดให้คนนอกเข้าชมปีละ 2 ครั้งเท่านั้นคือ เฉพาะแค่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 9 วัน ตั้งแต่ 15-23 พฤศจิกายนของทุกปี และฤดูใบไม้ผลิเพียง 3 วันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

สวนคุเน็นอัน (Kunenan Gardens) มีชื่อเสียงในเรื่องการท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พอถึงช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ต้นเมเปิ้ลกว่า 140 ต้น จะแปรเปลี่ยนเป็น สีแดง สีส้ม สีเหลือง ไล่เฉดสีกันอย่างสวยงามทั่วทุกบริเวณ สามารถเดินเล่นชมความสดชื่นของมอสที่เติบโตตามธรรมชาติ ต้นไม้ และสระน้ำรอบ ๆ บ้าน จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ มุมสระน้ำที่สะท้อนตัวอาคาร และใบไม้เปลี่ยนสีราวกับกระจกเงา และมุมจากภายในบ้านพัก (เปิดให้เข้าเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง) ที่จะเห็นต้นเมเปิ้ลสีแดงที่เรียงรายให้ความตระการตาจากประตูด้านใน

กิจกรรมอื่นๆ

หากเดินต่อจากสวนคุเน็นอัน (Kunenan Gardens) ไปอีกนิด จะพบกับศาลเจ้านียามะ (Niiyama Shrine) ซึ่งใบไม้เปลี่ยนสีของศาลเจ้าก็สวยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในช่วงเย็นจนถึง 20:00 น. จะมีการเปิดไฟประดับช่วยเสริมสีสันของใบไม้แดงให้ทวีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

อาหารที่แนะนำ

คันซะคิโซเมง (Kanzaki Somen) เป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองคันซะคิ (Kanzaki) ที่มีมานานกว่า 390 ปีที่แล้ว เพราะข้าวสาลีคุณภาพสูงที่เก็บเกี่ยวจากพื้นที่ราบซากะ (Saga) สภาพอากาศ คุณภาพน้ำที่เปี่ยมไปด้วยแร่ธาตุ และกรมวิธีทักษะการดึงเส้นโซเมนด้วยมือ ทำให้เส้นโซเมนที่ได้มีความเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.furusato-tax.jp/feature/detail/41210/162268

 

 

ที่อยู่ Kunenan Gardens
1696 Kanzakimachiikuha, Kanzaki, Saga
การเดินทาง จากสถานี Saga โดยสารรถไฟ Nagasaki Main Line ลงสถานี Kanzaki ใช้เวลา 8 นาที จากนั้นต่อรถบัส Showa Bus Niiyama Jinja Mae ใช้เวลา 10 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.asobo-saga.jp/spots/detail/
https://www.tabirai.net/sightseeing/column/0006787.aspx
https://www.pref.saga.lg.jp/kiji00388584/index.html
https://www.hankyu-travel.com/kokunai/momiji/kunenan.php
http://www.yado.co.jp/kankou/saga/sagasi/kunenan/kunenan.htm
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://kanzaki-sagan-jp.
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.jnto.or.th/autumn2018/saga.html
https://kyushu.japan-tour.jp/th/saga-autumn-route/

 

สะพานสวนอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki todoro Koen Tsuri Bridge), คุมาโมโตะ (Kumamoto)


 

สะพานสวนอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki todoro Koen Tsuri Bridge)

 

สะพานสวนอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki Todoro Koen Tsuri Bridge) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1989 เป็นสะพานแขวนคอนกรีตยาว 116 เมตร พาดผ่านแม่น้ำทะนิอุจิ (Taniuchi River) ในหุบเขาโกคาโนโช (Gokanosho Gorge) ที่รายล้อมไปด้วยความงามของพืชพรรณที่แสนอุดมสมบูรณ์ ในเมืองยัตสึชิโระ (Yatsushiro) แห่งจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) และยังเป็นหนึ่งในสะพานแขวนที่ยาวที่สุดของพื้นที่หุบเขาโกคาโนโช (Gokanosho Gorge) อีกด้วย

