HOME Back

Use the

Planning a Trip to Japan?

Share your travel photos with us by hashtagging your images with #visitjapanjp

เดินชมซากุระที่วัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple)

จังหวัดนารา (Nara) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนเกียวโต (Kyoto) มีทั้งวัดและศาลเจ้าที่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกโลก จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวในตัวเมืองอย่าง สวนสาธารณะนารา (Nara Park) และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่าง นารามาจิ (Naramachi) และวัดที่เป็นที่รู้จักหลากหลายวัด

ที่จังหวัดนาราเป็นเมืองหลวงถาวรแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น สามารถพบกับ เส้นทางจาริกแสวงบุญ วัดโบราณ ดอกซากุระ และเหล่ากวาง ในครั้งนี้จะแนะนำวัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple) ไหว้พระขอพร ท่ามกลางบรรยายกาศดอกซากุระบานก็จะสวยเป็นพิเศษ

 

วัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple)


 

 

วัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วัดมินามิ ฮอกเคจิ (Minami Hokkeji Temple) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนเหนือของภูเขาโยชิโนะ(Yoshino Mt.)เมือง (Takatori) ในจังหวัดนารา (Nara)

วัดแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น วัดซากุระไดบุทสึ (Sakura Daibutsu) ภายในวัดนี้จะมีการออกแบบผสมผสานระหว่างศิลปะญี่ปุ่นและอินเดียทำให้มีความแปลกตาเป็นพิเศษ และสามารถชมความงามได้ทั้งสี่ฤดู

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.tsubosaka1300.or.jp/seasons.html

 

ประวัติความเป็นมาของวัดทสึโบซากะเดะระ

 

วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 703 เมื่อพระภิกษุเบ็งกิแห่งวัดกังโกจิ ท่านนั้นเข้ามาฝึกปฏิบัติธรรมที่เขาแห่งนี้ ท่านได้วางโถแก้วอันโปรดของท่านที่ไว้ในอาศรมอยู่บนยอดเขา นำมาแกะสลักรูปจำลองของพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ท่านเห็นในนิมิตรและได้นำมาบูชาสืบต่อมา และยังมีอีกหลายเรื่องราวของวัดแห่งนี้

 

จุดเด่นของวัดทสึโบซากะเดะระ

หินแกะสลักของที่นี่เป็นปฏิมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือชาวอินเดียแล้วถูกส่งมาตั้งไว้ที่วัดแห่งนี้

 

 

เท็นจิคุ โทไร ไดคันนง (Tenjiku Torai Daikannon) รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหินสีขาว ตั้งสูงตระหง่าน ที่มีความสูง 20 เมตร หนัก 1200 ตัน ที่ได้มาจากประเทศอินเดีย โดยมือขององค์เจ้าแม่กวนกิมนั้นจะพับนิ้วกลางและนิ้วนางเข้าไป เป็นสัญลักษณ์ว่า “เราจะช่วยท่าน”

 

 

พระพุทธรูปสีขาวปางนิพพาน เป็นภาพพระพุทธเจ้าศากยมุนีที่กำลังจะเข้าสู่พระนิพพานหลังจากทรงแสดงธรรมเทศนาทั้งหมดแล้ว พระธรรมเทศนาบทสุดท้ายของพระองค์พระศากยมุนีคือ “การตรัสรู้พระองค์ การตรัสรู้ธรรม” ซึ่งพระองค์ทรงสอนว่า บุคคลควรถือตนเป็นประทีป พึ่งพาตนเอง ส่องสว่างธรรม และพึ่งพาพระธรรมคือ การพึ่งตนเองและคำสอนที่ถูกต้อง ไม่ว่าพระศากยมุนีจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม

 

 

องค์พระใหญ่ไดชากะเนียวไร เซกิโซ (Daishakanyorai Sekizou) หรือ Tsubosaka Daibutsu ที่สูง 10 เมตรและขนาดของฐานมีความกว้างถึง 5 เมตร การไหว้นี้เพื่อขอให้จิตใจเบิกบาน ได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง

องค์เจ้าแม่กวนอิมทสึโบซากะ คันนง ตั้งอยู่ที่หน้าองค์พระใหญ่ได้รับการยกย่องให้เป็นคันนอนแห่งดวงตามาช้านาน และมีการนำแว่นตาเก่าและคอนแทคเลนส์มาถวายเป็นพุทธบูชาบนฐาน ในทุกวันที่ 18 ตุลาคม ของทุกปี จะมีการจัดพิธีรำลึกถึงแว่นตาในห้องโถงหลัก

 

 

เรื่องเล่าพระพุทธเจ้าเสด็จเยือนอินเดีย “ชีวประวัติพระศากยมุนี” ภาพนูนต่ำนี้เป็นงานศิลปะหินขนาดใหญ่ มีความสูง 3 เมตร ยาว 50 เมตร และหนัก 300 ตัน เป็นงานแกะสลักหินนูนนี้แกะสลักจากหินอินเดียในเมืองการ์กาลา รัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของอินเดีย โดยช่างแกะสลักหินทั้งหมด 57,000 คน

 

 

สุสานหินอันงดงามแห่งนี้ซึ่งจำลองมาจากถ้ำอชันตาในประเทศอินเดีย มีน้ำหนัก 1,500 ตัน และได้รับการแกะสลักและประกอบโดยคนรวม 120,000 คนจากญี่ปุ่นและอินเดีย ด้านหลังสุดมีห้องเก็บอัฐิสำหรับสักการะดวงวิญญาณบรรพบุรุษ

 

หนึ่งในสมบัติของวัดที่ควรค่ามาสักการะ

 

ในวิหารแปดเหลี่ยมที่ประดิษฐานรูปประธาน พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือสิบเอ็ดเศียร กล่าวกันว่าอาคารแปดเหลี่ยมในปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสมัยเอโดะ โดยมีทฤษฎีว่าห้องโถงหลักของวัดสึโบซากะเดระอาจเป็นห้องโถงแปดเหลี่ยมแห่งแรกที่สร้างขึ้นในญี่ปุ่น

หนึ่งในสมบัติของวัดที่สำคัญคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ 11 พักตร์

 

 

พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ 11 พักตร์ สร้างด้วยไม้โอ๊คฝังไม้จากสมัยมุโระมาจิ มีรูปร่างแข็งแรงนั่งบนบัลลังก์ดอกบัวและมีใบหน้าอิ่มเอิบ โดยแผ่พระหัตถ์อันเมตตา 40 องค์ และใช้แต่ละมือในการบรรเทาทุกข์ของสรรพชีวิตทั้งหมดใน 25 ภพภูมิ โดยพระหัตถ์เมื่อหันไปข้างหน้าจะถือลูกบอลสีแดง และเชื่อว่าเป็นมือที่ช่วยปกป้องดวงตา โดยพระหัตถ์ทั้งสองประสานกันไว้ตรงหน้า มีทั้งหมด 42 พระหัตถ์ โดยแต่ละพระหัตถ์นั้นว่ากันว่ามีตาอยู่ด้วย อย่าง เมื่อเรามีอาการปวดหลัง มือของเราจะเคลื่อนไปตรงจุดนั้นโดยธรรมชาติ และเมื่อเรามีอาการปวดท้อง มือหนึ่งในพันมือจะบรรเทาอาการปวดนั้น เป็นต้น

 

ช่วงดอกซากรุระบานที่ วัดทสึโบซากะเดะระ

 

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิทั่วทั้งบริเวณวัดจะกลายเป็นสีชมพู จากต้นซากุระพันธุ์ชิเมอิโยชิโนะ (Someiyoshino) มากกว่า 300 ต้น ที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณตัดกับรูปปั้นสีขาว ทำให้สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใครที่นี่จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยชวนฝันสำหรับคนชอบถ่ายรูป

ช่วงที่เหมาะแก่การชมดอกซากุระคือ ระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน

 

ดื่มด่ำยามค่ำคืน ที่ วัดทสึโบซากะเดะระ

 

ในช่วงดอกซากุระบานตอนกลางคืนจะมีการจัดแสงไฟให้ชมบรรยากาศของซากุระในยามค่ำคืน
เวลาทำการ 8:30-17:00 น. (เฉพาะช่วงซากุระเปิดถึง 20:00 น.)
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลานี้อีกด้วย คือ

Special Entry Night at Tsubosaka-dera Temple

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://nara-experience.com/detail/index/247&ml_lang=en

 

 

ที่อยู่ Tsubosaka dera
3 Tsubosaka, Takatori-cho, Takaichi-gun, Nara
การเดินทาง จากสถานี Tubosakayama โดยสารรถบัส Nara Kotsu Bus หมายเลข 20 มุ่งหน้าไป Tsubosakaderamae ลงที่ป้ายสุดท้าย แล้วเดินเท้าประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.tsubosaka1300.or.jp/
เว็บไซต์
(ภาษาอังกฤษ)
https://www.japan.travel/en/experiences-in-japan/1083/
เว็บไซต์
(ภาษาไทย)
-

 

เพจที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ค้นหา

Categories

Archives

Please Choose Your Language

Browse the JNTO site in one of multiple languages