จังหวัดนารา (Nara) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนเกียวโต (Kyoto) มีทั้งวัดและศาลเจ้าที่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกโลก จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวในตัวเมืองอย่าง สวนสาธารณะนารา (Nara Park) และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่าง นารามาจิ (Naramachi) และวัดที่เป็นที่รู้จักหลากหลายวัด
วัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple)
วัดทสึโบซากะเดะระ (Tsubosakadera Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วัดมินามิ ฮอกเคจิ (Minami Hokkeji Temple) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนเหนือของภูเขาโยชิโนะ(Yoshino Mt.)เมือง (Takatori) ในจังหวัดนารา (Nara)
วัดแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น วัดซากุระไดบุทสึ (Sakura Daibutsu) ภายในวัดนี้จะมีการออกแบบผสมผสานระหว่างศิลปะญี่ปุ่นและอินเดียทำให้มีความแปลกตาเป็นพิเศษ และสามารถชมความงามได้ทั้งสี่ฤดู
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.tsubosaka1300.or.jp/seasons.html
ประวัติความเป็นมาของวัดทสึโบซากะเดะระ
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 703 เมื่อพระภิกษุเบ็งกิแห่งวัดกังโกจิ ท่านนั้นเข้ามาฝึกปฏิบัติธรรมที่เขาแห่งนี้ ท่านได้วางโถแก้วอันโปรดของท่านที่ไว้ในอาศรมอยู่บนยอดเขา นำมาแกะสลักรูปจำลองของพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ท่านเห็นในนิมิตรและได้นำมาบูชาสืบต่อมา และยังมีอีกหลายเรื่องราวของวัดแห่งนี้
จุดเด่นของวัดทสึโบซากะเดะระ
หินแกะสลักของที่นี่เป็นปฏิมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือชาวอินเดียแล้วถูกส่งมาตั้งไว้ที่วัดแห่งนี้
เท็นจิคุ โทไร ไดคันนง (Tenjiku Torai Daikannon) รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหินสีขาว ตั้งสูงตระหง่าน ที่มีความสูง 20 เมตร หนัก 1200 ตัน ที่ได้มาจากประเทศอินเดีย โดยมือขององค์เจ้าแม่กวนกิมนั้นจะพับนิ้วกลางและนิ้วนางเข้าไป เป็นสัญลักษณ์ว่า “เราจะช่วยท่าน”
พระพุทธรูปสีขาวปางนิพพาน เป็นภาพพระพุทธเจ้าศากยมุนีที่กำลังจะเข้าสู่พระนิพพานหลังจากทรงแสดงธรรมเทศนาทั้งหมดแล้ว พระธรรมเทศนาบทสุดท้ายของพระองค์พระศากยมุนีคือ “การตรัสรู้พระองค์ การตรัสรู้ธรรม” ซึ่งพระองค์ทรงสอนว่า บุคคลควรถือตนเป็นประทีป พึ่งพาตนเอง ส่องสว่างธรรม และพึ่งพาพระธรรมคือ การพึ่งตนเองและคำสอนที่ถูกต้อง ไม่ว่าพระศากยมุนีจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม
องค์พระใหญ่ไดชากะเนียวไร เซกิโซ (Daishakanyorai Sekizou) หรือ Tsubosaka Daibutsu ที่สูง 10 เมตรและขนาดของฐานมีความกว้างถึง 5 เมตร การไหว้นี้เพื่อขอให้จิตใจเบิกบาน ได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง
องค์เจ้าแม่กวนอิมทสึโบซากะ คันนง ตั้งอยู่ที่หน้าองค์พระใหญ่ได้รับการยกย่องให้เป็นคันนอนแห่งดวงตามาช้านาน และมีการนำแว่นตาเก่าและคอนแทคเลนส์มาถวายเป็นพุทธบูชาบนฐาน ในทุกวันที่ 18 ตุลาคม ของทุกปี จะมีการจัดพิธีรำลึกถึงแว่นตาในห้องโถงหลัก
เรื่องเล่าพระพุทธเจ้าเสด็จเยือนอินเดีย “ชีวประวัติพระศากยมุนี” ภาพนูนต่ำนี้เป็นงานศิลปะหินขนาดใหญ่ มีความสูง 3 เมตร ยาว 50 เมตร และหนัก 300 ตัน เป็นงานแกะสลักหินนูนนี้แกะสลักจากหินอินเดียในเมืองการ์กาลา รัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของอินเดีย โดยช่างแกะสลักหินทั้งหมด 57,000 คน
สุสานหินอันงดงามแห่งนี้ซึ่งจำลองมาจากถ้ำอชันตาในประเทศอินเดีย มีน้ำหนัก 1,500 ตัน และได้รับการแกะสลักและประกอบโดยคนรวม 120,000 คนจากญี่ปุ่นและอินเดีย ด้านหลังสุดมีห้องเก็บอัฐิสำหรับสักการะดวงวิญญาณบรรพบุรุษ
หนึ่งในสมบัติของวัดที่ควรค่ามาสักการะ
ในวิหารแปดเหลี่ยมที่ประดิษฐานรูปประธาน พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือสิบเอ็ดเศียร กล่าวกันว่าอาคารแปดเหลี่ยมในปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสมัยเอโดะ โดยมีทฤษฎีว่าห้องโถงหลักของวัดสึโบซากะเดระอาจเป็นห้องโถงแปดเหลี่ยมแห่งแรกที่สร้างขึ้นในญี่ปุ่น
หนึ่งในสมบัติของวัดที่สำคัญคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ 11 พักตร์
พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ 11 พักตร์ สร้างด้วยไม้โอ๊คฝังไม้จากสมัยมุโระมาจิ มีรูปร่างแข็งแรงนั่งบนบัลลังก์ดอกบัวและมีใบหน้าอิ่มเอิบ โดยแผ่พระหัตถ์อันเมตตา 40 องค์ และใช้แต่ละมือในการบรรเทาทุกข์ของสรรพชีวิตทั้งหมดใน 25 ภพภูมิ โดยพระหัตถ์เมื่อหันไปข้างหน้าจะถือลูกบอลสีแดง และเชื่อว่าเป็นมือที่ช่วยปกป้องดวงตา โดยพระหัตถ์ทั้งสองประสานกันไว้ตรงหน้า มีทั้งหมด 42 พระหัตถ์ โดยแต่ละพระหัตถ์นั้นว่ากันว่ามีตาอยู่ด้วย อย่าง เมื่อเรามีอาการปวดหลัง มือของเราจะเคลื่อนไปตรงจุดนั้นโดยธรรมชาติ และเมื่อเรามีอาการปวดท้อง มือหนึ่งในพันมือจะบรรเทาอาการปวดนั้น เป็นต้น
ช่วงดอกซากรุระบานที่ วัดทสึโบซากะเดะระ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิทั่วทั้งบริเวณวัดจะกลายเป็นสีชมพู จากต้นซากุระพันธุ์ชิเมอิโยชิโนะ (Someiyoshino) มากกว่า 300 ต้น ที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณตัดกับรูปปั้นสีขาว ทำให้สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใครที่นี่จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยชวนฝันสำหรับคนชอบถ่ายรูป
ช่วงที่เหมาะแก่การชมดอกซากุระคือ ระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน
ดื่มด่ำยามค่ำคืน ที่ วัดทสึโบซากะเดะระ
ในช่วงดอกซากุระบานตอนกลางคืนจะมีการจัดแสงไฟให้ชมบรรยากาศของซากุระในยามค่ำคืน
เวลาทำการ 8:30-17:00 น. (เฉพาะช่วงซากุระเปิดถึง 20:00 น.)
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลานี้อีกด้วย คือ
Special Entry Night at Tsubosaka-dera Temple
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://nara-experience.com/detail/index/247&ml_lang=en
ที่อยู่ | Tsubosaka dera 3 Tsubosaka, Takatori-cho, Takaichi-gun, Nara |
การเดินทาง | จากสถานี Tubosakayama โดยสารรถบัส Nara Kotsu Bus หมายเลข 20 มุ่งหน้าไป Tsubosakaderamae ลงที่ป้ายสุดท้าย แล้วเดินเท้าประมาณ 5 นาที |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) |
https://www.tsubosaka1300.or.jp/ |
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) |
https://www.japan.travel/en/experiences-in-japan/1083/ |
เว็บไซต์ (ภาษาไทย) |
- |
เพจที่เกี่ยวข้อง
- นารา
- แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดนารา (Nara)
- เดินเล่นชิวๆ ชมซากุระที่ญี่ปุ่น
- แนะนำ 5 จุดชมซากุระที่ไม่ควรพลาด ในตัวเมือง
- รวม 5 จุดชมซากุระหายากแบบ Unseen ที่คุณอาจยังไม่เคยไป
- 10 ราเม็งทั่วประเทศญี่ปุ่น
- อาหารจานเด่น ที่ไม่ควรพลาดของคันไซ (Kansai)
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์