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน หุบเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยไม้ที่ผลัดใบเป็นสีแดง ส้มหรือ สีเหลือง เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของคุมาโมโตะ (Kumamoto) และจุดชมวิว ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ คงจะหนีไม่พ้นทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีทั้งสองข้างจากมุมสูงบนสะพานแขวนเหนือหุบเขา ตัวสะพานมีความสูงเหนือทะเล 55 เมตร สามารถสัมผัสความตื่นเต้นกับวิวที่เห็นเบื้องล่างไปพร้อม ๆ กัน ให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินบนอากาศเลยทีเดียว

กิจกรรมอื่นๆ

เมื่อเดินข้ามสะพานแขวนจนสุดทาง และเดินต่อไปอีก 10 นาทีก็จะพบกับน้ำตกอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki Todoro Falls) ความสูง 38 เมตร ป่าไม้บริเวณรอบเส้นทางก็นับเป็นจุดท่องเที่ยวสุดพิเศษห้ามพลาดเช่นเดียวกัน

หุบเขาโกคาโนโช (Gokanosho Gorge) ได้ชื่อว่า เป็นหุบเขาลึกลับหนึ่งบนเกาะคิวชู มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,300–1,700 เมตรนี้ กว้างใหญ่ครอบคลุม 5 พื้นที่ฝั่งตะวันออกของเมืองยัตสึชิโระ (Yatsushiro) นอกจากสะพานแขวนอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki Todoro Koen Tsuri Bridge) แล้ว ยังมีสะพานแขวน และสถานที่เที่ยวอื่น ๆ ที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีจากมุมอื่นได้อย่าง สะพานแขวนโมมิงิ (Momigi Tsuri Bridge), น้ำตกเซ็นดัน โตะโดโระ (Sendan Todoro Waterfall)

อาหารที่แนะนำ

ปลายามาเมะ (Yamame) หรือปลาเทราต์ เป็นวัตถุดิบขึ้นชื่อของแถบโกคาโนโช (Gokanosho) และรู้จักในฐานะราชินีแห่งสายน้ำ เพราะเนื้ออร่อยนุ่ม และลวดลายที่สวยงาม นิยมนำมาย่างเกลือ หรือทานเป็นเท็มปุระ (Yamame Tendon) สามารถหาทานได้ที่ Gokanosho Toyama อยู่ไม่ไกลจากสะพานแขวนอุเมะโนะคิโตะโดโระ (Umenoki Todoro Koen Tsuri Bridge) และยังมีของฝาก ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอื่น ๆ ให้เลือกซื้ออีกมากมาย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.gokanosyo.jp/foods

 

 

ที่อยู่ Umenoki todoro Koen Tsuri Bridge
Izumimachinitao, Yatsushiro, Kumamoto
การเดินทาง จากสถานี Kumamoto โดยสารรถไฟ Kagoshima ลงสถานี Arisa ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นโดยสารรถยนต์ ใช้เวลา 70 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://kumamoto.guide/spots/detail/11778
https://www.kinasse-yatsushiro.jp/spots/detail/64
https://www.tabirai.net/sightseeing/column/0006459.aspx
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.kinasse-yatsushiro.jp/sp/en/spots/detail/64
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

สวนมิโซจิเอ็น (Misoji-en), นางาซากิ (Nagasaki)


 

สวนมิโซจิเอ็น (Misoji-en)
Photo credit : 一般社団法人 島原半島観光連盟

 

สวนมิโซจิเอ็น (Misoji-en) สวนลับ ๆ ที่จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งอยู่ในเขตอุนเซ็น (Unzen) จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) ติดกับอุทยานแห่งชาติอุนเซ็น อะมะคุสะ (Unzen-Amakusa National Park) เป็นสวนที่มีพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร และมีต้นเมเปิ้ลรวมกันกว่า 1,000 ต้นที่มีอายุกว่า 40 ปี และยังมีการเปิดไฟไลท์อัพให้ชมในช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกอีกด้วย โดยสวนจะเปิดให้เข้าชมระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

สวนมิโซจิเอ็น (Misoji-en) สามารถเข้าชมได้ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายนถึงวันที่ 4 ธันวาคมซึ่งเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 09:00 น. ถึง 21:30 น. ไฟไลท์อัพจะเปิดหลังพระอาทิตย์ตกเป็นต้นไป มีค่าเข้าชม 600 เยน (ผู้ใหญ่)

กิจกรรมอื่นๆ

ไม่ไกลจากสวนมิโซจิเอ็น (Misoji-en) สามารถไปเที่ยวพักผ่อนได้ที่อุนเซ็น อนเซ็น (Unzen Onsen) เมืองน้ำพุร้อนอนเซ็นขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง และขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมวิวเมืองและทะเลบนเขาเมียวเค็ง (Mt. Myoken) ได้ด้วยเช่นกัน

อาหารที่แนะนำ

สำหรับเมนูยอดนิยมในบริเวณนี้ก็ไม่ควรพลาดกับเมนูโอะบะมะ จัมปง (Obama Champon) เมนูเส้นขึ้นชื่อประจำเมืองโอะบะมะ (Obama) ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารจีน เป็นเมนูที่ผสมวัตถุดิบท้องถิ่นที่คัดสรรมาอย่างดีกว่า 10 ชนิด โดยมีร้านที่ขายเมนูนี้อยู่ในเมืองให้เลือกทานกว่า 15 ร้าน

 

 

ที่อยู่ Misoji-en
1870-4 Obamacho Minamikisashi, Unzen, Nagasaki
การเดินทาง จากสถานี Isahaya โดยสารรถบัส Shimatetsu ลงป้าย Mimitori ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที เดินต่ออีก 5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.nagasaki-tabinet.com/guide/51513
https://www.welcomekyushu.jp/event/
https://www.shimakanren.com/relax/event/detail.php?id=2384
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.discover-nagasaki.com/en/sightseeing/51513
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen), มิยาซากิ (Miyazaki)


 

เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen)

 

เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen) หรือที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) ติดกับจังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติคิริชิมะ คินโกะวัง (Kirishima Kinkowan National Park) ประกอบไปด้วยหลุมบ่อน้ำและปากปล่องภูเขาไฟหลายแห่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักเดินเขา เพราะมีเส้นทางให้เดินหลายเส้นทางและหลายระยะทาง โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดบนเอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen) โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่ควรพลาดกับเส้นทางบ่อรกคังนนมิ (Rokkannonmi Pond) เพราะเป็นเส้นทางเดินที่เหมาะกับทุกคน ใช้เวลาไม่นานเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงแบบไปกลับเท่านั้น

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

ใบไม้เปลี่ยนสีที่เป็นไฮไลท์ของเอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen) คือบริเวณบ่อรกคังนนมิ (Rokkannonmi Pond) โดยใบไม้จะเปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ควรพลาด ใช้เวลาเดินเพียง 2 ชั่วโมงแบบไปและกลับ ระยะทางประมาณ 4.3 กิโลเมตร ผ่าน 2 บ่อทั้งบ่อรกคังนนมิ (Rokkannonmi Pond) และบ่อฟุโดะ (Fudo Pond) นอกจากจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามแล้ว ยังสามารถมองเห็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง มีบ่อน้ำสีน้ำเงินเป็นฉากหน้า โดยมีใบไม้เปลี่ยนสีขั้นกลางเป็นภาพที่สวยงามเกินจะบรรยายได้ หรือถ้าเน้นเดินทางสะดวก บริเวณบ่อฟุโดะ (Fudo Pond) ก็สวยงามไม่แพ้กัน สามารถจอดรถได้ริมบ่อโดยไม่ต้องเดินอีกด้วย

กิจกรรมอื่นๆ

กิจกรรมหลักในบริเวณเอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen) คือการเดินเขา มีเส้นทางให้เลือกเดินที่หลากหลาย เส้นทางสบาย ๆ ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่า 6 ชั่วโมงก็สามารถเลือกเส้นทางเดินทางได้ โดยแต่ละเส้นทางก็จะมีความยากง่ายในการเดินแตกต่างกันออกไป ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง หรือใครที่ชอบแคมป์ปิ้งก็สามารถมานอนแคมป์ได้เช่นกัน

อาหารที่แนะนำ

ถ้าพูดถึงจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) ต้องยกให้เมนูที่ทำจากไก่บ้าน เพราะเป็นวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อ และยังได้รับการรันตีว่าสามารถทานแบบดิบได้อย่างปลอดภัย เพราะฟาร์มที่มีการเพาะเลี้ยงในจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน JAS เท่านั้น โดยจุดเด่นคือ เนื้อไก่ที่ฉ่ำ และนุ่มเด้งสู้ฟัน กลิ่นหอมไม่เหม็นคาว เมนูเด่น ๆ ที่สามารถหาทานได้ อาทิ ไก่ทอดซอสนัมบัง ซาชิมิไก่ดิบ ไก่ย่างเกลือ หรือไก่ย่างซอส โดยจะนิยมนำเครื่องใน และเนื้อไก่มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทานกัน จะมีขายตามร้านอาหารในเมือง และจุดพักรถ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://ebino-kankou.com/souvenir

 

 

ที่อยู่ Ebino Kogen
Suenaga, Ebino, Miyazaki 889-4302
การเดินทาง จากสถานี Kagoshima โดยสารรถไฟ Kirishima ลงสถานี Kirishima Jingu ใช้เวลา 44 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Iwasaki ลงป้าย Maruo ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Kirishima Renzen ลง Ebino Kogen ใช้เวลา 30 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.kagoshima-kankou.com/guide/50927
https://ebino-kankou.com/taxo_areaguide/ebino-plateau
https://ebino-ecomuseum.go.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.japan.travel/en/destinations/kyushu/miyazaki/ebino/
https://www.visit-kyushu.com/en/spots/ebino-plateau/
https://ebino-ecomuseum.go.jp/en/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu), คาโกชิม่า (Kagoshima)


 

ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu)

 

ศาลเจ้าคิริชิมะจิงกู (Kirishima Jingu) ตั้งอยู่เมืองคิริชิมะ (Kirishima) ในจังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งแช่อนเซ็นชั้นเลิศ และจุดสักการะศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ศาลเจ้าถูกก่อตั้งขึ้นราวศตวรรษที่ 6 ว่ากันว่าถูกไฟไหม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนื่องจากการปะทุของภูเขาคิริชิมะ (Kirishima) ก่อนที่จะถูกย้ายไปยังตำแหน่งปัจจุบันเมื่อกว่า 500 ปีที่แล้ว โดยอาคารศาลเจ้าที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1715 และยังได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ

ความโดดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมโบราณอันงามสง่าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้ดูร่มรื่น ให้บรรยากาศที่ดูขลัง มีต้นสนศักดิ์สิทธิ์อายุ 800 ปี ที่เป็นจุดรับพลังงานบวกของชาวคาโกชิม่า (Kagoshima) อีกด้วย

จุดชมใบไม้แดง และช่วงเวลา

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามมากโดยเฉพาะในฤดูใบร่วง ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดถ่ายรูปคือ บริเวณบันไดทางขึ้นศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu) ที่จะมีเสาโทริอิสีแดงฉานตั้งอยู่เป็นฉากหลัง ห้อมล้อมด้วยสีสันจากใบไม้เปลี่ยนสี

กิจกรรมอื่นๆ

ไม่ไกลจากศาลเจ้าประมาณ 15 นาที สามารถเยี่ยมชมสถานที่ตั้งศาลเจ้าดั้งเดิมที่ทะคะจิโฮะกะวะระ (Takachiho Gawara) ซึ่งยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขาคิริชิมะ (Kirishima) และจากศาลเจ้าสามารถนั่งรถบัสไปยังคิริชิมะ อนเซ็น (Kirishima Onsen) ซึ่งเป็นชื่อเรียกรวมของหมู่บ้านอนเซ็นทั้ง 4 แห่งที่กระจายอยู่รอบเมือง สถาปัตยกรรมโบราณของเรียวกังแต่ละที่นั้นหลอมรวมเข้ากับทัศนียภาพใบไม้แดงโดยรอบอย่างกลมกลืน แขกสามารนอนแช่อนเซ็นพร้อมดื่มด่ำไปกับโทนสีอบอุ่นของใบไม้ที่เปลี่ยนสีผลัดใบได้

หมู่บ้านทั้ง 4 แห่งจะอยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ของเมืองได้แก่
・ ทิศเหนือแถวภูเขาคิริชิมะ (Kirishima)
1. หมู่บ้านคิริชิมะอนเซ็น (Kirishima Onsen) ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาลึก มีต้นน้ำอนเซ็นที่ส่งตรงจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติหลากหลายที่ ทำให้แต่ละแห่งล้วนมีคุณสมบัติของน้ำแร่ที่แตกต่างกันไป ทั้งจากเกลือกำมะถัน หรือกรดคาร์บอนิก
2. หมู่บ้านอนเซ็นคิริชิมะจิงกู (Kirishima Jingu Onsen) ตั้งอยู่ล้อมรอบศาลเจ้าคิริชิมะจิงกู (Kirishima Jingu) ว่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อให้คนที่มาสักการะศาลเจ้า สามารถเปิดประสบการณ์มาสก์โคลนธรรมชาติจากบ่ออนเซ็นได้ที่ซากุระ ซากุระ อนเซ็น (Sakura Sakura Onsen)
・ ทิศใต้แถวใจกลางเมือง
3. หมู่บ้านอนเซ็นเมียวเค็นอันราคุ (Myoken Anraku) ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำอะโมริกาวะ (Amorigawa) มีเรียวกังเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ที่ขึ้นชื่อบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง มาพร้อมวิวสวย ๆ ให้เลือกเข้าพัก สรรพคุณของอนเซนที่นี่จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และผิวนุ่มสวย
4. หมู่บ้านอนเซ็นฮินาตะยามะ (Hinatayama) เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งแต่ปีค.ศ. 1298 และขึ้นชื่อว่าเป็นบ่ออนเซ็นแห่งความสวย เพราะน้ำแร่จะมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ

อาหารที่แนะนำ

จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) เป็นแหล่งเพาะหมูดำคุโรบุตะแหล่งใหญ่ของญี่ปุ่น และเมืองคิริชิมะ (Kirishima) เองก็มีชื่อเสียงเรื่องวัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ น้ำส้มสายชูสีดำ เหล้าสาเก และเมนูหมูดำคุโรบุตะ เนื้อหมูจะเป็นสีแดงเข้ม มีไขมันแทรกเป็นลายหินอ่อน ทำให้เนื้อนุ่มกว่าเนื้อหมูทั่วไป นิยมนำไปทำเป็นเมนูชาบูชาบู หมูทอดทงคัตสึ ร้านอาหารที่สามารถหาทานเมนูหมูคุโรบุตะ และเมนูที่ทำจากวัตถุดิบขึ้นชื่อ มักจะกระจุกตัวอยู่ทางตอนใต้ของเมือง

 

 

ที่อยู่ Kirishima jingu
2608-5 Kirishimataguchi, Kirishima, Kagoshima
การเดินทาง จากสถานี Kagoshima โดยสารรถไฟ Nippou Line Kirishima limited express ลงสถานี Kirishima Jingu ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่อ 10 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://kirishimajingu.or.jp/
https://www.kagoshima-yokanavi.jp/spot/20063
https://www.kagoshima-kankou.com/guide/10113
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.kagoshima-kankou.com/for/attractions/10113
https://www.visit-kyushu.com/en/spots/kirishima-jingu-shrine/
https://www.kagoshima-yokanavi.jp/en/spot/20063
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/destinations/kyushu/kagoshima/kirishima/
https://www.japan.travel/th/spot/597/

 

เพจที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages