HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

หลงใหลไปกับภูมิภาคโฮคุริคุผ่านมุมมองของคำว่า “Wa (和) Bi (美) Shoku (食)”

เปิดประสบการณ์ทดลองย้อมผ้าแบบคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) ©金沢市

 

ภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku) คือภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในกลางเกาะฮอนชู (Honshu) หันหน้าออกไปทางทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ประกอบด้วย 3 จังหวัดได้แก่จังหวัดโทยามะ (Toyama) จังหวัดอิชิคาวา (Ishikawa) จังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ภูมิภาคนี้มีธรรมชาติ ทั้งเทือกเขา ทะเล แม่น้ำ และวัฒนธรรมให้ค้นหามากมาย ทั้งเทือกเขาเจแปนแอลป์ทอดตัวเป็นจุดเด่น รวมถึงแหล่งอนเซ็นขึ้นชื่ออย่างคุโรเบะอนเซ็น (Kurobe Onsen) คะงะอนเซ็น (Kaga Onsen) หรือใครที่ต้องการสัมผัสกับวิถีชีวิตของญี่ปุ่นโบราณ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่เหมาะสำหรับออกเดินทางค้นพบความแปลกใหม่ที่พลาดไม่ได้

ในครั้งนี้ได้หยิบยกคอนเซ็ปต์การท่องเที่ยวที่จะให้นักเดินทางได้ออกไปเปิดประสบการณ์สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งผ่านมุมมองของคำว่า “Wa (和) Bi (美) Shoku (食)”

 

“Wa (和) Bi (美) Shoku (食)” คืออะไร

Wa (和) อ่านว่า วะ
หมายถึง ความเป็นญี่ปุ่น / ที่สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น / ความสงบสุข
Bi (美) อ่านว่า บิ
หมายถึง ความสวยงาม / ความงดงามจากการเห็นคุณค่าของความเรียบง่าย
Shoku (食) อ่านว่า โชคุ
หมายถึง อาหาร

 

จังหวัดโทยามะ (Toyama)


จังหวัดโทยามะ (Toyama) เป็นจังหวัดที่อยู่ใจกลางฝั่งตะวันออกของทะเลญี่ปุ่น มีเมืองหลักคือเมืองโทยามะ (Toyama) ภูมิประเทศของจังหวัดนี้เต็มไปด้วยเทือกเขา และหมู่บ้านโบราณมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เป็นที่รู้จักในหมู่นักเดินทาง อาทิเช่น เส้นทางเจแปนแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route), หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคะวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นต้น

สำหรับจังหวัดโทยามะ (Toyama) ที่แนะนำภายใต้คอนเซ็ปต์ “Wa (和) Bi (美) Shoku (食)” ได้แก่
Wa (和) : โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen)
Bi (美) : โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato)
Shoku (食) : อุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan)

 

โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen)

โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen) ในฤดูหนาวที่ถ่ายจากเรือร่องแม่น้ำโช (Shogawa)

 

โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen) เรียวกังที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโช (Shogawa) ใจกลางหุบเขาลึกทางตอนใต้ของจังหวัดโทยามะ (Toyama) โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงคือโกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) และชิราคาวะโก (Shirakawago)

 

จุดเด่นของสถานที่

โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen) ไม่ได้เป็นเพียงเรียวกัง ที่เดินทางเข้ามาพักผ่อน แช่อนเซ็นแล้วก็กลับ แต่เรียวกังแห่งนี้จะเริ่มสร้างความน่าตื่นเต้น และความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้นของการเดินทางสู่ที่พัก โดยการร่องเรือไปตามหุบเขา และแม่น้ำโช (Shogawa) โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นเรือจะทำการหยุดอยู่หน้าเรียวกังเพื่อให้ได้ถ่ายภาพมุมที่สวยที่สุดของเรียวกังก่อนจะเทียบท่าเพื่อเดินทางเข้าไปพักผ่อน

เรียวกังแห่งนี้ไม่สามารถขับรถเข้ามาได้โดยตรง ถ้าหากมาพักผ่อนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะสามารถพบเห็นใบไม้เปลี่ยนสีตลอดสองฝั่งแม่น้ำ และโดยรอบของเรียวกัง หรือฤดูหนาวก็จะสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอันสวยงาม จนยากจะลืมเลือน

นอกจากนี้ยังมีอาหารชุดไคเซกิที่นำวัตถุดิบของจังหวัดโทยามะ (Toyama) ให้บริการในช่วงค่ำ และอาหารเช้ารวมอยู่ด้วย และที่สำคัญคือบ่ออนเซ็นที่จะมีให้เลือกอยู่มากถึง 6 บ่อ

ภายใต้คอนเซปต์ “Wa” (和) ที่หมายถึง ความเป็นญี่ปุ่น ที่โอะมาคิอนเซ็น (Omaki onsen) นั้นได้มอบประสบการณ์การพักผ่อนในโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น หรือเรียวกัง (Ryokan) ได้อย่างตรงไปตรงมา และยังเพิ่มเติมด้วยการล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ที่มีความพิเศษยากที่จะหาได้จากที่ไหน ๆ

 

กิจกรรมที่น่าสนใจ

กิจกรรมที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเรียวกังแห่งนี้คือการร่องเรือแม่น้ำโช (Shogawa) การแช่อนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และสงบจนสัมผัสได้ถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่

 

 

ที่อยู่ Omaki onsen
44 Togamura Omaki, Nanto, Toyama
การเดินทาง จากสถานี Shin-Takaoka โดยสารรถบัส Kaetsuno ลงป้าย Komaki จากนั้นโดยสารเรืออีก 30 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.oomaki.jp/
https://toyama.visit-town.com/toyamastyle/omakionsen
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.tabi-nanto.jp/en/archives/1307
https://gmtoyamafukui.gnavi.co.jp/shop/1316008502/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato)

ภาพถ่ายยามค่ำคืนของโกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato)ในฤดูหนาว

 

โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดโทยามะ (Toyama) ไม่ไกลกันกับชิราคาวะโก (Shirakawago) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกเช่นกัน

 

จุดเด่นของสถานที่

โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างมาในสไตล์กัชโชซุคุริ (Gussho-zukuri) เป็นบ้านไม้ที่มีหลังคาที่มุงด้วยหญ้า และมีความลาดชันสูงของทรงหลังคา การออกแบบหลังคาในลักษณะนี้เพื่อป้องกันการทับถมสะสมกันของหิมะในฤดูหนาวนั่นเอง โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) แบ่งออกเป็น 2 หมู่บ้าน ประกอบไปด้วย ไอโนะคุระ (Ainokura) และสุกะนุมะ (Suganuma) โดยหมู่บ้านทั้งสองแห่งนั้นได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1995

ภายใต้คอนเซปต์ "Bi" (美) ที่หมายถึง ความสวยงาม ที่โกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) เป็นสถานที่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยป่า และเขาที่สวยงาม และสงบสุขพร้อมกันกับสถาปัตยกรรมของบ้านในสไตล์กัชโชซุคุริ (Gussho-zukuri) ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามน่าค้นหาในแต่ละฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

ภายในโกะคะยามะ กัซโซ โนะ ซาโตะ (Gokayama Gassho no Sato) มีกิจกรรมให้ทำที่หลากหลาย อาทิเช่น การเดินทัวร์พร้อมไกด์ท้องถิ่น ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้านโกะคะยามะ (Gokayama Folk Song) การเดินป่า หรือเข้าร่วมเทศกาลโกะคะยามะ มุงิยะ (Gokayama Mugiya Festival) เทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อขอบคุณพรจากศาลเจ้าสำหรับการให้ผลผลิตการเกษตรที่ดีในปีนั้น ๆ ผ่านการเต้นระบำมุงิยะ (Mugiya Odori) จัดขึ้นทุกวันที่ 23 - 24 กันยายนของทุกปีที่ศาลเจ้าจินุชิ (Jinushi Shrine) และเทศกาลโคคิริโกะ (Kokiriko Festival)

เทศกาลเต้นระบำพร้อมการแสดงดนตรีพื้นบ้านบริเวณศาลเจ้าฮะคุซัง (Hakusan Shrine) ในวันที่ 25 - 26 กันยายนของทุกปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมการเต้นรำได้ทั้งสองเทศกาล

 

 

ที่อยู่ Gokayama Gassho no Sato
855 Suganuma, Nanto, Toyama
การเดินทาง จากสถานี Shin-Takaoka โดยสารรถบัส World Heritage Bus ลงป้าย Ainokura ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 3 นาที หรือ ลงป้าย Suganuma ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 18 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.gokayama.jp/
https://gokayama-info.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.gokayama.jp/en/
https://gokayama-info.jp/en/
https://www.japan.travel/en/destinations/hokuriku-shinetsu/toyama/gokayama/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://foreign.info-toyama.com/th/tokushu/gokayama/
https://www.japan.travel/th/destinations/hokuriku-shinetsu/toyama/gokayama/

 

อุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan)

คามะโบโกะ (Kamaboko) จากอุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan) ©️Umekama Co., Ltd.

 

อุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan) ตั้งอยู่ในเมืองโทยามะ (Toyama) จังหวัดโทยามะ (Toyama) เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ ๆ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะกระจกเมืองโทยามะ (Toyama Glass Art Museum) ที่จัดแสดงชิ้นงานศิลปะจากกระจก และแก้วที่สวยงามมากมาย หรือปราสาทโทยามะ (Toyama Castle) ปราสาทประจำเมืองที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

 

จุดเด่นของสถานที่

หากใครชื่นชอบลูกชิ้นปลาสไตล์ญี่ปุ่นคามะโบโกะ (Kamaboko) ลูกชิ้นลายสวย ๆ ที่เรามักจะเห็นได้บนเมนูราเมงต่าง ๆ ที่อุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan) นั้นจะพานักท่องเที่ยวไปเรียนรู้ขั้นตอนการผลิต และการทำคามะโบโกะ (Kamaboko) ให้เป็นรูปร่าง และลายต่าง ๆ ที่ดูสวยงามและน่ากินจนเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของแบรนด์

ภายใต้คอนเซปต์ "Shoku" (食) ที่หมายถึง อาหาร ที่อุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan) นั้นได้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการรังสรรค์รูปลักษณ์ของคามะโบโกะ (Kamaboko) ให้มีความน่าสนใจ และพิเศษยิ่งขึ้น

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

สามารถทัวร์โรงงานผลิตคามะโบโกะ (Kamaboko) ในอุเมะคามะ มิวเซียม อุเมอิคัง (Umekama Museum U-mei Kan) แบบไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถศึกษาขั้นตอนการผลิต และการตกแต่งลวดลายได้อย่างใกล้ชิด และยังสามารถเลือกซื้อคามะโบโกะ (Kamaboko) ลายสวย ๆ มากมายไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

 

 

ที่อยู่ Umekama Museum U-mei Kan
482-8 Mizuhashi Kainazaki, Toyama
การเดินทาง จากสถานี Mizuhashi โดยสารรถแท็กซี่ ใช้เวลา5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.umekama.co.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
http://www.toyamashi-kankoukyoukai.jp/en/?tid=201271
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://toyamacrafts.com/พิพิธภัณฑ์อุเมะคามะ-u-mei-คัง/

 

จังหวัดอิชิคาวา (Ishikawa)


จังหวัดอิชิคาวา (Ishikawa) เป็นจังหวัดที่อยู่กึ่งกลางของเกาะฮอนชู มีเมืองหลักคือเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ลักษณะของพื้นที่จังหวัดนี้ยาว และแคบ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่นทางทิศเหนือ เรียกว่าพื้นที่โนะโตะ (Noto Peninsula) โดดเด่นในเรื่องของเกษตรกรรม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิเช่น เมืองปราสาทอันเก่าแก่ในเมืองคานาซาวะ, นาข้าวขั้นบันไดเซนไมดะ (Senmaida Rice Terraces), พิพิธภัณฑ์ศิลปะศตวรรษที่ 21 (21st Century Museum of Contemporary Art) เป็นต้น

สำหรับจังหวัดอิชิคาวา (Ishikawa) ที่แนะนำภายใต้คอนเซ็ปต์ “Wa (和) Bi (美) Shoku (食)” ได้แก่
Wa (和) :
พิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum)
Bi (美) : คะงะ ยูเซน กิโมโนะ เซ็นเตอร์ (Kaga-Yuzen Kimono Center)
Shoku (食) : ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District)

 

พิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum)

โคมไฟคิริโคะ (Kiriko) ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ ©石川県観光連盟

 

พิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum) ตั้งอยู่ในเมืองวะจิมะ (Wajima) เหนือสุดของคาบสมุทรโนะโตะ (Noto Peninsula) ของอิชิคาวา (Ishikawa) ใกล้กันกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างนาข้าวขั้นบันไดชิโรโยเนะ เซนไมดะ (Shiroyone Senmaida) นาข้าวที่ตั้งอยู่ติดกับทะเล หรือตลาดเช้าวะจิมะ (Wajima Morning Market) ตลาดเช้าขึ้นชื่อของจังหวัดที่มีผลผลิตทางการประมงและการเกษตรพร้อมกับสินค้าท้องถิ่นให้ได้เลือกซื้อมากมาย

 

จุดเด่นของสถานที่

ภายในพิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum) ได้มีการจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของเทศกาลโนะโตะคิริโคะ (Noto Kiriko Festival) พร้อมจัดแสดงโคมไฟคิริโคะ (Kiriko) ที่ใช้ในเทศกาลจริง ๆ ให้ได้ชื่นชมได้อย่างใกล้ชิด

เทศกาลโนะโตะคิริโคะ (Noto Kiriko Festival) เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ประจำคาบสมุทรโนะโตะ (Noto Peninsula) ที่มีมาอย่างช้านาน มีการจัดเทศกาลต่อเนื่องกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยจะมีพิธีการหลากหลายรูปแบบแยกกันไปตามเมืองต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของเทศกาลโนะโตะคิริโคะ (Noto Kiriko Festival) คือโคมไฟคิริโคะ (Kiriko) ที่มีตั้งแต่ขนาดเล็ดไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีความสูงได้มากกว่า 10 เมตร ใช้แรงคนในการแบกหาม และเดินไปรอบเมืองในยามค่ำคืน

ภายใต้คอนเซปต์ “Wa” (和) ที่หมายถึง ความเป็นญี่ปุ่น ที่พิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum) นั้นได้แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นของผู้คนในคาบสมุทรโนะโตะ (Noto Peninsula) ได้อย่างชัดเจนผ่านความร่วมมือร่วมใจกันในการจัดเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

 

กิจกรรมที่น่าสนใจ

ภายในพิพิธภัณฑ์วะจิมะ คิริโคะ (Wajima Kiriko Art Museum) สามารถรับประสบการณ์การแบกโคมไฟคิริโกะพร้อมกับการเรียนรู้ขั้นตอนต่าง ๆ ในการแบก และการเดินที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ๆ หรือเรียนรู้และลองการตีกลองไทโกะ (Taiko Drumming) ที่เป็นอีกส่วนสำคัญของเทศกาลด้วยเช่นกัน

 

 

ที่อยู่ Wajima Kiriko Art Museum
6-1 Marine Town, Wajima, Ishikawa
การเดินทาง จากสถานี Kanazawa โดยสารรถบัส Express Bus ลงป้าย Wajima Marine Town ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที เดินต่ออีก 5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://wajima-kiriko.com/
https://www.hot-ishikawa.jp/spot/18475
https://wajimanavi.jp/tourism/kirikokaikan/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://wajima-kiriko.com/en
https://www.ishikawatravel.jp/en/spots/wajima-kiriko-art-museum/
https://www.hokurikuandtokyo.org/spot_47/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

คะงะ ยูเซน กิโมโน เซ็นเตอร์ (Kaga-Yuzen Kimono Center)

ช่างฝีมือบรรจงวาดลวดลายลงบนผืนผ้าด้วยวิธีคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) ©金沢市

 

คะงะ ยูเซน กิโมโน เซ็นเตอร์ (Kaga-Yuzen Kimono Center) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) จังหวัดอิชิคาวา (Ishikawa) ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย อาทิเช่น สวนเคนโรคุเอ็ง (Kenrokuen Garden) สวนญี่ปุ่นชื่อดัง และที่ย่านโรงน้ำชาฮิงาชิชายะ (Higashi Chaya District) ที่สองข้างทางเรียงรายด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ที่นำมาดัดแปลงเป็นร้านค้า และคาเฟ่เก๋ ๆ

 

จุดเด่นของสถานที่

ศิลปะการย้อมผ้าแบบคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) เป็นวัฒนธรรมโบราณกว่า 500 ปี ถูกพัฒนา และรุ่งเรืองมากในพื้นที่คะงะ ทั้งเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) เป็นการวาดลวดลายลงบนผ้าโดยใช้สีหลักเพียง 5 สี ได้แก่ สีเขียวแก่ เหลืองน้ำตาล สีเลือดหมู สีม่วงแก่ และสีคราม มีกระบวนการทำที่ปราณีตนานถึง 12 ขั้นตอน จากนั้นก็นำผ้าที่ได้มาใช้ตัดกิโมโน โดยลวดลายที่ปรากฏอยู่บนผ้าส่วนใหญ่จะเป็นลายดอกไม้ หรือทิวทัศน์ธรรมชาติ

ที่คะงะ ยูเซน กิโมโน เซ็นเตอร์ (Kaga-Yuzen Kimono Center) แห่งนี้เปิดให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ศิลปะหัตถกรรมดั้งเดิม ด้วยเทคนิคการจัดแสดงโชว์ชุดกิโมโนลวดลายโบราณ หายาก ประวัติความเป็นมา และ กรรมวิธีการผลิตต่าง ๆ รวมถึงผู้เข้าชมจะได้สัมผัสศิลปะหัตถกรรมนี้ผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมกับหาซื้อสินค้าที่ผลิตจากการย้อมแบบคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) ติดมือกลับไปเป็นของฝากที่ระลึกได้เช่นกัน

ภายใต้คอนเซปต์ "Bi" (美) ที่หมายถึง ความสวยงาม ที่คะงะ ยูเซน กิโมโน เซ็นเตอร์ (Kaga-Yuzen Kimono Center) เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาชน ผ่านงานฝีมือที่ต้องใช้ความปราณีต และความชำนาญ รังสรรค์ออกมาเป็นผลงานสวยงามให้คนรุ่นหลังได้รักษาไว้

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

ที่นี่สามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองผ่านประสบการณ์ทดลองย้อมสีแบบคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) โดยจะมีให้เลือกย้อมสีผ้าเช็ดหน้า ผ้าคลุมกล่องข้าว ที่รองจาน กระเป๋าผ้า เสื้อยืด หรือถุงผ้าเก็บไว้เป็นของที่ระลึก หรือนำไปเป็นของฝากได้ รวมถึงยังสามารถหาเช่ากิโมโนที่ตัดจากผ้าที่ย้อมแบบคะงะ ยูเซน (Kaga Yuzen) ใส่ไปเดินเล่นที่ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District) ได้ด้วย

 

 

ที่อยู่ Kaga-Yuzen Kimono Center
8-8 Koshomachi, Kanazawa, Ishikawa
การเดินทาง จากสถานี kanazawa โดยสารรถบัส Kanazawa Loop Bus ลงป้าย Kenrokuen Garden・Kanazawa Castle Park ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นเดินต่อ 2 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.kagayuzen.or.jp/
https://www.hot-ishikawa.jp/spot/4909
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
http://www.kagayuzen.or.jp/index_en/
https://www.ishikawatravel.jp/en/spots/kaga-yuzen-kimono-center/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District)

เช่ากิโมโนเดินเล่น แวะทานซอฟท์ครีมทองคำเปลวที่ร้าน HAKUCHI ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District)

 

ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District) ตั้งอยู่บริเวณเขตฮิงาชิยามะ (Higashiyama) ของเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ ตลอด 2 ข้างทางจะเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าแก่ที่อนุรักษ์ไว้มีอายุกว่า 200 ปี ถูกกำหนดให้เป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็น 1 ใน 3 ย่านที่ยังคงมีเกอิชาให้ความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวอยู่ด้วย ย่านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิเช่น สวนเคนโรคุเอ็ง (Kenrokuen Garden), ปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa Castle) เป็นต้น

 

จุดเด่นของสถานที่

เมืองคานาซาวะ (Kanazawa) เป็นเมืองที่มีปริมาณการผลิตทองคำเปลว หรือที่เรียกว่า “(Kanazawa haku)” มากถึง 99% เนื่องจากมีสภาพอากาศที่ชื้นจนเหมาะสม และความชำนาญเรื่องงานฝีมือที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นวัดคิงคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือศาลเจ้านิกโกโทโชกู (Nikko Toshogu Shrine) รวมถึงเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเขินโบราณก็ล้วนใช้ทองคำเปลวจากเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ทั้งสิ้น

ปัจจุบันได้มีการพัฒนานำเอาทองคำเปลวมารังสรรค์เสิร์ฟพร้อมกับเมนูอาหาร สามารถหาชิมได้ตามคาเฟ่ หรือร้านอาหารที่ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District) เช่นซอฟท์ครีมทองคำเปลว (Kinpaku Softcream), ขนมอังมิสึ (Anmitsu) ขนมหวานใส่ถั่วแดงกวนและผลไม้แปะทองคำเปลวจากร้าน HAKUCHI ทาโกะยากิทองคำเปลว, น้ำแข็งใสทองคำเปลว, เยลลี่ผลไม้ทองคำเปลวจากร้าน HAKUZA นอกจากนี้ยังมีกาแฟ ชาทองคำเปลว และคุสุคิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในขนมวากาชิที่แปะทองคำเปลวจากร้าน KAIKARO และอีกหลายร้านมากมาย ซึ่งแผ่นทองคำเปลวของคานาซาวะ (Kanazawa) ที่ใช้นั้นบางเพียง 1-2 มิลลิเมตร เท่านั้น

ภายใต้คอนเซปต์ "Shoku"(食) ที่หมายถึง อาหาร ที่ย่านโรงน้ำชาฮิงะชิฉะยะ (Higashi Chaya District) เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญ ที่ยังคงให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น และยังคงชูวัฒนธรรมการทานทองคำเปลวที่เป็นจุดเด่นของเมืองคานาซาวะ (Kanazawa) ได้เป็นอย่างดี

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

นอกจากจะหาทานเมนูสุดล้ำที่ทำจากทองคำเปลวแล้ว ยังสามารถเปิดประสบการณ์หัตถกรรมทองคำเปลวได้ที่ร้าน HAKUCHI ยังสามารถทดลองตกแต่งทองคำเปลวลงบนสินค้าได้ด้วยตัวเอง เช่นจาน ตะเกียบไม้ กล่องไม้ กระจกพกพาเป็นต้น หรือทดลองนำแผ่นทองผืนใหญ่ออกจากกระดาษห่อด้วยตะเกียบ ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการผลิตทองคำเปลวที่ต้องใช้ความใจเย็น

 

 

ที่อยู่ Higashi Chaya District
1 Chome-13 Higashiyama, Kanazawa
การเดินทาง จากสถานี Kanazawa โดยสารรถ Hokuriku Tetsudo Bus ไปลงที่ป้าย Hashiba-cho ใช้เวลาประมาณ 7 นาที จากนั้นเดินต่อ 10 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.kaikaro.jp/cafe_jp.html
https://goldicecream.hakuichi.co.jp/
https://www.hakuza.co.jp/shop/kinnoengiya/
http://www.kaikaro.jp/cafe_jp.htmll
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.ishikawatravel.jp/en/spots/higashi-chaya-district/
https://www.kanazawastation.com/the-higashi-chaya-gai-geisha-district/
https://www.japan.travel/en/spot/1405/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/1405/
https://www.jnto.or.th/newsletter/kanazawa/

 

จังหวัดฟุคุอิ (Fukui)


จังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ตั้งอยู่ทางตอนบนของจังหวัดเกียวโต (Kyoto) มีเมืองหลักคือเมืองฟุคุอิ (Fukui) รายล้อมด้วยธรรมชาติ ขุนเขา และสถานที่ท่องเที่ยวที่อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ และยังมีชื่อเสียงด้านการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนมาก อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์, วัดเอเฮจิ (Eiheji Temple) และปราสาทมารุโอกะ (Maruoka Castle) เป็นต้น

สำหรับจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ที่แนะนำภายใต้คอนเซ็ปต์ “Wa (和) Bi (美) Shoku (食)” ได้แก่
Wa (和) :
คุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku)
Bi (美) : โทจินโบ (Tojinbo)
Shoku (食) : เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba)

 

คุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku)

บรรยากาศถนนคุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku) รายล้อมด้วยอาคารเก่า และมีคูน้ำไหลรินอยู่ริมทาง

 

คุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ในเมืองวาคะสะ (Wakasa) ในสมัยเอโดะ ปี 1589 พื้นที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองสถานีเก่า และเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างเกียวโต (Kyoto) ยาว 1 กิโลเมตร มีชื่อเสียงเรื่องการขนส่งอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาซาบะ ที่จับได้จากชายฝั่งโอะบะมะ (Obama) จึงถูกขนานนามว่าเป็น “Saba Kaido” บริเวณโดยรอบมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิเช่น เขื่อนโคจิกาวะ (Kouchigawa Dam), น้ำตกอุริวะริ (Uriwari no taki) เป็นต้น

 

จุดเด่นของสถานที่

คุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku) เป็นถนนที่ขนานไปกับแม่น้ำคิตะกาวะ (Kitagawa) ยังคงรักษาภูมิทัศน์แบบดั้งเดิม อบอวลด้วยบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงสมัยเอโดะจากอาคารไม้เก่าแก่ที่เป็นเอกลักษณ์เรียงรายกว่า 200 หลัง (ปัจจุบันเหลือเพียง 100 หลัง) ในอดีตถูกใช้เป็นหอจดหมายเหตุ ร้านค้าขายส่ง โกดังเก็บของ ปัจจุบันได้เปลี่ยนให้เป็นแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ร้านขายเครื่องเคลือบ ร้านขายของที่ระลึก และที่พักแบบคลาสสิค โดยอาคารเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น และเป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

พื้นที่ของถนนสายนี้นี้แบ่งออกเป็น 3 เขต ได้แก่ "คามิโนะโจ" (kaminocho) "นากาโนะโจ" (Nakanocho) และ "ชิโมโนะโจ" (Shimonocho) แต่ละเขตก็จะมีบรรยากาศที่ต่างกัน มีจุดไฮไลท์ที่ทำให้ถนนแห่งนี้ไม่เหมือนใครคือคูน้ำเล็ก ๆ ที่ทอดยาวไหลรินอยู่หน้าอาคารบ้านเรือน

ภายใต้คอนเซปต์ “Wa” (和) ที่หมายถึง ความเป็นญี่ปุ่น ที่คุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku) เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินไปตามถนนก็จะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่ ไม่เพียงแต่ทัศนียภาพของทั้งเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าพัก หรือทำกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่น

 

กิจกรรม และเทศกาลที่น่าสนใจ

บนถนนคุมะกาวะ จุคุ (Kumagawa-juku) ยังมีอาคารที่เปิดเป็น Workshop ให้ได้ทำเครื่องปั้นดินเผา มีคอร์สให้เลือกหลากหลาย ทั้งคอร์สที่เน้นปั้น และเพนต์ หรือคอร์สเพนต์อย่างเดียว สามารถเลือกปั้นจาน ชาม หรือแก้วได้

และยังมีเทศกาลคุมะกาวะ อิปปุคุ จิไดมุระ (Kumagawa Ippuku Jidaimura) เป็นเทศกาลฤดูร้อนที่จัดขึ้นทุกๆ เดือนตุลาคมของทุกปี ภายในงานสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบเทศกาลญี่ปุ่นฤดูร้อนที่คลาสสิก พร้อมด้วยกิจกรรมชวนย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำในอดีตสมัยเอโดะ เช่น บูธยิงปืน บ้านนินจา แข่งจับปลาเทราต์สายรุ้ง จัดแสดงขบวนรถแห่ หรือการละเล่นท้องถิ่นที่นำเอาของเล่นปลาทองกระป๋องมาลอยในคูน้ำเพื่อแข่งกันว่าของใครจะลอยเร็วที่สุด เป็นต้น

 

 

ที่อยู่ Kumagawa-juku Wakasa Town
Kumagawa, Wakasa, Mikatakaminaka District, Fukui
การเดินทาง จากสถานี Omi-Imazu โดยสารรถบัส JR Bus สาย Jakko Line ลงป้าย Kumagawa ใช้เวลา 30 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://kumagawa-juku.com/
http://kumagawajuku.jp/smp/
https://www.wakasa-mikatagoko.jp/search/entry/tourism-008.html
https://fupo.jp/article/kumagawajyuku/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
http://www.wakasa-mikatagoko.jp/en/search/entry/tourism-008.html
https://wakasabay.jp/.../kumagawajuku/kumagawajuku.html
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo)

หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo) ในยามพระอาทิตย์ตกดิน สวยงามโรแมนติก

 

หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo) ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเอจิเซ็นคางะ (Echizen-Kaga Quasi-National) แห่งเมืองซะไค (Sakai) เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบริมฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea) ของจังหวัดจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) เป็นหน้าผาหินภูเขาไฟที่สูงชันกว่า 20 เมตร เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและคลื่นลมมานานนับ 12-13 ล้านปีก่อน บริเวณใกล้เคียงมีสถานี่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายเช่น วัดเฮเซ็นจิ (Heisen-ji)

 

จุดเด่นของสถานที่

ผาแห่งนี้มีระยะ 1 กิโลเมตร ทอดตัวยาวอยู่ริมฝั่งทะเล มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดจนน่าทึ่ง ลักษณะเป็นเสาแท่ง ไม่มียอดแหลมจึงเป็น 1 ใน 3 สถานที่ทางธรณีวิทยาที่หายากของโลก และได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติ

บริเวณหน้าผาสามารถชมรูปร่างของผาหินทรงต่าง ๆ เช่น "หินสิงโต" (Lion-Iwa), "หินรังผึ้ง" (Hachi no Su-Iwa), "หินเทียน" (Rosoku-Iwa) เป็นต้น โดยที่สามารถเดินสำรวจผาหินไปตามทางได้อย่างอิสระโดยไม่มีที่กั้น และหากเดินไปยังทิศเหนือก็จะเห็นเกาะโอชิมะ (O Island) และสะพานสีแดงสดได้อย่างชัดเจน สามารถเดินข้ามสะพานเพื่อข้ามไปเยี่ยมชมศาลเจ้าโอมินะโตะ (Ominato Shrine) และจากเกาะโอชิมะ (O Island) ก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของผาโทจินโบ (Tojinbo) ได้อย่างชัดเจน และอีกไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือ นะมิโนะฮะนะ (Nami no Hana) ฟองคลื่นลักษณะคล้ายดอกไม้ที่เกิดจากคลื่นที่ซัดในฤดูหนาว

ภายใต้คอนเซปต์ "Bi" (美) ที่หมายถึง ความสวยงาม ที่หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo) เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ผ่านกาลเวลานับล้านปี จนเกิดเป็นความสวยงามที่ฝีมือมนุษย์นั้นไม่อาจสร้างได้ และหาชมได้ที่จังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

บริเวณผาโทจินโบ (Tojinbo) จะมีบริการนั่งเรือชมวิว ใช้เวลา 30 นาทีต่อรอบ โดยเรือจะพาลัดเลาะไปตามหลืบหน้าผา ไปยังจุดชมทิวทัศน์ที่ชมได้ยาก อย่าง "หินสิงโต" (Lion-Iwa) ที่ลักษณะเหมือนสิงโตนอนเฝ้าผาอยู่ และหากมองจากมุมด้านล่างขึ้นไป จะเห็นมุมผาที่สูงชั้น ตระการตาต่างจากกาเดินรชมวิวที่ด้านบน และบริเวณรอบ ๆ ยังมีร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก และมีหอคอย Tojibo Tower สูง 55 เมตรที่เราสามารถชมวิวมุมกว้างแบบ 360 องศา

 

 

ที่อยู่ Tojinbo
64-1 Mikunicho Anto, Sakai, Fukui
การเดินทาง จากสถานี Mikuniminato โดยสารรถบัส ลงป้าย Tojinbo ใช้เวลา 5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.fuku-e.com/spot/detail_1476.html
https://kanko-sakai.com/tojinbo/
https://echizenkaga.jp/spot/tojinbo/?lang=ja
http://www.toujinbou-yuransen.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://enjoy.pref.fukui.lg.jp/en/spot/spot-1/
https://echizenkaga.jp/spot/tojinbo/?lang=en
http://www.toujinbou-yuransen.jp/?lang=en
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://www.japan.travel/th/spot/1380/
https://echizenkaga.jp/spot/tojinbo/?lang=th

 

เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba)

เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba)

 

เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba) เป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองเอจิเซ็น (Echizen) ริเริ่มมาจากขุนนางในสมัยยุคเอโดะ (ปีค.ศ. 1601) กับพ่อครัวเส้นโซบะที่มักจะทานโซบะกับหัวไชเท้าขูด จนทำให้เมนูโอโรชิ โซบะได้แพร่หลายไปยังวงกว้าง และเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้คนทั่วไป และในปีค.ศ. 1947 จักรพรรดิโชวะได้เดินทางไปเยือนยังจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) จึงได้ลองทานโอโรชิ โซบะขณะทรงประทับที่เมืองเอจิเซ็น (Echizen) หลังจากที่ได้ทานก็ชื่นชมถึงรสชาติของโซบะว่ามีรสชาที่เอร็ดอร่อยจึงตั้งชื่อว่าเอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba)

 

จุดเด่นของสถานที่

จังหวัดฟุคุอิ (Fukui)มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปลูกบัควีท ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของเส้นโซบะเป็นพิเศษ โดยโซบะของจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) จะมีสีที่ดำเข้ม กลิ่นชัด และเหนียวนุ่มกว่าเส้นโซบะทั่วไป เนื่องจากใช้เมล็ดบัควีตแบบยังไม่ได้สีเปลือก และใช้วิธีการบดโซบะอย่างละเอียดจนถึงส่วนเปลือกชั้นนอก

เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba) เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปโชยุที่ได้จากการเคี่ยวดาชิรสกลมกล่อม โรยหน้าด้วยต้นหอม ปลาโอแห้ง และหัวไชเท้าขูดฝอยให้รสชาติเผ็ดร้อนเป็นเอกลักษณ์ วิธีการรับประทานคือให้นำหัวไชเท้าละลายลงไปทานคู่กับน้ำซุป ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิที่นิยมแพร่หลายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

ภายใต้คอนเซปต์ "Shoku"(食) ที่หมายถึง อาหาร เอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba) เองก็เป็นเมนูที่จะทำให้เราได้รู้จักกับความเป็นท้องถิ่นของคนญี่ปุ่นมากขึ้น ผ่านการกิน รวมถึงยังได้เรียนรู้ว่าวัตถุดิบอาหารที่ได้จากพืชพรรณท้องถิ่นอย่าง บัควีท หัวไชเท้า ก็สามารถทำเป็นเมนูง่าย ๆ แต่กินแล้วครบรส และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

 

กิจกรรม หรือเทศกาลที่น่าสนใจ

เมื่อมาเยือนยังเมืองเอจิเซ็น (Echizen) นอกจากได้ทานโซบะแสนอร่อยของท้องถิ่นแล้ว ไม่ควรพลาดเปิดประสบการณ์ลองทำโซบะเส้นสดด้วยตัวเองที่หมู่บ้านเอจิเซ็นโซบะ (Echizen Soba no Sato) ที่เปิดมานานกว่า 90 ปี

สำหรับใครที่ไม่เคยทำอาหารก็สามารถเข้าร่วมทดลองทำโซบะได้ โดยเริ่มเรียนรู้ขั้นตอนตั้งแต่นวดแป้ง รีดแผ่นแป้ง ตัดให้เป็นเส้น ไปจนถึงวิธีการต้มให้ได้ความเหนียวนุ่มที่พอดี (สามารถแจ้งเมนูเท็มปุระที่ต้องการทานคู่กับโซบะได้ตอนจองคอร์ส มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

ด้านในอาคารยังมีทั้งโซนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมนูเอจิเซ็น โอโรชิ โซบะ (Echizen Oroshi Soba) ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้จริง ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และยังสามารถเข้าร่วมทัวร์โรงงานผลิตโซบะที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ได้ด้วย เรียกได้ว่าสามารถมาเพลิดเพลินที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน

 

 

ที่อยู่ Echizen Soba no Sato
7-37 Makaracho, Echizen, Fukui
การเดินทาง จากสถานี Takefu โดยสารรถแท็กซี่ ใช้เวลา 15 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.echizen-tourism.jp/history/history16
https://www.echizensoba.co.jp/
https://www.echizensoba.co.jp/taiken01
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.echizensoba.co.jp/english
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
https://foreign.info-toyama.com/th/tokushu/gokayama/
https://www.jnto.or.th/newsletter/fukui-recommend-traditional-food/
https://www.japan.travel/th/spot/1386/

 

เพจที่เกี่ยวข้อง

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages